More

    รีวิว! Suzuki Swift เก๋งท้ายตัด ที่ขับดีช่วงล่างดี ค่าตัวน่าคบ

    นับตั้งแต่ Suzuki Swift เจนที่ 3 เปิดตัวเมื่อสี่ปีก่อนกลายเป็นรถ 5 ประตู ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากมิตรรักแฟนเพลงชาวไทย

    Suzuki

    ด้วยตัวรถกะทัดรัด ออกแบบดูดีลงตัว การขับขี่เป็นจุดเด่นจากแพลต์ฟอร์ม HEARTECT และความปลอดภัยที่ครบครันสู้ได้กับเจ้าอื่นกลายเป็นรถที่คนไทยเป็นเจ้าของง่ายขึ้นในราคาที่คบหาได้ช่วง 5แสนถึง6แสนบาท ล่าสุดเมื่อช่วงปีกลายมีการปรับปรุงเล็กน้อยหรือเรียกกันว่า Model Year ทั้งหน้าตาออพชั่นบางรายการรวมถึงตัดรุ่นย่อยเดิมมี 4 รุ่นเหลือเพียง 2 รุ่นย่อย และเพื่อเป็นการตอกย้ำจุดแข็งของการเป็นรถที่ขับดีมั่นใจในทุกสภาพถนน ทาง Suzuki จึงพาสื่อมวลชนชั้นนำซึ่งรวมถึงทีมงาน Car2Day ได้มาทดลองขับกันภายใต้กิจกรรม Up to the MAX กับ Suzuki Swift รุ่น GLX

    Design & Extrerior

    Suzuki

    ภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยถ้าหากมองรวมๆก็เหมือนเดิมแต่ก็มีการปรับเปลี่ยน เริ่มที่ กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมทรงเดิมไส้รังผึ้งแต่เปลี่ยนในส่วนเส้นแนวนอนใต้โลโก้ S จากสีเดียวกับตัวรถกลายเป็นเส้นโครเมี่ยมและถอดฐานใส่ป้ายทะเบียนแนวยาวออกไปเพื่อปลุกเร้าอารมณ์สปอร์ตมากขึ้น ไฟหน้ายังคงเดิมกับไฟหน้า Projector แบบ LED กับ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime LED ซึ่งสถิตอยู่ในชุดโคมไฟหน้าด้วยกัน ชุดกันชนหน้าดีไซน์เดิมกับไฟตัดหมอกทรงกลม

    Suzuki

    ด้านข้างเด่นด้วยเสา A แนวตั้งทาด้วยสีดำรวมถึงเสา B ก็ทาด้วยสีดำเช่นกัน ซึ่งให้อารมณ์แบบเดียวกับรถ MINI กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยวที่สามารถปรับและพับได้ด้วยไฟฟ้า ทางด้านเสา C ออกแบบที่เปิดประตูติดกับเสาแบบสีดำ ส่วนที่เปิดประตูด้านคนขับและคนนั่งคู่หน้าเป็นก้านสวิตช์สีเดียวกับตัวรถ พร้อมปุ่ม Keyless Entry ตรงก้านที่เปิดประตูสองฝั่งสามารถล็อกปลดล็อกที่ก้านหรือตัวกุญแจรีโมท Smart Key ล้ออัลลอยลายเดิมแบบ 5 ก้านคู่ที่เปลี่ยนมาใช้สีเงินอ่อนปัดเงาแต่ยังให้ยางขนาดเดิม 185/65R16 ไฟท้ายคงเดิมด้วย LED รูปตัว C กับไฟเบรกดวงที่ 3 ฝังขอบกระโปรงท้าย เสาอากาศแบบก้านสั้นสีดำ และกันชนท้ายซ่อนกล้องมองหลังไว้ในชุดป้ายทะเบียนบนชุดกันชนหลังสีเดียวกับตัวรถ

    Suzuki

    ตัวรถมีติที่ลงตัวสมส่วนตั้งแต่ความยาว 3,845 มม. ความกว้าง 1,735 มม. ความสูง 1,495 มม. ระยะฐานล้อ 2,450 มม. น้ำหนักรถ 1,395 กก.ความสูงใต้ท้องรถ 120 มม. ความจุถังน้ำมัน 37 ลิตร

    Interior & Convenience

    Suzuki

    ภายในเหมือนก่อนทุกประการแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปนั่นคือระบบความบันเทิงแบบจอสัมผัสจากเดิมจะเป็นแบบ 7 นิ้ว ที่มีทั้งระบบนำทางเชื่อมต่อมือถือ IOS กลายเป็นจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว เล่นได้ทั้ง MP3 WMA เชื่อมต่อ Bluetooth เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ได้แต่ไม่มีระบบนำทางมาให้แล้ว กับ ลำโพง 6 จุด ชุดแต่งแผงคอนโซลหน้าเปลี่ยนมาเป็นแบบสีเงินรวมถึงตกแต่งแผงประตูด้วยสีเดียวกับแผงคอนโซลหน้าช่องแอร์ทรงกลม มาตรวัดเรืองแสงสไตล์สปอร์ตตกแต่งด้วยลายเส้นสีแดงพร้อมจอแสดงข้อมูล MID แบบ LCD สร้างความโฉบเฉี่ยวเร้าใจทุกการขับขี่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสปอร์ตแบบท้ายตัด D-Shape 3 ก้าน ปรับสูง-ต่ำและเข้าออกได้ 4 ทิศทาง โดยในชุดพวงมาลัยมีทั้งปุ่มรับสายมือถือ ปุ่มทำงานชุดเครื่องเสียงและระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control มาพร้อมเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ทรงกลมสามจุดพถัดลงมาเป็นช่องเสียบ USB, HDMI และช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12 V แถมเอาใจคนชอบใส่ของด้วยช่องวางของและวางเครื่องดื่มมากถึง 7 จุดและปุ่ม Keyless Push Start สตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ได้ในปุ่มเดียวที่สะดวก ทันสมัย

    Suzuki Suzuki

    ด้วยความเป็นรถท้ายตัดที่มีเสา A ทำให้การขับขี่ทัศนวิสัยมองเห็นชัดเจนพอสมควร เบาะนั่งอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างเตี้ยแต่ก็ปรับสูงต่ำได้ราวๆ 6 หรือ 8 ทิศทางแต่ปรับด้วยมือ เบาะนั่งหลังนั่งสบายพื้นที่หลังคายังมีเหลือๆพร้อมพื้นที่ด้านท้าย 265 ลิตร และพับเบาะหลังแบบ 60/40 ขยายพื้นที่การขนของได้มากขึ้น โดยมาในแบบผ้าสีดำเข้ม โทนห้องโดยสารสีดำ แต่จุดสังเกตอย่างนึงคือ กระจกมองหลังที่ปรับลดแสงสะท้อนนั้นฐานกระจกไปติดที่ชุดแผงหลังคาแทนที่จะไปติดที่กระจกหน้าซึ่งตรงนี้ดูจะโบราณไปนิดถ้าหากมองเรื่องยุคสมัยมาเกี่ยวข้องแต่ถ้าไม่คิดอะไรก็ใช้งานได้ดีเหมือนกัน

    Engine & Transmission

    Suzuki Suzuki

    สำหรับ Suzuki Swift รุ่น GLX พกพลังสมกับความเป็น ECO-CAR ท้ายตัด กับขุมพลังเบนซิน 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 83 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที รหัส K12M 4 สูบ 16 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,197 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ X ช่วงชัก 73.0 X 71.5 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 11.5:1 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า

    Suzuki

    สำหรับเครื่องยนต์บล็อกนี้ มาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่หรือ DUALJET เพิ่มประสิทธิภาพที่จัดวางไว้ใกล้กับห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และทำงานโดยฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปที่กระบอกสูบพร้อมกันทั้ง 2 หัวฉีด น้ำมันมีละอองที่ละเอียดขึ้น อัดฉีดน้ำมันได้อย่างแม่นยำและลดอุณหภูมิในกระบอกสูบเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ยังมีระบบ EGR ที่ลดอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ ระบายความร้อนแก๊สไอเสียด้วยน้ำและหมุนวนเข้าท่อร่วมไอดี เป็นการลดการเผาไหม้ที่ผิดปกติ ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ IDLING STOP ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง

    Handling & Ride

    Suzuki

    ด้วยข้อจำกัดของการทดลองขับครั้งนี้ที่ให้แค่หนึ่งวันเต็มๆขับกันภายในสนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ด้วยระยะทางในสนาม 2.4 กม. แถมครั้งนี้ขับย้อนศรอีกต่างหาก ซึ่งจะยากหรือไม่ต้องมาลองกัน จากจุดสตาร์ท มายังด่านแรกกับการกลับรถแบบ 360 องศาวนหนึ่งรอบเพื่อให้ได้ลองระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า ที่ให้รัศมีวงเลี้ยว 4.8 เมตร ควบคุมบังคับง่ายสบายๆวงเลี้ยวแคบดีให้ตอบสนองมั่นใจอย่างมากถึงจะวนกลับหนึ่งรอบก็ตาม

    Suzuki

    ก่อนจะเข้าสถานีแต่ละช่วงทั้ง เปลี่ยนเลน สลาลอม พานิกเบรก และเบรก ABS ก็ได้มีโอกาสลองคิ๊กดาวน์สั้นๆ กับเส้นทางโค้งขึ้นลงเนิน ที่มีกรวยหลายจุด เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ให้อัตราเร่งตอบสนองพอสมควรแม้กำลังเพียงแค่ 83 แรงม้า แรงบิด 108 นิวตันเมตร แต่ละโค้งของสนาม รวมถึงเส้นทางขึ้นลงเนิน ก็ยังกระชับกระเฉงดี ไม่อุ้ยออ้ายแต่อย่างใดเรียกว่าทันมือทันเท้าเลยทีเดียว

    Suzuki

    พอมาถึงสถานี เปลี่ยนเลน สลาลอม ที่ต้องใช้พวงมาลัยควบคุมเป็นหลักไว้คอยแก้อาการตอนหลุดโค้ง หรืออาการต่างๆของตัวรถ ด้วยพวงมาลัยไฟฟ้าที่น้ำหนักเบาควบคุมง่าย สามารถแก้อาการหลุดโค้งได้ง่ายในยามคับขัน เรียกว่าเหมาะกับคุณสุภาพสตรีหรือสุภาพบุรุษหุ่นไม่กำยำมากก็ใช้ได้รวมถึงช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันอิสระพร้อมคอยล์สปริง ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีมพร้อมพร้อมคอยล์สปริง เซ็ตออกมาดีนุ่มนวลไม่ย้วย ไม่ว่าจะขับในย่านความเร็วกลางๆเกือบสูงก็ยังมั่นใจกับการเข้าโค้งถึงจะหลุดโค้งไปนิดแต่ก็ควบคุมรถไม่ให้นอกลู่นอกทางอย่างทันใจเพราะส่วนหนึ่งกับความดีของระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และป้องกันการลื่นไถล TCS ที่ไม่ยอมให้รถหลุดจากโค้งอย่างแน่นอน

    Suzuki

    มาถึงสถานีที่เกี่ยวกับการหยุดรถทั้งพานิกเบรกหรือแบรกกะทันหัน หลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ตรงหน้า เพื่อทดสอบระบบเบรกและมีเพียงไม่กี่รุ่นในรถระดับเดียวกันที่กล้าให้ดิสก์เบรก 4 ล้อ ประสิทธิภาพน้ำหนักในการกดแป้นมากขึ้นถึง 20 % ระยะการเบรกสั้นลงทันใจโดยผสานทั้งเบรก ABS กระจายแรงเบรก EBD ควบคู่กัน ผนวกกับความเป็น แพลตฟอร์ม HEARTECT ยกระดับการขับขี่ด้วยปรับปรุงตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบรองรับน้ำหนัก ถังน้ำมันเชื้อเพลิง แถมลดน้ำหนัก มุ่งไปที่ทุกส่วนของรถยนต์มากกว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่คงความแข็งแกร่ง ทนทาน มีประสิทธิภาพในการทรงตัวที่ดี ขับขี่ได้คล่องตัว โดยเมื่อช่วงล่างเครื่องยนต์พวงมาลัยทำงานร่วมกันผลที่ออกมาคือการตอบสนองที่เป็นหนึ่งเดียวต่อเนื่อง

    Safety & Feature

    Suzuki

    ความปลอดภัยของ Suzuki Swift รุ่น GLX จัดมาแบบไม่มีอะไรโดดเด่นเหมือนบางเจ้าที่ให้แบบเทหน้าตักทั้ง เตือนรถในมุมอับสายตา Blind Spot Monitoring  เตือนเมื่อรถวิ่งออกนอกเลน Lane Keeping Assist เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน Lane Departure Warning System เป็นต้น แต่อย่างน้อยความปลอดภัยพื้นฐานก็ให้มาครบครันทั้ง กล้องมองหลัง ควบคุมการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการทรงตัวของรถ (ESP) ออกตัวบนทางลาดชัน (HHC) เบรก ABS+EBD ถุงลมนิรภัย 6 จุด รอบคัน และโครงสร้างตัวถังแบบ TECT

    Verdict

    SuzukiSuzuki

    ด้วยจุดเด่นที่เป็นรถขับสนุก ขับมั่นใจทั้งช่วงล่างที่เซ็ตมานุ่มนวลไม่ย้วย พวงมาลัยไฟฟ้าน้ำหนักเบา เครื่องยนต์ 83 แรงม้าตอบสนองดี เพราะส่วนหนี่งมาจากแพลต์ฟอร์ม HEARTECT แถมเป็นรถที่เก็บเสียงดีและยังใจดีให้ดิสก์เบรก 4 ล้อ ในร่างรถท้ายตัด 5 ประตูดีไซน์บ่งบอกตัวตนเด่นชัดเหมือนรถ MINI ด้วยค่าตัว 629,000 บาท ถ้าไม่แคร์เรื่องความปลอดภัยไฮเทคที่เจ้าอื่นเขามีกันแต่กลับได้ข้าวของพื้นๆที่ครบครันก็นับว่าคุ้มค่าคุ้มราคาแล้วกับ Suzuki Swift รุ่น GLX

    ขอขอบคุณ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่เชิญทีมงาน Car2Day เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถ Suzuki Swift

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts