Toyota Tundra Hybrid 2022 มีคู่แข่งเพียงรายเดียวคือ Ford F-150 PowerBoost
ซึ่งดูเหมือนว่าการแข่งขันของรถกระบะขนาดใหญ่จะไม่ใช่เกมที่ง่ายๆ เนื่องจากระบบ Hybrid มีแนวโน้มที่จะปรับปรุงมากขึ้นเรื่อยๆทั้งเรื่องแรงบิดและการประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งทั้งสองผู้ผลิตมักจะพยายามพัฒนาเพื่อให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้น
เรามาดูกันว่าพวกเขาเปรียบเทียบกันอย่างไร
• All-New Toyota Tundra 2022 กระบะขนาดใหญ่ เครื่องยนต์ Hybrid twin-turbo V-6 ขนาด 3.4 ลิตร ที่เรียกว่า iForce Max เพื่อแข่งขันกับ 2021 Ford F-150 PowerBoost Hybrid twin-turbo V-6 ขนาด 3.5 ลิตร
• ระบบส่งกำลัง Hybrid ของ Tundra ให้กำลัง 437 แรงม้าและแรงบิด 583 ปอนด์-ฟุต
ในขณะที่ F-150 PowerBoost มีกำลัง 430 แรงม้าและ 570 ปอนด์-ฟุต
• Toyota Tundra ยังไม่ได้ประกาศตัวเลขของอัตราการใช้เชื้อเพลิง แต่ F-150 PowerBoost ได้รับการจัดอันดับ EPA ที่ 25 mpg
ทั้ง Tundra และ F-150 มีการออกแบบเครื่องยนต์ที่คล้ายกันมาก นั่นคือ twin-turbo V-6 ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกับเครื่องยนต์และใช้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด V-6 ขนาด 3.4 ลิตร
Tundra รุ่นปกติให้กำลัง 389 แรงม้าและแรงบิด 479 ปอนด์-ฟุต มีการเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้มีกำลังทั้งหมด 437 แรงม้าและฟุต 583 ตัวเลขที่ได้รับการเปรียบเทียบอย่างชัดเจนว่า ดีกว่าแรงม้า 430 ของ F-150 PowerBoost และแรงบิด 570 ปอนด์-ฟุต
เครื่องยนต์แก๊สของ Tundra จะทำงานตลอดเวลา กว่า 18 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นกรณีนี้ที่ความเร็วทุกระดับในโหมด ลาก/จูง F-150 สามารถเข้าสู่โหมด EV ด้วยความเร็วสูงถึง 50 ไมล์ต่อชั่วโมง
Toyota Tundra ใช้แบตเตอรี่ nickel-metal hydride 1.5 kWh ซึ่งติดตั้งไว้ใต้เบาะหลัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่จัดเก็บภายในในระดับหนึ่งในขณะที่ Ford F-150 ซ่อนแบตเตอรี่ lithium-ion 1.5 kWh ไว้ใต้ท้องรถ
Ford F-150 PowerBoost สามารถใช้เครื่องยนต์ในการผลิตไฟฟ้าได้ในยามคับขัน เช่น ในช่วงไฟดับ ซึ่ง Toyota Tundra ไม่มีฟังก์ชันนี้
Toyota ยังไม่ได้เปิดเผยราคาหรือตัวเลขของอัตราการใช้เชื้อเพลิง แต่มองว่า Hybrid เป็นระบบส่งกำลังเพียงรุ่นเดียวที่มีใน TRD Pro iForce Max เป็นตัวเลือกสำหรับรุ่น Limited, Platinum และ 1794 ซึ่งหมายความว่าจะเข้ากับรถกระบะที่มีราคาสูง
ในทางกลับกัน Ford จะให้คุณสั่งซื้อระบบส่งกำลังแบบ Hybrid บนรถกระบะขนาดมาตรฐาน XL (ประมาณ 44,000 ดอลลาร์)
เราจะต้องนำทั้งสองคันนี้มาประชันกันบนท้องถนนเพื่อการทดสอบในโลกแห่งความเป็นจริง แต่จากคำโฆษณาดูเหมือนว่า F-150 ซึ่งมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า lithium-ion battery และความสามารถโหมด EV ความเร็วสูง จึงถือเป็นข้อได้เปรียบ
บทความอื่นๆเพิ่มเติม :