ในที่สุดอัครเอสยูวีหรู อย่าง BMW X7 ที่มาพร้อมพลังใหม่ ดีเซล Mild Hybrid ที่คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ที่ 6.1-6.3 ล้านบาท
ล่าสุด BMW ได้ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพียง 6,199,000 บาท ซึ่งปรับขึ้นจากเดิม 200,000 บาท โดยการปรับขึ้นครั้งนี้ได้เทคโนโลยีใหม่นั่นคือ เครื่องยนต์ดีเซล Mild Hybrid พร้อมเติมสาร AD Blue บนเรือนร่างใหญ่หน้าเดิมทั้ง ภายนอกหลอมรวมทั้งความคล่องตัวความทรงพลังเข้าด้วยกันอย่างลงตัวทั้งยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนชั้นเลิศ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายด้วยตัวรถที่กว้างขวางในทุกมิติ ดีไซน์ที่สง่างาม ได้รับการออกแบบที่ล้ำสมัยและเป็นเอกลักษณ์ด้วยรูปลักษณ์ภาพนอกด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยไฟหน้าล้ำสมัย BMW Laserlight เส้นสายการดีไซน์ที่เฉียบคมบนตัวถังขนาดใหญ่สะท้อนถึงความปราดเปรียว เรียบง่ายและบึกบึน มาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบา BMW Individual ลาย Y-spoke แบบสลับสีขนาด 22 นิ้ว พร้อมยางขนาดเท่าเดิมคือ 275/40 R22 สำหรับล้อหน้าและ 315/35 R22 สำหรับล้อหลัง พร้อมเสริมรูปลักษณ์สปอร์ตทรงพลังด้วยชุดแต่ง M Sport ขณะที่ระบบท่อไอเสียในสไตล์ M Sport มอบเสียงเครื่องยนต์กังวานสอดประสานกับพละกำลังและความสง่างามของตัวรถ และเติมบุคลิกความแรงอย่างลงตัวด้วยเบรก M Sport ราวหลังคารถสีดำเงา และบันไดข้างดีไซน์แบบอลูมิเนียม พร้อมความยาว 5,151 มม. ความกว้าง 2,000 มม. ความสูง 1,805 มม. ฐานล้อ 3,103 มม. น้ำหนักรถ 2,490 กก. (เดิม 2,370 กก.) และความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะนั่งแบบสามแถว 7 ที่นั่ง ทุกที่นั่งสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟ้ามอบความสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร สำหรับเบาะที่นั่งตอนหน้ายังมาพร้อมกับระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดผ่อนคลาย เบาะที่นั่งบุด้วยหนังแท้ Merino เนื้อละเอียดจาก BMW Individual หรูหราขึ้นไปอีกขั้นด้วยการตกแต่งห้องโดยสารด้วยลายไม้สีดำเงา ‘Fineline’ แบบ metal effect มอบความภูมิฐานสง่างาม ตกแต่งภายในด้วยผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’ พร้อมชุดไฟ Ambient light ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เพดานแบบ Panorama glass roof Sky Lounge ที่เพิ่มความโปร่งอย่างโอ่อ่าเหนือระดับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 5 โซน และระบบความบันเทิงพร้อมจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังรุ่น Professional อีกสองจอ ส่วนห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีปริมาตรความจุ 750 ลิตร และเพิ่มได้สูงสุดถึง 1,050 ลิตร เมื่อพับเบาะแถว 3 และแถว 2 ตามลำดับ ออกแบบมาเพื่อตอบทุกโจทย์การขับขี่และพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M และระบบความบันเทิงและสื่อสารรุ่นล่าสุดอย่าง BMW Live Cockpit Professional พร้อมจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ BMW ConnectedDrive และระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งสามารถควบคุมผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงได้อย่างง่ายดาย มอบความสะดวกสบายตามความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง ขณะที่ระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro เสริมความมั่นใจด้วยเสถียรภาพที่เหนือกว่าในทุกจังหวะการขับขี่
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 6 สูบพร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 3.0 ลิตร รหัส B57D30T2 ส่งพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้าที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,250 รอบต่อนาที พร้อมโลดแล่นสู่ความเร็วสูงสุดที่ 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที เครื่องยนต์นี้ทำงานสอดประสานกับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ ช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive จึงมอบความนุ่มสบายเหนือระดับ การควบคุมที่เฉียบคม และความปราดเปรียวอันทรงพลัง
ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Mild Hybrid (MHEV) ขนาด 48 โวลต์ ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซลที่ผ่านมาตรฐานยูโร 5 และรองรับสาร AdBlue ช่วยลดการปล่อยมลพิษได้มากกว่าเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป โดยระบบ Mild Hybrid จะใช้การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟขนาด 48 โวลต์ มาช่วยเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีกถึง 11 แรงม้า ส่งแรงทันใจโดยเฉพาะในช่วงออกตัวและจังหวะเร่ง ในขณะเดียวกันก็ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุดที่สามารถลดไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสียด้วยสาร AdBlue จึงสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่เร็วแรงทันใจและยังลดการปล่อยมลพิษได้อย่างเหนือชั้น
มอบความปลอดภัยยิ่งกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus (Parking Assistant Plus) ระบบช่วยการขับขี่่ (Driving Assistant) นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นในการปูรากฐานสู่อนาคตแห่งรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ด้วยฟังก์ชั่นอย่าง Reversing Assistant ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่ขณะถอยจอดหรือถอยออกจากที่แคบอัตโนมัติ เป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากบริเวณที่มีพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดายแม้จะมีมุมมองที่จำกัด โดยฟังก์ชั่นดังกล่าวจะจดจำองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยขณะขับเข้าไปยังพื้นที่แคบด้วยความเร็วไม่เกิน 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนจะถอยรถออกมาตามเส้นทางเดิมได้เป็นระยะทางสูงสุด 50 เมตร ซึ่งระบบจะสามารถจดจำองศาการเลี้ยวดังกล่าวไว้ได้เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากที่จอดรถได้ แม้จะจอดทิ้งไว้ข้ามคืนหรือเป็นระยะเวลาหลายวัน
BMW X7 xDrive40d M Sport ใหม่ มาให้เลือกในห้าสี ได้แก่ สีเทา Arctic Grey Brilliant Effect, สีดำ Black Sapphire Metallic, สีดำ Carbon Black Metallic, สีขาว Mineral White Metallic และสีน้ำเงิน Phytonic Blue โดยราคาจำหน่ายนั้นได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard
