More

    วิเคราะห์เหตุ Honda ฟอร์มตกหลัง Michelin เปลี่ยนส่วนผสมยางที่อินโดฯ

    ในการแข่งขันสนามที่ผ่านมา MotoGP ได้ไปแข่งขันที่อินโดนีเซียซึ่งมีอากาศร้อนจัด ทำให้ผู้สนับสนุนยางอย่าง Michelin ตัดสินใจนำยางหลังสูตรพิเศษมาใช้เพื่อรับมือกับความร้อนที่ยางจะต้องแบกรับ และนั่นก่อปัญหาให้กับ Honda ทีมแข่งชั้นนำของวงการ

    ในเดือนที่แล้วที่มีการทดสอบที่สนาม Mandalika ประเทศอินโดนีเซีย Michelin ได้นำยางที่มีส่วนผสมหลายๆ แบบซึ่งพวกเขาเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2020 มาใช้ทดสอบที่สนามแห่งนี้ ซึ่งมันเป็นยางที่มีการปรับปรุงด้านการยึดเกาะและความคงทน Pol Espargaro ในสังกัด Honda ทำเวลาดีที่สุดในการทดสอบ แต่ยางทั้งหมดที่พวกเขาทดสอบนั้นเกิดการพุพองในการวิ่งระยะยาว และนั่นทำให้ Michelin เกิดอาการแพนิคขึ้นมา

    pol espargaro mandalika test
    ที่มาภาพ : motogp.com

    ด้วยความที่ช่วงเวลาระหว่างการทดสอบกับสนามแรกของฤดูกาลนั้นอยู่ใกล้กันมาก Michelin จึงได้ตัดสินใจนำยางหลังเนื้อแข็งพิเศษที่พวกเขาใช้ครั้งแรกในรายการ Austrian GP 2017 และใช้ครั้งสุดท้ายในรายการ Thai GP 2018 มาใช้ทดแทนยางสูตรปัจจุบันเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว ซึ่งยางชนิดนี้ทนทานต่อการแบกรับความร้อนเป็นพิเศษ

    ก่อนหน้านี้ไม่นาน Dorna ได้สั่งห้ามไม่ให้ผู้ผลิตยางเปลี่ยนแปลงสเป็คของยางระหว่างฤดูกาล ซึ่งก่อนหน้านี้มันเคยเกิดขึ้นหลายครั้งทั้งในยุคของ Michelin และ Bridgestone และก่อปัญหาให้กับทีมแข่งหลายครั้ง เนื่องจากทีมแข่งได้ลงเงินพัฒนาตัวแข่งของพวกเขาให้เข้ากับยางสเป็คเฉพาะที่ผู้ผลิตยางนำมาใช้ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงสเป็คของยางก็เหมือนเป็นการทำให้ทีมแข่งต้องปรับเซตอัพตัวรถใหม่ หรือบางครั้งถึงขั้นที่ต้องเปลี่ยนชาสซีส์กันเลยทีเดียว แต่ในกรณีของสนาม Mandalika ทางผู้จัดมองว่ามันคือเหตุฉุกเฉินทางด้านความปลอดภัย เพราะคงไม่มีใครอยากเสี่ยงที่จะยางระเบิดในระหว่างการแข่งขัน

    ยางหลังชนิดพิเศษนี้แข็งมากและมีการยึดเกาะที่ไม่เท่ากับยางชนิดปกติ แถมมันยังไม่ให้ความรู้สึกที่ดีต่อนักบิด ซึ่งทำให้เหล่านักบิดทั้งหลายนั้นต่างเกลียดมัน และจะเห็นได้ว่ามีนักบิดหลายคนที่ไฮไซด์ล้มลงไปในระหว่างการฝึกซ้อม

    แน่นอนว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงสเป็คของยาง มันย่อมที่จะมี “ผู้แพ้” และ “ผู้ชนะ” Honda และ Suzuki ดูจะมีปัญหากับยางหลังชนิดแข็งพิเศษนี้ ในขณะที่ Ducati ดูจะรับมือกับยางได้จากการที่มีเครื่องยนต์กำลังมากที่สุดและถ่ายกำลังลงสู่ล้อได้ดีที่สุด ส่วน Yamaha นั้นถ้ายังจำกันได้ ในปี 2018 พวกเขาไม่มีศักยภาพพอที่จะขึ้นมาไล่กับผู้นำได้เลย แต่เมื่อมาถึง Thai GP ที่มีการใช้ยางชนิดนี้ อยู่ดีๆ พวกเขาก็ฟื้นฟอร์มกลับขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด

    motogp thai gp 2018
    ที่มาภาพ : motogp.com

    นักแข่งส่วนใหญ่นั้นเห็นพ้องต้องกันว่า ยางหลังนั้นขาดแคลนซึ่งการยึดเกาะในขณะเข้าไปในโค้ง Joan Mir นักบิดสังกัด Suzuki ถึงกับกล่าวว่า เขาอาจจะไม่จบการแข่งขันถ้าใช้ยางตัวนี้

    “สำหรับผมปัญหาใหญ่สุดคือการเข้าไปในโค้ง ผมไม่มีการยึดเกาะที่จะเข้าไปให้ได้เร็ว ล้อหลังพยายามที่จะขึ้นมาข้างหน้าเสมอ” Mir กล่าว “การขี่ในสภาพนี้ผมคงไปไม่ถึงเส้นชัย เอาจริงๆ นะ ผมว่าผมล้มแน่ ผมขี่ถึงลิมิตในทุกๆ โค้ง”

    อย่างไรก็ตามในวันแข่งขันฝนนั้นได้มาช่วย Mir ไว้จากการคาดการณ์ว่าตัวเองจะล้ม แต่มันมาไม่ทันที่จะช่วยเซฟ Marc Marquez

    Marquez นั้นกลับมาขี่ในฤดูกาลนี้ด้วยความพร้อมทางด้านร่างกายมากกว่าปี 2021 อีกทั้ง Honda ก็ได้ทำการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของรถให้เพิ่มการยึดเกาะส่วนท้ายรถมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้ากับสเป็คยางที่เน้นการยึดเกาะด้านหลังที่ Michelin นำมาใช้ตั้งแต่ปี 2020

    วันศุกร์นั้นไม่แย่นักสำหรับแชมป์โลก 8 สมัย “เนื้อยางที่แข็งนั้นส่งผลต่อหน้าสัมผัสของยางหลัง ดังนั้นมันเลยมีการยึดเกาะและการเตือนที่น้อยกว่า ผมเกือบจะล้มหลายครั้งใน FP2 มันเป็นคาแร็คเตอร์ของยางที่เราต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติม” Marquez กล่าว

    วันเสาร์และวันอาทิตย์นั้นแย่กว่าวันศุกร์มาก เขาไม่มีโอกาสทำเวลาได้เลยในวันเสาร์และหลุดจาก Q1 จากการล้มหน้าพับ 2 ครั้งที่ไม่ห่างกันมากนัก “ผมพยายามทำในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ ในตอนที่ผมทดสอบที่นี่นักบิด Honda ทุกคนทำได้ดี แต่เมื่อเรามาที่นี่ในสุดสัปดาห์การแข่งขันเราเริ่มมีปัญหากับยางหลังเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงเริ่มเค้นไปที่ยางหน้ามากขึ้น” Marquez กล่าว

    “แน่นอนว่าทุกคนนั้นใช้ยางแบบเดียวกัน ทุกๆ คนนั้นต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ดังนั้นเราจำเป็นต้องเข้าใจและหาทางที่จะดึงข้อได้เปรียบของยางออกมา”

    “ยางตัวนี้เป็นยางที่ผมเคยใช้ชนะการแข่งขันมาแล้ว แต่ตอนนี้ตัวรถนั้นแตกต่าง และ Fabio (Quartararo) ก็ได้ทำเวลาเท่ากับที่ทำได้ในการทดสอบ ดังนั้นสมรรถนะของมันยังอยู่”

    ทางด้าน Jack Miller ที่ขี่รถโรงงานของ Ducati กล่าวว่า การที่ยางแข็งขึ้นนั้นทำให้ตัวรถ Ducati ของเขามั่นคงขึ้น “ช่วงกลางโค้ง 5-6-7 ซึ่งเป็นโค้งยาวต่อเนื่อง เมื่อคุณเอียงรถเต็มที่และพยายามเปิดคันเร่ง ยางที่แข็งช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับผม ผมมีความมั่นใจที่จะโหนรถสาดโค้งมากขึ้นจากการที่รถกระเด้งน้อยลงจากส่วนหลัง”

    คนที่เสียหายมากที่สุดแน่นอนว่าคือ Marquez ในรอบวอร์มอัพวันอาทิตย์เขาพยายามหาความเร็วจากแทร็คให้ได้ เขาสาดเข้าโค้ง 7 และยางหลังก็เริ่มสไลด์ จากนั้นเมื่อการยึดเกาะกลับมา มันก็ส่งให้เขาไฮไซด์ลอยขึ้นไป เขาขี่ด้วยความเสี่ยงและความสิ้นหวังที่จะพยายามหาความเร็วให้ได้ และนั่นทำให้เขาต้องเจ็บหนักจากการล้มที่รุนแรง

    อ้างอิง : motorsportmagazine.com

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts