More

    แอ่วเหนือเที่ยวเชียงใหม่กับ ISUZU V-Cross 4×4

    ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผชาติล้วนงามตา นามล้ำค่านครพิงค์ ถ้าขึ้นต้นด้วยดอยสุเทพคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคำขวัญของจังหวัดเชียงใหม่

    ISUZU

    สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ยังเป็นหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือที่ยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ขาดสายแต่จากสถานการณ์ของโควิด-19 เมื่อสองปีที่ผ่านมาทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซบเซาอย่างหนัก นักท่องเที่ยวน้อยลงโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ร้านค้าต่างๆทยอยปิดกิจการลง หรือบางเจ้า กัดฟันสู้เพื่อพยุงธุรกิจให้เดินต่อไป แต่เชียงใหม่ในตอนนี้ได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศอีกครั้ง ได้มาชมสิ่งสวยๆงามๆและแหล่งที่อันซีนไม่เคยเห็นมาก่อนได้สัมผัส ได้กลับมาเที่ยวอีกสักครั้ง และครั้งนี้ Car2Day พาแฟนๆมาสัมผัสบรรยกาศการเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนต์ กับ แอ่วเหนือเที่ยวเชียงใหม่ด้วยสปอร์ตออฟโรดตัวจริงทุกส้นทางกับ ISUZU V-Cross 4×4 Master of All Roads

    ISUZU

    สนุกสนานกันไปอีกแบบสำหรับการท่องเที่ยวทางรถยนต์จากรุงเทพฯเดินทางขับข้ามหลายจังหวัด โดยใช้ทางหลวงสายเอเชียเป็นหลักแต่ถึงว่าอากาศจะร้อนยังไง ISUZU V-Cross 4×4 รุ่น M ท็อปสุดคันนี้มีเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาปรับให้สาสมใจกันยิ่งมี Cool Max เบาะนั่งพิเศษช่วยลดสะสมความร้อนได้เมื่อต้องจอดนานๆและถ้าทำงานร่วมกับ Remote Start Engine สั่งสตาร์ทรถได้และกระจกหน้ารถแบบ IR CUT นอกจากช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสารได้เย็นลงยังป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้เรียกว่าเย็นสบายตลอดการเดินทางเลยทีเดียวในที่สุดก็ถึงเชียงใหม่เสียที เป็นการขับข้ามจังหวัด 12 จังหวัด ระยะทางเกือบ 700 กิโลเมตร ระยะเวลา 8.12 ชั่วโมง ที่แรกที่จะมาสัมผัสกับนั่นก็คือ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารสถานที่ยอดนิยม

    ISUZU

    สำหรับวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร หรือดอยสุเทพ ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง ตำบลสุเทพ โดยห่างจากตัวเมืองเพียง 30 กม. เดินทางตามถนนห้วยแก้ว ผ่านอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ไปตามทางคดเคี้ยวขึ้นเขาแล้วก็ถึง วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ ที่มาที่ไปนั้นเชื่อกันว่าเดิมภูเขาแห่งนี้เป็นที่อยู่ของฤาษีนามว่า “สุเทวะ” ซึ่งตรงกับคำว่าสุเทพอันเป็นที่มาของชื่อดอยสูงแห่งนี้ โดยวัดพระธาตุดอยสุเทพนี้สร้างขึ้นเมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่องค์ที่ 6 เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย

    ISUZU

    ตามตำนานเล่าว่า พระเจ้ากือนาธรรมิกราชทรงแยกพระบรมสารีริกธาตุไว้เป็นสองส่วน โดยอัญเชิญองค์หนึ่งบรรจุไว้ที่พระธาตุวัดสวนดอก ส่วนอีกองค์หนึ่งได้อัญเชิญขึ้นบนหลังช้างมงคล โดยพระเจ้ากือนาธรรมิกราชทรงตั้งจิตอธิษฐานเสี่ยงทายว่าหากช้างเชือกนั้น หยุดลงตรงที่ใดก็จะให้สร้างพระธาตุขึ้น ณ ที่แห่งนั้น ซึ่งช้างเชือกดังกล่าวได้มาหยุดลงตรงยอดดอยสุเทพแห่งนี้ โดยทำทักษิณาวรรตสามรอบก่อนที่จะล้มลง (ตาย) ดังนั้นพระเจ้ากือนาธรรมิกราชจึงทรงรับสั่งให้สร้างพระบรมธาตุอันเป็นที่ ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ ณ ยอดดอยสุเทพ อยู่คู่ฟ้าคู่ดินเชียงใหม่มานับแต่นั้น ความเชื่อและวิธีการบูชา เชื่อกันว่าหากมาสักการะและอธิษฐานขอพรพระธาตุดอยสุเทพ จะมีแต่ความสำเร็จสมหวังดังปรารถนา แคล้วคลาด ผ่านอุปสรรคนานาไปได้ ในการสักการะพระธาตุนั้น ควรเตรียมข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียนแล้วเดินเวียนขวา 3 รอบ พร้อมกล่าวคำนมัสการพระธาตุ โดยตั้งจิตอธิษฐานขอให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา และควรไหว้พระธาตุให้ครบทั้ง 4 ทิศ ซึ่งให้อานิสงส์ที่ต่างกัน คือ ทิศเหนือขอให้มีปัญญาดุจพระจัทร์เพ็ญ ทิศใต้ ขอให้ได้เป็นพระภิกษุสงฆ์ได้บวชในบวรพุทธศาสนา ทิศตะวันออกขอให้ได้ขึ้นสวรรค์ ทิศตะวันตกเป็นการเคารพบูชาสูงสุดต่อพระธาตุ สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มานมัสการพระธาตุดอยสุเทพแล้ว ควรมากราบอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ที่ประดิษฐานอยู่ตรงเชิงดอยสุเทพเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วยและผู้ที่เดินทางมาสักการะที่วัดแห่งนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ ได้อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดนาคไป 300 ขั้น เพื่อไปยังวัด หรือใช้บริการรถกระเช้าขึ้น-ลงดอยสุเทพได้ ตามเวลาที่กำหนดไว้ISUZUISUZU

    มาชมความงามของเหล่าหมู่มวลดอกไม้นานาพันธุ์ที่ พระตำหนักภูพิงราชนิเวศน์ โดยห่างจากดอยสุเทพ เพียง 2.6 กม. ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองในเนื้อที่โดยรอบพระตำหนักประมาณ 400 ไร่ นั้น แบ่งเป็นบริเวณที่ เปิดให้นักท่องเที่ยว ได้ชื่นชมประมาณ 200 ไร่ คำว่า “ดอยบวกห้า” เป็นชื่อเรียก ตามคำพื้นเมือง ดอยหมายถึงภูเขา บวกหมายถึง หนองน้ำ ห้าหมายถึงต้นหว้า หมายความว่า ที่ยอดดอยแห่งนี้มี หนองน้ำอุดมไปด้วยต้นหว้าขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณหนองน้ำนั้น พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ในปีพ.ศ. 2504 และพระราชทานนาม พระตำหนักองค์นี้ว่า ภูพิงคราชนิเวศน์ โดยทรงเลือกจาก หนึ่งใน 2 ชื่อ ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครั้งเป็นที่ พระศาสนโสภณ เป็นผู้คิดชื่อถวาย คือ “พิงคัมพร” กับ “ภูพิงคราชนิเวศน์” พระตำหนักแห่งนี้ ใช้เป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรม ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงงาน และเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคเหนือ รวมทั้งเพื่อรับรองพระราชอาคันตุกะที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทยในโอกาสต่างๆ การที่ทรงเลือกสร้างที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีอากาศเย็นสบาย ภูมิประเทศสวยงาม อีกทั้งเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน ผู้คนพลเมืองยังดำรงรักษาจารีตขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามไว้

    ISUZU

    พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มีลักษณะเป็นแผนผังแบบเรือนไทยภาคกลางที่เรียกว่า “เรือนหมู่” มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นไทยประเพณีประยุกต์ ก่ออิฐถือปูน ยกพื้นสูงหลังคาทรงไทย ภายในประกอบไปด้วยท้องพระโรง ห้องเสวย ห้องบรรทม และห้องสรง สำหรับพระราชอาคันตุกะ ตั้งอยู่คนละด้าน มีเฉลียงใหญ่ และพลับพลาหอนกเป็นที่ประทับทอดพระเนตรทัศนียภาพของเมืองเชียงใหม่ ชั้นบนเป็นที่ประทับ ชั้นล่างเป็นที่อยู่ของมหาดเล็กและคุณข้าหลวง ออกแบบแปลนโดยหม่อมเจ้า สมัยเฉลิม กฤดากร สถาปนิกพิเศษ กรมศิลปากร ออกแบบรูปด้านโดยหม่อมราชวงศ์ มิตรารุณ เกษมศรี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์ดำเนินการก่อสร้าง และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกหลวงกัมปนาท แสนยากร องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ในการวางศิลาฤกษ์พระตำหนักเมื่อ 24 สิงหาคม 2504

    การก่อสร้างพระตำหนักใช้เวลา 5 เดือนก็แล้วเสร็จ จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี เป็นทั้งสถาปนิก และมัณฑนากรออกแบบ ตกแต่ง ภายในพระตำหนัก ทั้งในส่วนที่ประทับและส่วนที่ใช้รับรอง พระราชอาคันตุกะทั้งหมด โดยออกแบบให้เป็นแบบไทยประยุกต์ ดัดแปลงให้เหมาะสมกับการใช้แบบสากลมากขึ้น และได้ใช้พระตำหนัก ในการรับรองพระราชอาคันตุกะ ส่วนตัวอาคารอื่น ๆ ได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมขึ้นภายหลัง

    isuzu

    จากดอยสุเทพและพระตำหนักภูพิงราชนิเวศน์ แล้วเดินทางไปเปิดประสบการณ์ใหม่กับการเดินทางไปอีก 103 กม.เพื่อตอบรับสโลแกน ตัวจริงทุกเส้นทางหรือ Master of All Roads ที่สันป่าเกี๊ยะ อำเภอเชียงดาว เส้นทางเข้ามาเป็นทางแคบแต่ปูทางเรียบดีก่อนจะเจอด่านตรวจสัตว์ป่าจอมคีรีซึ่งจะมีค่าเข้าในราคา 20 บาท/คน และค่ายานพาหนะคันละ 30 บาท หลังจากนั้นความบันเทิง 20 กว่ากม.ราวๆชั่วโมงครึ่งก็เริ่มขึ้น ก่อนจะขึ้นความคิดแรกเส้นทางที่ไปอาจจะโหดถึงขั้นต้องใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแต่เอาเข้าจริงขับรถธรรมดาทั่วไปก็เข้าได้ แต่ก็ต้องดูช่วงเวลาและสภาพอากาศด้วยนะครับอย่างที่ผู้เขียนไปนั้นไปตอนช่วงปลายหนาวหรือต้นปี ถึงเส้นทางเข้ามีคดเคี้ยวบ้างโค้งบ้างมีทางลาดชัน แคบ และเป็นทางดินลูกรังแต่พลัง 3.0 ลิตร 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ Terrain Command ก็ผ่านได้ฉลุย จนมาถึงจุดสูงสุดของสันป่าเกี๊ยะ ที่รายล้อมด้วยวิวสวยบนดอยหลวง สามารถชมความสวยงามในยามเข้าตรู่ได้ โดยมีที่พักในสไตล์โดมสีขาว และที่พักทั่วไปที่สามารถชมวิวได้ หรือถ้าอยากเอกเทศก็สามารถนำเต้นท์มาตั้งทำกิจกรรมสันทนาการปิ๊งอาหารกินกันยามเย็นก็เป็นได้

    ISUZU

    ชื่นชมความงามกันพอสมควรถึงเวลาที่ต้องกลับเข้าตัวเมืองก่อนเพื่อหาของอร่อยกับร้านอาหารเหนือขนานแท้ที่อยู่คู่กับชาวเชียงใหม่กว่า 40 ปีกับร้านลาบป่าตันดีขม บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ขึ้นชื่อกับเมนูหลากหลายไม่ว่าจะเป็นไส้ทอดที่ทอดกรอบนุ่มไม่คาว​ รวมถึงลาบคั่วหมู​ และไส้อั่วที่เข้มข้นไม่เผ็ด นอกจากนี้ยังมีหลากหลายเมนูทั้ง แกงอ่อม แคบหมู ไส้อั่ว ลาบปลาคั่วทับทิม แซบเอ็นวัว ฯลฯ ในราคาที่ไม่แรงมาก โดยร้านจะเปิดบริการตั้งแต่แปดโมงครึ่งถึงสี่ทุ่ม ใครชอบอาหารเหนือจากพ่อครัวชาวเหนือโดยตรงร้านนี้ไม่ควรพลาด ทาง​ Car2Day รับประกันว่าอร่อยเด็ด สนใจโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 090 236 5291

    ISUZU

    จบทริปแอ่วเหนือเที่ยวเชียงใหม่ในหนึ่งวันกับ ISUZU V-Cross 4×4 Master of All Roads สปอร์ตออฟโรดตัวจริงทุกเส้นทางที่จะพาคุณไปได้ทุกที่ทุกแห่งในเมืองไทยตามที่ใจปรารถนา และครั้งต่อไปจะพาไปเที่ยวทางรถยนต์ในจังหวัดไหนติดตามได้ที่เว็บไซต์ Car2Day.com

     

    ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่ได้เปิดโลกใหม่แห่งการท่องเที่ยวทางรถยนต์แบบตัวจริงทุกเส้นทางกับ ISUZU V-Cross 4X4 Master of All Roads

     

    ที่มา museumthailand.com และ readme

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts