More

    Mercedes เปิดตัว C-Class รุ่นปี 2022 มาพร้อมดีไซน์และเทคโนโลยีถ่ายทอดจากรุ่นพี่ S-Class

    Mercedes ได้เปิดตัว W201 ในปี 1982 ในฐานะหนึ่งในรถตระกูล C-Class ซึ่งก็ได้กลายเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในตระกูลนี้ หลังจากผ่านไป 40 ปี และมีรุ่นใหม่ออกมาทั้งหมด 6 เจเนเรชั่น (รวมถึง 190 รุ่นดั้งเดิม) C-Class มียอดขายรวมมากกว่า 10.5 ล้านคัน โดยตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วสำหรับการออกรุ่นใหม่ที่จะมาสานต่อความสำเร็จที่เคยได้ทำเอาไว้ แม้ว่าในตอนนี้ตลาดกำลังมีการแข่งขันรถประเภท SUV สูงก็ตาม 

    แบรนด์รถหรูจากเยอรมนีทำรถรุ่นใหม่ให้มีไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยวมากขึ้น รุ่นที่ออกในอเมริกาจะเลือกได้ว่าต้องการล้อขนาด 18 หรือ 19 นิ้ว ในขณะที่รุ่นที่ออกในยุโรปจะมีล้อขนาดเล็กกว่าคือ 17 นิ้ว 

    เมื่อมองจากภายนอก อาจจะเห็นว่าด้านหน้ามีการปรับโฉมใหม่ต่างจากเจเนเรชั่นก่อน แต่จริงๆ แล้วความเปลี่ยนแปลงหลักนั้นอยู่ด้านภายใน เราไม่ได้ลงรูปผิดแต่อย่างใด ถึงแม้ว่า C-Class รุ่นใหม่จะดูราวกับ S-Class ก็ตาม

    ในอเมริกาเหนือจะมีหน้าจอดิจิทัล 12.3 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แล้วก็หน้าจอทัชสกรีน MBUX 11.9 นิ้วเจเนเรชั่นที่ 2 ส่วนในยุโรปจะมีขนาดเล็กกว่า คือ 10.25 นิ้ว และ 9.5 นิ้ว 

    ภายในจะมีพื้นที่กว้างกว่ารุ่นก่อนๆ เนื่องจากฐานล้อได้ขยายออกไป 1 นิ้ว (25 มม.) เป็น 112.8 นิ้ว (2,865 มม.) C-Class รุ่นใหม่จะมีความยาวกว่ารุ่นก่อน 2.5 นิ้ว (65 มม.) และกว้างกว่า 0.5 นิ้ว (10 มม.) ทำให้ห้องโดยสารมีพื้นที่ด้านบน ด้านข้าง มากขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

    ความจุที่เก็บของไม่ได้เปลี่ยนไป คือ 17.9 ตารางนิ้วสำหรับรุ่นที่ขายในอเมริกา และ 455 ลิตรสำหรับรุ่นที่ออกในยุโรป ด้วยหลังคาที่ยาวขึ้นแบบแวกอนจึงทำให้มีพื้นที่เก็บของมากถึง 490 ลิตร ถ้าเบาะหลังพับเก็บจะมีพื้นที่ถึง 1,510 ลิตร

    สำหรับเครื่องยนต์ ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด เกียร์ออโต้ 9 สปีด แบบที่ออกในอเมริกาจะเป็นเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ใช้น้ำมัน รุ่น C300 มีพลัง 255 ม้า 190 กิโลวัตต์ แรงบิด 400 นิวตันเมตร เมื่อใช้ร่วมกับ integrated starter-generator (ISG) จะเพิ่มแรงขึ้นอีก 20 ม้า (15 กิโลวัตต์) กับแรงบิด 148 ปอนด์-ฟุต (200 นิวตันเมตร) C300 ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำความเร็ว 60 ไมล์/ชม.(96 กม./ชม.) ได้ในเวลา 5.9 วิ 

     C-Class ในยุโรปจะออกรุ่น C200 กับ C200 4Matic แบบใช้น้ำมัน ซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่า คือ 1.5 ลิตร 201 ม้า (150 กิโลวัตต์) แรงบิด 221 ปอนด์-ฟุต (300 นิวตันเมตร) เร่ง 62 ไมล์/ชม.(100 กม./ชม.) ได้ในเวลา 7.1 วิ ทั้งในแบบซีดานและแวกอน ส่วนแบบ RWD ใช้เวลา 7.3 วิ (ซีดาน) กับ 7.5 วิ (แวกอน)

    ท็อปสปีดของ AWD C-200 แบบซีดานกับแวกอน คือ 150 ไมล์/ชม. (241 กม./ชม.) เมื่อเทียบกับแบบ RWD ซีดาน คือ 153 ไมล์/ชม. (246 กม./ชม.) และแบบ RWD แวกอน คือ 149 ไมล์/ชม. (240 กม./ชม.) 

    รุ่น C180 จะออกในยุโรปเฉพาะแบบ RWD และ 1.5 ลิตร 167 ม้า (125 กิโลวัตต์) แรงบิด 184 ปอนด์-ฟุต (250 นิวตันเมตร) รุ่นนี้จะมีระบบ ISG ที่ทำให้เร่งไป 62 ไมล์/ชม. ในเวลา 8.6 วิ  

    Mercedes จะออกรุ่น C200d, C220d, C220d 4MATIC และ C300d ในแบบไฮบริดดีเซล Old Continent 2.0 ลิตร พลัง 161 ม้า (120 กิโลวัตต์) และ 280 ปอนด์-ฟุต (380 นิวตันเมตร) นอกจากนี้ยังมีรุ่นพลัง 197 ม้า (147 กิโลวัตต์) แรงบิด 325 ปอนด์-ฟุต (440 นิวตันเมตร) ขับเคลื่อนทุกล้อ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีแบบดีเซลที่พลัง 261 ม้า (195 กิโลวัตต์) แรงบิด 406 ปอนด์-ฟุต (550 นิวตันเมตร)   

    ในยุโรป Mercedes รุ่น C300 จะเป็นแบบปลั๊กอินไฮบริด 2.0 ลิตร ใช้น้ำมัน และมอเตอร์ไฟฟ้ารวมกันเป็น 308 ม้า (230 กิโลวัตต์) แรงบิด 406 ปอนด์-ฟุต แบบ PHEV ใช้แบต 25.4 กิโลวัตต์ เพียงพอสำหรับวิ่งไป 62 ไมล์ (100 กิโลเมตร) ตามมาตรฐานของ WLTP

    Mercedes ได้เพิ่มอ็อปชั่นขับเคลื่อนล้อหลัง ที่จะทำให้วงเลี้ยวลดลง 17 นิ้ว (43 ซม.) ถึง 10.64 เมตร (34.9 ฟุต) และมีวงเลี้ยวแกนล้อหลัง 2.5 องศา หรือเล็กกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่น S-Class ที่ความเร็วต่ำสุด 37 ไมล์/ชม. 

    Mercedes C-Class พร้อมวางขายกับตัวแทนจำหน่ายในอเมริกาตอนต้นปี 2022 ส่วนในยุโรปจะเริ่มให้สั่งจองแบบซีดานกับแวกอนตั้งแต่เดือนมีนาคม สำหรับ C-Class All-Terrain จะออกตามมาภายหลังพร้อมกับ AMG C43 (หรือไม่ก็ C53) และ C63 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีศักยภาพสูงกว่า

    source : motor1.com

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts