More

    รีวิว! Mitsubishi Xpander Facelift เอ็มพีวีเล็กขับดีขับเยี่ยมนั่งสบายแบบ 7 ที่นั่ง

    ทำตลาดในเมืองไทยมาสี่ปีจนได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มพ่อบ้านกลุ่มคนเมืองที่มองหารถเอ็มพีวีเล็กในราคาย่อมเยา กับ Mitsubishi Xpander

    Mitsubishi

    Mitsubishi Xpander ก้าวเข้าสู่อันดับหนึ่งกลุ่มรถยนต์เอ็มพีวีขนาดเล็กหรือ MINI MPV ด้วยยอดขายสะสมตั้งแต่ สิงหาคม 2018 ถึงปัจจุบัน มากกว่า 44,000 คัน มีจุดเด่นด้วยความโมเดิร์นของดีไซน์ ความสบายของ 7 ที่นั่ง ขับขี่มั่นใจ ทนทานเป็นหนึ่ง และด้วยการมาของคู่แข่งตัวเอ้ที่ลบภาพเดิมๆการเป็นรถขับหลังมีกระดูกกลายเป็นขับหน้าไร้กระดูกอย่างเป็นทางการทำให้ Mitsubishi ปรับโฉมอีกครั้งโดยเปิดตัวหลังอินโดนีเซียสี่เดือนและประกาศราคาอย่างเป็นทางการช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา และเพื่อพิสูจน์ความใหม่สดของรถยนต์เอ็มพีวีเล็กคันนี้ จึงพาสื่อมวลชนชั้นนำรวมถึงทีมงาน Car2Day ได้มาทดสอบขับบนเส้นทางกรุงเทพฯ-ราชบุรี (สวนผึ้ง)

    Design & Exterior

    Xpander

    การปรับโฉมครั้งนี้เป็นครั้งที่สองในการทำตลาดและปรับโฉมครั้งใหญ่ในร่างเดิมที่ถอดความหล่อมาจากเอสยูวีรุ่นพี่อย่าง Mitsubishi Outlander เจนใหม่ สไตล์ Advance Dynamic Shield เริ่มที่ไฟหน้าเปลี่ยนแปลงในส่วนไฟส่วนบนยังเป็น Daytime LED อยู่ตำแหน่งเดิม ไฟหน้าจะอยู่ในชุดกันขนหน้าแบบ Sideways-T แบบมัลติรีเฟลกเตอร์เสียดายที่ว่าน่าจะมีแบบ LED มาให้ ในชุดกันชนหน้าเข้มรับกับกระจังหน้าสไตล์ใหม่สีดำเข้มปักโลโก้ทรีไดมอนด์ ที่มีส่วนเสริมความหรูด้วยเส้นสองข้างโครเมี่ยมสองข้าง ช่ายล่างกันชนหน้ามีคิ้วเสริมในตัวแบบสีเทา

    Mitsubishi

    ด้านข้างยังคงดีไซน์เดิมตั้งแต่บังโคลนหน้า เสา A ไปจนถึงเสา D  กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถแบบทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยวที่สมารถปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้า กับกระจกหูช้างเล็กๆ บริเวณเดียวกับ กระจกมองข้าง กรอบกระจกตกแต่งด้วยเส้นโครเมี่ยมส่วนล่าง ที่เปิดประตูโครเมี่ยมและปุ่มสีดำสำหรับล็อกปลดล็อกประตูด้วยกุญแจรีโมททรงเล็กแบบ KOS ล้ออัลลอยลายใหม่ สีทูโทน 5 ก้านคู่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 205/55R17 (เดิมเป็นขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/55R16) คิ้วชายล่างประตูตกแต่งใหม่สีทูโทน เสาอากาศแบบครีบฉลามแต่ไม่มีราวหลังคาติดตั้งมาให้เพื่อให้เป็นรถหรูเรียบง่ายไม่หวือหวานั่นเอง ฝาท้ายออกแบบใหม่รับกับไฟท้ายปรับดีไซน์ใหม่รูปตัว T หรือ Sideways-T แบบ LED  พร้อมกันชนหลังออกแบบใหม่ดูสปอร์ตกว่าเดิมด้วยชุดเสริมกันชนแบบ 3 มิติและสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ก็ติดมาจากโรงงาน

    มิติตัวรถปรับเล็กน้อยในส่วนความสูงจากใต้ท้องรถเป็น 220 มม. (เดิม 205 มม.) ระยะโอเวอร์แฮงค์ด้านหน้าและหลังปรับยาวขึ้น 75 มม. และ 45 มม. โดยที่ปรับความสูงจากใต้ท้องรถและระยะโอเวอร์แฮงค์นั้นเผยตัวตนมาในมาดรถเอสยูวีนั่นเอง ส่วนอย่างอื่นนั้นมีการปรับตั้งแต่ความยาวเป็น 4,595 มม. (ยาวกว่าเดิม 120 มม.) ความสูง 1,750 มม. (สูงกว่าเดิม 50 มม.) ส่วนมิติอื่นยังคงเดิมตั้งแต่ความกว้าง 1,750 มม. ฐานล้อ 2,775 มม. และความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร

    Interior & Convenience

    Mitsubishi

     

    นอกจากภายนอกที่ปรับแล้วในส่วนภายในปรับมาดใหม่สไตล์ Horizontal Axis เริ่มกันที่แผงคอนโซลหน้ามาในแบบสีดำเข้มตกแต่งใหม่ในส่วนด้านบนทั้งแผงพร้อมเพิ่มหนังสัมผัสตกแต่งสีน้ำตาลสองชั้นช่องแอร์ซ้าย-ขวาออกแบบใหม่เล็กกว่าเดิม พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสามก้านดีไซน์ใหม่ควบคุมทั้งสวิตช์การทำงานเครื่องเสียงและการทำงาน Cruise Control หุ้มหนังจับกระชับมือกว่ารุ่นเดิม มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ TFT ขนาด 4.2 นิ้วพร้อมการแสดงผลแบบภาพเคลื่อนไหว 3 มิติ ยังคงเดิม ย้ายมาที่คอนโซลกลางออกแบบใหม่สำหรับสเปคไทยมีความพิเศษกว่าสเปคอินโดนีเซียด้วยจอสัมผัสที่ใหญ่กว่าขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple Car Play และ Android Auto พร้อมลำโพง 6 จุดถัดลงมาเป็นช่องแอร์ขนาดเล็กลงปรับดีไซน์เครื่องปรับอากาศแบบดิจิตอลใหม่ พร้อมฟังก์ชัน Max Cool และมีแยกส่วนสำหรับด้านหลังบนหลังคาพร้อมปุ่มหมุนเปิดปิดที่ยังดูล้าสมัยไปบ้างแต่ความพิเศษอีกอย่างที่เหนือกว่าสเปคอินโดนีเซียนั่นคือมีระบบไล่ฝ้ากระจกหน้ามาให้ถือว่าเหนือกว่าคู่แข่ง Toyota Veloz พร้อมช่องเสียบ USB และช่องจ่ายกระแส ไฟ DC 12 โวลต์ แต่ว่าไม่มีช่องชาร์จมือถือไร้สายให้มาด้วยเหมือนตอนมีในรุ่นพิเศษ 60 ปี และ Special Edition คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่เช่นกันลาทีกับความเทอะทะของเบรกมือก้านคันโยกด้วยเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold กล่องคอนโซลกลางออกแบบใหม่รับกับชุดคอนโซลเกียร์ที่ฝาเปิดนั้นซ่อนที่ใส่กระดาษทิชชู่เรียกว่าเอาใจคุณผู้หญิงอย่างแน่แท้มีถาดเก็บของแบบเปิดขนาดใหญ่ที่พักแขนสามารถเก็บขวดน้ำได้ถึง 600 มล.และข้างหลังกล่องคอนโซลกลางมี USB 2 ช่องแบบ Type-A และType-C

    Mitsubishi

    แผงประตูออกแบบใหม่รับกับคอนโซลหน้าสีดำ หุ้มหนังสังเคราะห์สีน้ำตาลเย็บตะเข็บจริงสำหรับที่พักแขนประตู เบาะนั่งอออกแบบใหม่ด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้สีดำสามารถปรับเอนสูงต่ำด้านคนขับแต่ปุ่มปรับสูงต่ำของเบาะน่าจะเป็นก้านยกดีว่าปุ่มกลมจับล้าสมัย ทางด้านโครงสร้างเบาะออกแบบใหม่ให้ความโอบกระชับมากขึ้นโดยคนหุ่นไซส์ M นั่งสบายแต่ติดที่ว่าแผ่นดันหลังด้านคนขับค่อนข้างหนาไปนิดอยากให้ลดความหนาของแผ่นดันหลังหน่อยก็ยังดี ส่วนตอนที่สองกับตอนที่สามหุ้มกึ่งหนังแท้สีดำเช่นกัน โดยตอนสองมาแบบ 40:20:40 พร้อมที่วางแก้วในตัวที่พักแขน โดยสามารถพับได้แบบ 40:60 ปรับเอน เลื่อนและพับไปด้านหน้าได้ และตอนสามพับแบบ 50:50 ยิ่งกว่านี้เบาะคู่หน้าและตอนสองกันความร้อนได้หรือ Heat Guard เรียกว่านั่งสบายก้นกันทีเดียว และที่บังแดดขึ้นรูปด้วยวัสดุหนังไวนิลสีเงินที่จับแล้วการบุแผงบังแดดอาจดูอ่อนไปนิดและยังมีกระจกแต่งหน้ามาให้สองฝั่งและไม่มีไฟแต่งหน้ามาให้เหมือนคู่แข่ง

    Engine & Transmission

    Mitsubishi

    ถึงปรับหน้าตาและภายในให้สู้กับคู่แข่งได้แต่ขุมพลังยังคงใช้บริการเครื่องเดิมนั่นคือเครื่องยนต์เบนซิน MIVEC 1.5 ลิตร รหัส 4A91 ให้กำลังมากถึง 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 141 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ/นาที ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,499 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ X ช่วงชัก 75.0 X 84.8 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 10.1:1 ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้านระบบส่งกำลังบ๊ายบายกับเกียร์ 4 สปีดลูกเก่าที่อืดอาด มาเป็นเกียร์อัตโนมัติแปรผันลูกใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับ Mitsubishi Xpander Facelift โดยเฉพาะ แบบ Eco-dynamic CVT จากค่าย AISIN

    Handling & Ride

    Mitsubishi

    ก่อนจะขับรุ่นนี้ทางผมเองได้สอบถามข้อมูลจากผู้ใช้งานจริงรุ่นก่อนหน้านั้นมาโดยให้ข้อมูลว่าการเร่งแซงพอใช้ได้แต่ก็รอรอบนานเกินไปเพราะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดการขับขี่ไม่ประทับใจ และเมื่อนำข้อมูลจากผู้ใช้จริงมาผนวกกับการขับขี่ด้วยตัวเองบนเส้นทาง กรุงเทพฯ-ราชบุรี สวนผึ้ง เกือบ 200 กม. การตอบสนองของเครื่องยนต์เดิมที่จับคู่กับเกียร์ CVT ลูกใหม่ให้ความกระฉับกระเฉงไม่รอรอบนาน เมื่อเข้าเกียร์ D หรือเข้า DS ที่ปุ่มดำข้างๆด้ามจับ ก็สนองตอบทันท่วงที มีจังหวะเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลตั้งแต่ความเร็วต่ำถึงสูงแถมยังทำให้รอบเครื่องทำงานเบาลงอีกสำหรับรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ความเร็ว 90-120 กม./ชม. จับรอบเครื่องได้ตั้งแต่ 1,600 1,700 1,900 และ 2,100 รอบ/นาทีโดยประมาณ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเมื่อเป็นมาเกียร์ลูกใหม่สร้างความประหยัดได้มากถึง 14.1 กม./ลิตร (ข้อมูลจากชุดมาตรวัด MID) ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

    การเก็บเสียงสร้างความเงียบได้ดีมากด้วยการบุวัสดุซับเสียงที่หนาขึ้น รวมถึงวัสดุเก็บเสียงที่ประตู หลังคา พื้น และกระจกหน้ารถซับเสียง ทำให้มีความเงียบมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม สามารถฟังเพลงพูดคุยสนทนาอย่างสบายอารมณ์ โดยในช่วงความเร็วกกลางและสูงแทบไม่เสียงเล็ดลอดแต่อย่างใด ถือเป็นจุดเด่นที่สู้ได้กับคู่แข่ง Toyota Veloz นั่นเอง

    Mitsubishi

    ช่วงล่างยังใช้พื้นฐานเดิมกับช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตรัทอิสระพร้อมคอยล์สปริงเหล็กันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบเทอร์ชอนบีมที่ครั้งนี้ปรับเซ็ตใหม่โดยติดตั้งเหล็กค้ำหัวโช้คเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและด้านหลังปรับเปลี่ยนขนาดของโช้คอัพให้มีขนาดที่ใหญ่แบบเดียวกับที่ใช้ใน Mitsubishi Pajero Sport ผลที่ได้นั้นให้ความหนึบแน่นนุ่มนวลขับเข้าโค้งอย่างมั่นใจ โดยของเดิมนั้นเดิมไม่โยนยิ่งพัฒนาใหม่ คำว่าโยนนั้นลบออกจากความคิดไปได้เลย ระบบพวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร ที่น้ำหนักดี ควบคุมบังคับง่ายวงเลี้ยวแคบดีมั่นใจอย่างมากถึงในวนเวลาเลี้ยวรถกลับยูเทิร์นก็ตามอารมณ์แบบนี้ถือว่าสูสีกับ Suzuki XL7 ระบบห้ามล้อมาเป็นหน้าดิสก์เบรกแบบมีช้องระบายความร้อน หลังดรัมเบรกแต่ประสิทธิภาพน้ำหนักในการกดแป้นมากขึ้นถึง 20 % ระยะการเบรกสั้นลงทันใจมากเรียกว่าเด่นไม่แพ้ดิสก์เบรก 4 ล้อ ของคู่แข่งตัวเอ้

    Safety & Feature

    Mitsubishi

    ต้องยอมรับกันเลยว่า Mitsubishi Xpander Facelift ให้ระบบความปลอดภัยพื้นฐานไม่เน้นตัวช่วยพิเศษแต่อย่างใดจุดนี้ถือว่าเสียปเปรียบคู่แข่ง โดยให้ความปลอดภัยมาแค่ ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ป้องกันการลื่นไถล (TCL) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) กระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) เสริมแรงเบรก (BA) ไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า และกล้องมองภาพด้านหลัง

    Verdict

    Mitsubishi

    ด้วยค่าตัวมั่นหน้าตั้งไว้เกือบ 900,000 บาท ถือว่าแพงกว่าคู่แข่งพอสมควรกับข้าวของเฟอร์นิเจอร์ที่ประดับมาให้นั้นค่อนข้างครบครันพร้อมหน้าใหม่ทันสมัยกว่าแม้ไฟหน้าไม่ใช่ LED  ระบบความปลอดภัยที่ให้น้อยกว่าคู่แข่ง ถ้าคุณไม่กังวลกับประเด็นเรื่องเซฟตี้ที่น้อยนิดรถคันนี้ถือว่าขับสนุก ขับมันส์ ขับสบายแน่นอนด้วยช่วงล่างที่เซ็ตใหม่ เกียร์ CVT และสบายด้วยเบาะ 7 ที่นั่งกันความร้อนได้จากเบาะนั่งสุดภูมิฐานล้วนทำให้เป็นปัจจัยต้นๆที่จะเป็นเจ้าของ Mitsubishi Xpander Facelift รุ่น GT ในราคา 895,000 บาท

    Mitsubishi

    ขอขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่เชิญทีมงาน Car2Day เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบ Mitsubishi Xpander Facelift รุ่น GT

     

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts