More

    Maserati GranTurismo 2023 คูเป้เจนใหม่มาทั้งเทอร์โบคู่และไฟฟ้า

    ค่ายรถแรงจากอิตาลีอย่าง Maserati เปิดมิติใหม่แห่งวงการพรีเมียมสปอร์ตคาร์กับ Maserati GranTurismo คูเป้ เจเนอเรชันใหม่

    Maserati

    จาก Maserati A6 1500 เมื่อ 75 ปีก่อน จนมาถึง Maserati GranTurismo ตำนานชิ้นเอกผสมผสานอย่างลงตัวของสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายที่เหมาะกับการเดินทางไกล เปิดตัวด้วยความใหม่หมดของภายนอกนำเสนอความสง่างามและสมรรถนะเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร และสามารถจดจำได้ในทันที เส้นสายดูเรียบง่ายแต่ชัดเจน ผสานประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่ดีสุดในเซกเมนต์ สะท้อนตัวตนและความพิถีพิถันในการออกแบบ ขณะเดียวกันก็ยังรักษาสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน ด้วยฝากระโปรงหน้าทรงยาว และตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 มาพร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสาซีที่มีโลโก้ตรีศูลติดตั้งอยู่ พร้อมไฟหน้า Full LED พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 265/30 R20 ในล้อหน้าและ 295/30R21 ในล้อหลัง และ 265/35R20 สำหรับล้อหน้า และขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 295/30R21 สำหรับล้อหลัง พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่มีคาลิเปอร์ให้เลือกถึง 7 สี

    Maserati

    ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุดด้วยจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และจออีกชุด 8.8 นิ้ว , มาตรวัดดิจิทัล 12.2 นิ้ว, นาฬิกาดิจิทัล และเฮด-อัพ ดิสเพลย์ (เป็นออปชั่น) นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’ การันตีด้วยสุดยอดชุดเครื่องเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชันรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์สมบูรณ์แบบผ่านเครื่องระบบเสียง Sonus faber 3D ที่พัฒนาและออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญชาวอิตาเลียน ติดตั้งลำโพง 14 ตำแหน่ง กำลังขับ 860 วัตต์ เป็นมาตรฐาน รวมถึงมีชุดลำโพง 19 ตำแหน่ง กำลังขับ 1,195 วัตต์ เป็นออปชัน

    แพลตฟอร์มของรถรุ่นใหม่นี้นำวัสดุที่เบาที่สุดมาใช้ เช่น การใช้อะลูมิเนียมหรือแมกนีเซียม ร่วมกับโลหะเกรดสูง ซึ่งการทำแบบนี้จำเป็นต้องมีการปรับกระบวนการผลิต แลกกับการได้มาซึ่งวัสดุที่เบาและมีประสิทธิภาพชั้นเลิศ นอกจากนั้นก็ยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ Atlantis High อันล้ำสมัย ภายใต้มาตรฐาน canFD ที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วสุดถึง 0.002 วินาที มาพร้อมระบบ cyber-security ระดับ 5 และฟีเจอร์ flash-over-the-air และศูนย์กลางในการควบคุมระบบ Vehicle Domain Control Module (VDCM) ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับ ในการควบคุมระบบที่สำคัญทั้งหมดของรถยนต์แบบ 360 องศา เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์

    Maserati

    พร้อมสองทางเลือกหลักเด่นตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปเบนซินเทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร V6 Nettuno มีสองความแรงตั้งแต่ 490 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุด 302 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.9 วินาที ในรุ่น Modena และอัพเกรดเพิ่มกำลังเป็น  550 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 650 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.5 วินาที ในรุ่น Trofeo ทั้งสองความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด 8HP75 Gen2 พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง COMFORT, GT, SPORT, CORSA ดิสก์เบรกสี่ล้อจาก Brembo แบบคาลิเปอร์ 6 พอต ขนาด 380×34 มม. สำหรับดิสก์หน้าและดิสก์หลังแบบคาลิเปอร์ 4 พอต ขนาด 350×28 มม.

    Maserati

    ครั้งแรกของค่ายตรีศูลด้วยนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% รุ่นแรกส่งกำลังผ่านมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า 300-kw จำนวน 3 ตัว ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ใช้พื้นฐานจากเทคโนโลยีมอเตอร์ 800 โวลต์ ของรถแข่งฟอร์มูลาอี (Formula E) แบตเตอรี่ความจุ 92.5 kWh สามารถปล่อยกำลัง760 แรงม้า แรงบิด 1,350 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 2.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม. ลงสู่ล้อ ชาร์จได้ทั้งชาร์จแบบกระแสงตรงหรือชาร์จเร็ว DC รองรับแรงดันไฟฟ้า 800 V สามารถรองรับการชาร์ตได้สูงสุด 270 kW ถึง 100 % ในเวลา 5 นาที และแบบรองรับแรงดันไฟฟ้า 400 V สามารถรองรับการชาร์ตได้สูงสุด 50 kW และชาร์จแบบกระแสสลับหรือชาร์จช้า AC วิ่งไกลสุด 450 กม./ชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP

    พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง MAX RANGE, GT, SPORT, CORSA รวมไปถึงนวัตกรรมอันทันสมัยในการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ ‘T-bone’ หรือติดตั้งไว้บริเวณโครงสร้างกลางรถ แทนที่การติดตั้งไว้ใต้เบาะผู้ขับ ส่งผลดีต่อบาลานซ์และจุดศูนย์ถ่วงของรถ กับความสูง 1,353 มม. นับเป็นส่วนหนึ่งของคอนเซ็ปต์ ‘zero compromise’  ในรุ่น Folgore

    Maserati

    Maserati GranTurismo เจเนอเรชันใหม่พัฒนาจาก Maserati Innovation Lab และผลิตที่โรงงาน มิราฟิออรี เมืองตูริน ประเทศอิตาลี โดยช่วงแรกขายในตัวถังคูเป้ ส่วนรุ่นเปิดประทุนหรือ GranCabrio จะเปิดตัวครึ่งปีหลังของปีหน้า ส่วนเมืองไทยอาจได้พบกันปลายปีนี้ที่งาน Motor Expo 2022

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts