More

    หลุดเต็มตา! Mercedes-Benz E-Class ใหม่หมดทั้งภายนอกและภายใน

    ตลอดหกปีที่ Mercedes-Benz E-Class เก๋งกลางยอดนิยมรหัส W213 ได้รับความนิยมมายาวนานและเป็นรุ่นที่ทำเงินให้กับทางค่ายตราดาว

    Mercedes-BenzMercedes-Benz

    และด้วยเจนเนอเรชันที่ 5 ได้เข้าสู่ยุครถปลายรุ่นอย่างเป็นทางการทำให้ Mercedes-Benz พร้อมแล้วที่จะเปิดตัว Mercedes-Benz E-Class เจเนอเรชันที่ 6 และคาดว่าจะใช้รหัสใหม่เป็น W214 ด้วยหน้าตาถอดมาจากรุ่นพี่รุ่นน้องในค่ายอย่าง Mercedes-Benz S-Class V223 และ Mercedes-Benz C-Class W206 เข้ามาผสมผสานจนเกิดเป็นความลงตัว หล่อด้วยกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมดีไซน์ลักชัวรีอันเป็นเอกลักษณ์เด่นค่ายนี้คล้ายๆกับรุ่นพี่ S-Class ขอบสีดำ ประกบกับไฟหน้า Digital Light LED  ทรงสวยแบบทรงปีกเมื่อเข้ามารวมกับกระจังหน้า รวมถึงที่เปิดประตูทรงเรียบเนียนกับตัวถังรถ และไฟท้าย LED ที่สวยงามพร้อมกันชนหลังดีไซน์เท่ กรอบท่อไอเสียคู่ 2 ฝั่ง

    Mercedes-Benz

    ภายในหลุดเต็มๆกับชุดแผงคอนโซลหน้าประกอบด้วย หน้าจอมาตรวัดดิจิตอลความละเอียดสูงบริเวณด้านหน้าของผู้ขับขี่ขนาดใหญ่คาดเป็นขนาด 12.3 นิ้วแสดงผลคมชัด ให้ภาพที่อ่านง่ายในทุกสภาพแสง สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ “Classic”, “Progressive” and “Sporty”  พร้อม 3 โหมดการใช้งาน ได้แก่ Navigation, Assistance และ Service พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางมาพร้อมหน้าจอแบบสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ ทรงห้าเหลี่ยมที่ต่างจากรุ่นอื่นๆที่เป็นแนวตั้ง ที่รวมการทำงานของเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิกับระบบความบันเทิง MBUX (Mercedes-Benz User Experience) รุ่นล่าสุดเอาไว้ด้วยกัน พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง

    Mercedes-Benz

    ขุมพลังของ Mercedes-Benz E-Class เจเนอเรชันใหม่นี้แน่นอนว่าจะมีทั้งดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร OM654 M Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ แบบ 48V technology โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษพร้อม EQ Boost ให้กำลังถึง 20 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร และให้กำลังมากถึง 200 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 440 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ในรุ่น E220 d และเบนซิน Plug In Hybrid 2.0 ลิตร รหัส M254 ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 204 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูง 320 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลัง 129 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ส่งกำลังบำรุงด้วยแบตเตอรี่ใหม่ขนาด 25.4 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด100 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ทำความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง 140 กม./ชม. ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า ชาร์จได้ทั้ง AC กระแสสลับ และ DC กระแสตรง ในรุ่น E350e จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย  (Steering – wheel Gearshift Paddles)

    Mercedes-Benz

    และอาจมีเบนซินเทอร์โบคู่ V8 4.0 ลิตรในรหัส M177 ที่งานนี้มีความแรงให้เลือกถึง 2 ระดับ เริ่มตั้งแต่ 350 แรงม้าที่ 5,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่ 2,250-4,500 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด AMG SPEEDSHIFT MCT 9G และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Fully variable AMG Performance 4MATIC+ all-wheel drive และระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่สามารถปรับได้ 5 โหมด ตั้งแต่ โหมด Classic, Sport, SuperSport, Track Pace และ Discreet ในรุ่น Mercedes-AMG E 55 4MATIC ก็เป็นได้ หรือรุ่น E53 E-Performance ซึ่งน่าจะทำกำลังได้ประมาณ 680 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร โดย Mercedes-Benz E-Class เจเนอเรชันใหม่จะเปิดตัวในช่วงปีหน้านี้ ส่วนเมืองไทยเตรียมลุ้นได้เลยเพราะมาไทยแน่นอน

    ที่มา Carscoops

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts