กำลังได้รับความนิยมทั้งไทยและต่างประเทศสำหรับ Ford Ranger Raptor กระบะสายฮาร์ดคอร์ที่จัดเต็มทั้งพลังความดุดิบในราคาที่น่าคบหา
หลังจากขายในไทย ออสเตรเลีย และบางประเทศคราวนี้ก็ได้ไปแนะนำตัวต่อชาวยุโรปที่รอคอยเจ้าไดโนเสาร์หน้าดุด้วย ไฟหน้าใหม่รูปตัว C แบบ Matrix LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime running lights แบบ LED เพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่างปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ ไฟเลี้ยวแบบไดนามิก ไฟสูงแบบตัดแสงปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติ กระจังหน้าสีดำเข้มติดตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Performance All-Terrain BFGoodrich K02 High T285/70 R17 เท่และดุดันภายใต้ซุ้มล้อสีเทาเข้มที่สะดุดตา ช่องลมข้างบังโคลนสีเทาเข้มมีประโยชน์ด้านอากาศพลศาสตร์นอกจากความสวยงาม บันไดข้างดีไซน์ใหม่ทำจากอะลูมิเนียมที่แข็งแรง ด้านหลังใช้ไฟท้าย LED กันชนหลังสีเทาเข้มมีบันไดเหยียบเพื่อขึ้นกระบะท้าย ตะขอลากจูงคู่หน้าและหลังติดตั้งในตำแหน่งสูงเพื่อเพิ่มมุมจาก ทำให้รถพร้อมลุยในเส้นทางออฟโรดทุกสถานการณ์ ได้กล้องรอบคัน 360 องศา และสเปกยุโรปมีสปอร์ตบาร์เสริมความโหดขึ้นอีกขั้น
ภายในดุดันด้วยห้องโดยสารออกแบบใหม่หมดโดยใช้เบาะที่นั่งแบบสปอร์ตทั้งเบาะหน้าและหลังมอบความสบายและกระชับแม้รถวิ่งด้วยความเร็วบนทางโค้งหุ้มหนังเสริมความหรูหราอีกขั้น ตกแต่งด้วยโทนสีส้ม Code Orange บนแผงหน้าปัด การตัดขอบชิ้นส่วนหลักๆในห้องโดยสาร รวมถึงบนเบาะที่นั่ง มีไฟส่องสว่าง Ambient Light สีอำพันอบอุ่นภายในห้องโดยสาร พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังเกรดพรีเมียมพร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัยหรือ On-centre mark กับแป้น Paddle Shift เคลือบแมกนีเซียม ระบบไฟฟ้าแบบดิจิทัลทั้งหมด ด้วยมาตรวัดดิจิทัลความชัดเจนสูงขนาด 12.4 นิ้ว จอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อและระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A® รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน iOS และ Android ระบบเสียง Bang & Olufsen® 10 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์เสียงเหนือระดับระหว่างการผจญภัยครั้งใหม่ และระบบ Ford Pass แท่นชาร์จไร้สาย
แต่ว่าขุมพลังที่ส่งเข้าไปที่ยุโรปเหมือนกับสเปกไทยและออสเตรเลียด้วยเบนซินเทอร์โบคู่ EcoBoost V6 รหัส DD2S แต่ว่าถูกตอนแรงม้า ตอนกำลังเหลือ 292 แรงม้า แรงบิด 494 นิวตันเมตร เพราะความเข้มงวดการปล่อยมลพิษในสหภาพยุโรป จึงทำให้ตัดกำลังลงไปโดยสเปกไทยให้กำลังมากกว่า 397 แรงม้า ที่ 5,650 รอบต่อนาที และแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที พร้อมระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System – ALS) ส่วนหนึ่งของโหมด BAJA ใน จะรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า 10 สปีด e-Shifter ปรับได้ 2 ระดับ และด้วยระบบท่อไอเสียควบคุมไฟฟ้าพร้อมโหมดปรับเสียงให้เลือกได้ถึง 4 โหมด ผู้ขับขี่จึงปรับระดับความดังเสียงท่อไอเสีย ให้มีความนุ่มนวลไปจนถึงเสียงกระหึ่มเร้าอารมณ์ได้ตามต้องการ โดย ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับความดังของท่อไอเสียได้เพียงกดปุ่มบนพวงมาลัยหรือเลือกโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง โหมดเงียบ Quiet โหมดปกติ Normal โหมดสปอร์ต Sport และ โหมดบาฮา Baja
ตะลุยออฟโรดได้ดียิ่งกว่าเดิม ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full Time ตลอดเวลา ด้วยเกียร์ทรานสเฟอร์ควบคุมไฟฟ้าใหม่ล่าสุดที่ปรับได้ตามต้องการ ระบบดิฟล็อก 4 ล้อพร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว มาพร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้าและหลัง แบบ locking differentials นับเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์คอออฟโรดตัวจริงด้วยโหมดการขับขี่ 7 โหมด มีทั้ง โหมดการขับขี่ทางเรียบ On Road ได้แก่ โหมดปกติ Normal, โหมดสปอร์ต Sport, โหมดทางลื่น Slippery โหมดการขับขี่ออฟโรด Off Road มีทั้ง โหมดหิน Rock Crawl, โหมดทราย Sand, โหมดโคลน Mud/Ruts และ โหมดบาฮา Baja มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด (Trail Control™) เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับการขับขี่ออฟโรด ผู้ขับขี่ จะควบคุมการเร่งความเร็วและการเบรกโดยเลือกความเร็วไม่เกิน 32 กม./ชม.
ช่วงล่างออกแบบใหม่ลุยทุกเส้นทางด้วยปีกนกบนและล่างใหม่ที่ทำจากอะลูมิเนียมที่แข็งแรง พร้อมวัตต์ลิงก์ด้านหลังที่พัฒนามาเพื่อให้เจ้าของรถขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระได้อย่างมั่นใจและใช้ประโยชน์สูงสุดจากโช้คแบบ Live Valve Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ของ FOX สามารถปรับช่วงล่างแบบเรียลไทม์เพื่อประสบการณ์การขับขี่ทางเรียบที่เหนือระดับ ติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 ทำขึ้นจากเหล็กที่มีความแข็งแรงหนา 2.3 มม. เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์และชุดเกียร์จึงช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญ อาทิ หม้อน้ำ ระบบบังคับเลี้ยว คานด้านหน้า อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองได้ดีเยี่ยม
Ford Ranger Raptor สเปกยุโรป มีทั้งหมด 7 สี ตั้งแต่ สีดำ Absolute Black สีขาว Arctic White สีบรอนซ์เงิน Aluminium Metallic สีเทา Meteor Grey สีเทาเข้ม Conquer Grey สีน้ำเงิน Blue Lightning และสีส้มอ่อน Code Orange โดยขายที่ยุโรปเร็วๆนี้นำเข้าจากโรงงานซิลเวอร์ตัน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตซิลเวอร์ตัน กรุงพริทอเรีย แอฟริกาใต้
ที่มา Carscoops