หลังจากทำตลาดที่ญี่ปุ่นจนได้รับการตอบรับอย่างดีจากสาวกทรีไดมอนด์ที่ภักดีกับแบรนด์ Mitsubishi และ Mitsubishi Outlander PHEV มาตลอดเกือบปี
ล่าสุด Mitsubishi จับ Mitsubishi Outlander PHEV เจเนอเรชันที่ 4 มาปรับปรุงใหม่เป็น MY2023 โดยปรับทั้งรุ่นปกติและยังเพิ่มรุ่นพิเศษ Mitsubishi Outlander PHEV Black Edition โดยนำรุ่น G มาแต่งเข้มสีดำรอบคันไม่ว่าจะเป็นหลังคารถ กระจกมองข้างทรงสปูน เสา A ไปจนถึงเสา C ตกแต่งสีดำเงา กระจังหน้าทรง Dynamic Shield คิ้วชายล่างใต้กันชนหน้าและหลัง และล้ออัลลอยสีดำขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255 /45R20 ภายในเข้มด้วยแผงหลังคาขึ้นรูปด้วยผ้าสีดำและแผงคอนโซลเกียร์ตกแต่งด้วยลวดลายเลเซอร์
ส่วนรุ่นปกติคงเดิมทั้งกระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield เสริมราศีให้ดูดีด้วยไฟหน้า Daytime LED ทรงเล็กรับกับกันชนหน้าแบบสปอร์ตเสริมคิ้วชายล่างสีเงิน พร้อมไฟหรี่ ไฟสูง ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ยาวจรดด้านท้ายกับแนวของโคมไฟหลัง LED แนวนอนเรียวเล็ก และเสา D ขนาดใหญ่ ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้วพร้อมยางขนาด 255 /45R20 และขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60R18
ลักชัวรี่เทียบเท่ารถยุโรปกับการตกแต่งภายในที่หรูหราด้วยเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ทูโทนลายเพชร สีดำน้ำตาล หรือ สีดำล้วน แบบ 3 ตอน 7 ที่นั่ง หรือแบบ 2 ตอน 5 ที่นั่ง ตอน 2 พับได้แบบ 40:20:40 และตอน 3 พับได้แบบ 50:50 พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 4 ก้าน มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย ถัดลงมาเป็นช่องแอร์แนวยาว กับเครื่องปรับอากาศแยกโซน 3 ส่วน พร้อมจอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้า full-color Head-Up Display (HUD) ขนาด 10.8 นิ้ว ลำโพงคุณภาพก็มีมาให้ถึง 10 จุด จาก Bose การตแต่งด้วยวัสดุอะลูมิเนียม และสามารถผลิตและจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัตต์ ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถ เพื่อให้คุณได้สนุกสนานกับไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ พร้อมพื้นที่สัมภาระด้านท้าย 258-284 ลิตร แต่พับเบาะตอนสามแล้วมีพื้นที่มากถึง 634-646 ลิตร และเมื่อพับแถวตอนสองกับแถวสาม มีพื้นที่มากถึง 1,373 -1,390 ลิตร เพิ่มฟังก์ชันเชื่อมต่อ WIFI Internet in Car ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินไม่สะดุดกับวิดีโอออนไลน์ เพลง เกม ฯลฯ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรับส่งข้อมูล สามารถเลือกระยะเวลาการใช้งานได้ตามความต้องการ พร้อมฟังก์ชันใหม่ในแอป My MITSUBISHI CONNECT” ตั้งค่าฟังก์ชัน “ล็อก/ปลดล็อกประตูจากระยะไกล” ซึ่งช่วยให้ล็อกและปลดล็อกประตูได้โดยใช้แอปแม้ในระยะไกล
ขุมพลังมาพร้อมความแรงและประหยัดด้วยเบนซิน MIVEC 2.4 ลิตร 4B12 พัฒนาใหม่ 128 แรงม้าที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิด 195 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สูงถึง 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหน้า และ 136 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหลัง เชื่อมต่อกับระบบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด เพิ่มความจุใหม่เป็น 20 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 380 แรงม้า และอาจพัฒนาให้ระบบวิ่งด้วย EV อย่างเดียว วิ่งได้ไกลมากถึง 83 กับ 87 กม.และการชาร์จที่ไวขึ้นแถมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super-All Wheel Control มีทั้งหมด 7 โหมด ตั้งแต่โหมด NORMAL”, “ECO”, “POWER”, “TARMAC”, “GRAVEL”, “SNOW” และ “MUD” และการชาร์จที่ไวขึ้น และเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ชาร์จได้ทั้ง AC และ DC
ระบบความปลอดภัยรอบคันทั้ง ถุงลมนิรภัย 11 จุด กับ ระบบ MI-PILOT Assist ประกอบด้วย ระบบล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ integrates Adaptive Cruise Control (ACC) ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist (LKA) ระบบอ่านป้ายจราจร the sign recognition system (TSR) เป็นต้น
Mitsubishi Outlander PHEV เจนใหม่ มีจำหน่ายถึง 3 เกรดหรู 4 รุ่นย่อย ทั้งรุ่น M 5 ที่นั่ง ,G 5 ที่นั่ง, G 7 ที่นั่ง และรุ่นท็อป 7 ที่นั่ง มีสีตัวถังทั้งหมด 13 สี รวมถึงสีทูโทนใหม่ 2 สี ได้แก่ “Red Diamond/Black Mica” และ “Sterling Silver Metallic/Black Mica ส่วนรุ่น Black Edition มีทั้งสีเทาพิเศษ”Titanium Gray Metallic / Black Mica” exclusively และมีอีก 6 สี ( 4 สีทูโทนและ2สีโมโนโทน) มาในราคา 4,621,100-5,485,700 yen หรือราว 1,199,000 – 1,419,000 บาท ราคานี้ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย แต่ถ้ารวมภาษีนำเข้าแล้วราคาจะอยู่ที่ 3,759,000- 4,449,000 บาท
ที่มา Carwatch
