More

    เจาะสเปค Ferrari F8 Spider สปอร์ตเปิดประทุนเครื่องยนต์วางกลาง ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของเฟอร์รารี่

    เฟอร์รารี่ เผยโฉม F8 Spider สปอร์ตคาร์เปิดประทุนรุ่นล่าสุด พร้อมเครื่องยนต์ V8 วางกลางที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเฟอร์รารี่ F8 Spider ได้รับการรังสรรค์ขึ้นพร้อมๆ กับ F8 Tributo มาพร้อมกับหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ (RHT – Retractable Hard Top) ที่มีประสิทธิภาพสูงของค่ายม้าลำพอง

    เฟอร์รารี่ F8 Spider สมาชิกใหม่คันนี้ สืบทอดมาจาก 308 GTS รถสปอร์ต V8 เปิดประทุนรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นในปีค.ศ. 1977 อาจไม่สุดขั้วเหมือนกับ 488 Pista Spider ทว่ามีความสปอร์ตกว่า 488 Spider ซึ่งเป็นรุ่นที่ F8 Spider เข้ามาแทนที่

    ด้วยเหตุนี้ F8 Spider จึงสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถสปอร์ตเปิดประทุน มอบประสบการณ์การขับขี่อันแสนพิเศษด้วยเพอร์ฟอร์มานซ์ที่ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและการบังคับควบคุมซึ่งไม่มีใครเทียบเคียงได้ F8 Spider ได้หลอมรวมสมรรถนะและความสะดวกสบายในการขับขี่เข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว รถสปอร์ตเปิดประทุนจาก Ferrari คันนี้ จึงเป็นยนตรกรรมที่ประสานความน่าเกรงขามของเครื่องยนต์ 8 สูบ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ เข้ากับความเพลิดเพลินในทุกการขับขี่ ได้อย่างเหนือชั้น

    ขุมพลัง V8 ยกระดับมาตรฐานแห่งเพอร์ฟอร์มานซ์ขึ้นไปอีกขั้น ไม่เพียงแค่ในกลุ่มของเครื่องยนต์เทอร์โบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเครื่องยนต์ทุกชนิดที่มีอยู่อีกด้วย ขุมพลังนี้พัฒนาต่อเนื่องมาจากเครื่องยนต์ V8 ที่คว้ารางวัลชนะเลิศ  “International Engine of the Year Award” ติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน (2016, 2017, 2018 และ 2019) นอกจากนั้นยังได้รับเลือกให้เป็นเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมที่สุดในช่วง 2 ทศวรรษอีกด้วย นี่คือความสำเร็จที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์

    พละกำลังที่ปลดปล่อยออกมาโดยปราศจากการ Lag ของเทอร์โบ คือความสำเร็จครั้งสำคัญของ F8 Spider ทั้งยังคงไว้ซึ่งเสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของเครื่องยนต์ V8 จากเฟอร์รารี่ สมรรถนะที่อัศจรรย์และการบังคับควบคุมได้อย่างง่ายดาย เป็นจริงได้จากการผสานนวัตกรรมของแอโรไดนามิกส์ที่ส่งตรงมาจากสนามแข่ง เข้ากับงานดีไซน์ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่

    ภารกิจที่ต้องปฏิบัติเสมอมากับรถยนต์รุ่นใหม่ทุกคันจากมาราเนลโลก็คือ การนำเสนอดีไซน์ใหม่ที่เหนือระดับยิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน ความท้าทายที่วิศวกรและนักออกแบบต้องเผชิญคือการก้าวข้ามขีดจำกัดของการรังสรรค์และขอบเขตของเทคโนโลยี ด้วยการนำเสนอผลงานที่เหนือชั้นและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความเป็นเลิศ และ F8 Spider คือรถคันล่าสุดที่พวกเขาทำได้สำเร็จอีกครั้ง

    F8 Spider เข้ามาทดแทนรุ่น 488 Spider และถูกปรับปรุงในทุกรายละเอียด นอกจากเครื่องยนต์จะมีพลังเพิ่มขึ้น 50 แรงม้าแล้ว เฟอร์รารี่รุ่นใหม่คันนี้ยังมีน้ำหนักเบากว่าเดิม 20 กิโลกรัม F8 Spider หนักกว่า 488 Pista Spider เพียง 20 กิโลกรัม และยังมีประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้นจากการใช้ระบบ Side Slip Angle Control รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่น 6.1 อีกด้วย

    เครื่องยนต์ (ENGINE) 

    ในโลกแห่งยนตรกรรม เครื่องยนต์ V8 ของเฟอร์รารี่ ถูกขนานนามว่าเป็นขุมพลังที่ดีเลิศทั้งในเรื่องของความดุดันและความเร้าใจในทุกการขับขี่ สิ่งนี้ยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเมื่ออยู่ในรถยนต์สองที่นั่งเครื่องยนต์วางกลางลำ เฟอร์รารี่ได้รับการยกย่องมากว่า 4 ทศวรรษในฐานะรถยนต์ที่มีแฮนด์ลิ่งสมบูรณ์แบบที่สุด จากการบาลานซ์น้ำหนักได้อย่างยอดเยี่ยม

    รายละเอียดทางเทคนิคของขุมพลัง V8 นั้น ยากที่จะหาใครมาเทียบชั้น เครื่องยนต์ความจุ 3,902 ซีซี. ปลดปล่อยพลังได้ถึง 720 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที และยังมีอัตราส่วนแรงม้าต่อความจุอันน่าประทับใจที่ 185 แรงม้า/ลิตร แรงบิดสูงสุดมีให้ใช้มากขึ้นในทุกๆ ย่านความเร็วของรอบเครื่องยนต์ และพีคสุดที่ 770 นิวตันเมตร ที่ 3,250 รอบ/นาที

    เครื่องยนต์ V8 ของเฟอร์รารี่ พัฒนาจนกลายเป็นผลงานชิ้นเอกทางวิศวกรรม ขุมพลังนี้ได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษเช่นเดียวกับเครื่องยนต์ทุกตัวที่สร้างจากมาราเนลโล ทั้งในเรื่องของการถ่ายทอดกำลังให้ราบรื่น, เร่งได้อย่างไร้ขีดจำกัด และปราศจากการรอรอบของเทอร์โบ ร่วมด้วยเสียงคำรามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งได้มาจากการใช้ระบบระบายไอเสียแบบใหม่

    นอกจากนั้น F8 Spider ยังมอบสุนทรียภาพในการขับขี่อย่างแท้จริง การบังคับควบคุมซึ่งสอดประสานลงตัวกับพละกำลังของเครื่องยนต์ ได้มาจากการปรับปรุงไดนามิกส์ของรถ ซึ่งนั่นรวมถึงการใช้ระบบ Ferrari Dynamic Enhancer (FDE+) เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ตอนนี้สามารถเรียกใช้งานได้ทันทีผ่านโหมด RACE ของสวิตช์ Manettino ช่วยให้ผู้ขับเข้าถึงขีดจำกัดแห่งสมรรถนะได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

    เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มพลังเข้าไปอีก 50 แรงม้า (เมื่อเทียบกับรุ่น 488 Spider) จึงมีการนำเอาระบบไอดีของ 488 Challenge มาใช้ ช่องดักอากาศเข้าเครื่องยนต์ของ F8 Spider ถูกย้ายจากด้านข้างของตัวรถ มาอยู่ที่ทั้งสองฝั่งของสปอยเลอร์ และต่อตรงไปยังท่อร่วมไอดี ช่วยลดการสูญเสียอากาศและให้การใหลเวียนที่ยอดเยี่ยมเข้าสู่เครื่องยนต์ ส่งให้สร้างแรงม้าได้มากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้น แรงดันที่เกิดจากรูปทรงของสปอยเลอร์ท้ายรถยังเป็นส่วนช่วยเสริมให้การไหลของอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

    ระบบช่วยออกตัว Adaptive Performance Launch จะวิเคราะห์การยึดเกาะของยางขณะที่รถกำลังเร่งความเร็ว จากนั้นระบบอิเล็กทรอนิกส์จะควบคุมแรงบิดให้เหมาะสมกับระดับการยึดเกาะถนน ช่วยลดการลื่นไถลของล้อให้น้อยที่สุด เพื่อให้ได้อัตราเร่งที่ดีที่สุด 

    กลุยทธ์ “Wall Effect” ที่นำมาใช้ในการจำกัดรอบเครื่องยนต์ คืออีกขั้นของขีดสุดแห่งสมรรถนะเครื่องยนต์ แทนที่จะค่อยๆ จำกัดรอบเครื่องไปจนถึงลิมิต ระบบจะตัดการทำงาน ต่อเมื่อถึงเรดไลน์ที่ 8,000 รอบ/นาที เท่านั้น ช่วยให้พลังของเครื่องยนต์ยังคงมีให้ใช้เต็มที่ในขณะขับขี่ และยังช่วยให้การทำเวลาต่อรอบในสนามแข่งเร็วขึ้นอีกด้วย

    ระบบจัดการแรงบิดแบบแปรผัน “Variable Torque Management” ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งของเฟอร์รารี่ ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อรับมือกับความดุดันของ F8 Spider แรงบิดถูกออกแบบใหม่เพื่อให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างงราบรื่นนุ่มนวล และเปี่ยมด้วยพลังตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงเรดไลน์ แรงบิดสูงสุดมีมากกว่า 488 Spider ถึง 10 นิวตันเมตร และมีให้ใช้ตั้งแต่ในรอบเครื่องที่ต่ำกว่า

    นอกจากนั้น เครื่องยนต์ของ F8 Spider ยังสืบทอดการลดน้ำหนักมาจาก 488 Pista ส่งให้ตัดน้ำหนักของเครื่องยนต์ออกไปได้ถึง 18 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับ 488 Spider การลดน้ำหนักให้กับชิ้นส่วนที่หมุนและเคลื่อนไหว เช่น ก้านสูบไทเทเนี่ยม, ข้อเหวี่ยง และฟลายวีล ช่วยให้เครื่องยนต์หมุนสู่รอบสูงได้ในพริบตา เช่นเดียวกับที่ผู้ขับจะเห็นได้จากเข็มวัดรอบที่กวาดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่เปลี่ยนเกียร์ และตอนเร่งความเร็วด้วยเกียร์ต่ำ การลดน้ำหนักให้กับชิ้นส่วนที่หมุนหรือเคลื่อนที่เหล่านี้ ยังช่วยลดแรงเสียดทานขณะเครื่องยนต์ทำงานลงถึง 17 เปอร์เซนต์อีกด้วย

    เพียงแค่ท่อร่วมไอเสียที่ผลิตขึ้นจากวัสดุ Inconel (โลหะในกลุ่ม Superalloy) แบบเดียวกับที่ใช้ใน 488 Challenge เพียงอย่างเดียว ก็ช่วยลดน้ำหนักเครื่องยนต์ลงไปได้ถึง 9.7 กิโลกรัม การระบายไอเสียได้รับการปรับปรุงขนานใหญ่ตั้งแต่เทอร์โบไปจนถึงปลายท่อ เพื่อรังสรรค์เสียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับรถสุดพิเศษคันนี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือเสียงอันไร้ที่ติ ที่เปล่งออกจากเครื่องยนต์ได้อย่างหนักแน่นและเปี่ยมคุณภาพ ทั้งยังมีตัวกรองอนุภาคน้ำมันเบนซิน (GPF – Gasoline Particulate Filter) แบบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

    การออกแบบ (DESIGN)

    F8 Spider ได้รับการออกแบบโดย Ferrari Styling Centre สืบสานทิศทางการออกแบบมาจาก F8 Tributo ซึ่งเป็นตัวแทนของการเชื่อมโยงภาษาการดีไซน์แบบใหม่ เน้นย้ำให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของแอโรไดนามิกส์ที่มีประสิทธิภาพสูงของ Ferrari

    เมื่อต้องออกแบบรถเปิดประทุน ส่วนบนของรถจึงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะส่งผลถึงภาพรวมของรถ เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ Ferrari เลือกใช้หลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ (RHT – Retractable Hard Top) เนื่องจากให้ความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี นั่นคือเหตุผลที่เส้นสายต่างๆ ของ F8 Spider ถูกรังสรรค์ให้สอดคล้องกับหลังคาแบบ RHT 

    กุญแจสำคัญของภาพรวมการออกแบบ คือการปรับเส้นสายที่แบ่งระหว่างตัวรถและหลังคาออกจากตำแหน่งดั้งเดิมที่บริเวณช่วงไหล่ของรถไปจนถึงส่วนบนของเสากลาง (B-Pillar) ตัวหลังคามีขนาดกะทัดรัดและแบ่งเป็นสองชิ้นเพื่อให้สามารถพับเก็บเข้าไปอยู่ด้านบนของห้องเครื่องได้

    หลังคาสามารถเปิด หรือยกปิด ได้ในเวลาเพียง 14 วินาที และสามารถทำงานได้ขณะที่รถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม.

    การตกแต่งภายนอก (EXTERIOR)

    เป้าหมายที่ Ferrari Styling Centre ตั้งไว้กับ F8 Spider คือการออกแบบที่งดงามเพื่อสรรเสริญแด่เครื่องยนต์ V8 ด้วยการต่อยอดจาก F8 Tributo และนำเอาแรงบันดาลใจจากรถยนต์ V8 เครื่องวางกลาง อันเลื่องชื่อในอดีตมาปรับใช้ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว จากดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวที่เห็นได้ชัดเจนผ่านแอโรไดนามิกส์อันรุดหน้าของตัวรถ 

    มุมมองด้านหน้าของรถโดดเด่นด้วยช่องดักอากาศ “S-Duct” ห้อมล้อมด้วยส่วนหน้าที่ได้รับการออกแบบใหม่หมด เพื่อเน้นย้ำให้เห็นถึงการปรับปรุงแอโรไดนามิกส์ครั้งใหญ่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ชุดไฟหน้า LED แบบแนวนอน ที่มีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้น

    สปอยเลอร์ท้ายได้รับการออกแบบใหม่หมดเช่นกัน มีขนาดใหญ่ขึ้นและโอบล้อมรอบๆ ชุดไฟท้าย พรางตาให้รถดูมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง และยังมีการนำชุดไฟท้ายคู่สุดคลาสสิกและหางหลังสีเดียวกับตัวรถ ซึ่งเป็นสไตล์ที่เคยใช้อยู่ใน 308 GTB รถสปอร์ตหลังคาแข็ง เครื่องยนต์ 8 สูบ รุ่นแรกในตำนาน กลับมาใช้อีกครั้ง 

    ฝากระโปรงท้ายคือหนึ่งในความโดดเด่นสะดุดตาของ F8 Spider รูปทรงของฝาท้ายที่ดูเหมือนปลากระเบนนี้ เริ่มต้นจากสันส่วนกลางของกระจกหลัง และค่อยๆ ลาดหายกลมกลืนลงไปใต้ปีกของสปอยเลอร์ สอดรับการไหลของอากาศไปในตัว

    ปีกทั้งสองที่ตั้งสูงขึ้นจากส่วนกลางของรถ และค่อยๆ ลดระดับลงจนหลอมรวมกลมกลืนไปกับตัวถัง ให้ความรู้สึกต่อเนื่องทางสายตาในทุกมุมมอง องค์ประกอบของปีกทั้งสองถูกแยกออกจากกันด้วยครีบระบายอากาศซึ่งช่วยในการนำความร้อนออกจากเครื่องยนต์ ช่องทั้งสามของครีบระบายอากาศแต่ละฝั่งบนฝาครอบเครื่องยนต์ ชวนให้นึกถึงสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของรถเวอร์ชั่น Coupe ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ช่องระบายอากาศมีสีดำเพื่อลดน้ำหนักและช่วยให้ภาพรวมดูสะดุดตายิ่งขึ้น

    สันที่ยกสูงขึ้นมาจากฝาครอบ ไหลลื่นคดเคี้ยวต่อเนื่องไปด้านหลัง และมุดต่ำลงไปในสปอยเลอร์ที่ออกแบบมาจากขายึดปีกหลังแบบ Swan Neck ของรถแข่ง F1 ช่วยเพิ่มมุมมองที่โฉบเฉี่ยวและเปี่ยมด้วยพละกำลังให้กับรถ

    ค็อกพิท (COCKPIT)

    ห้องโดยสารของ F8 Spider ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิก และสไตล์ที่มุ่งเน้นไปยังผู้ขับ ภาพลักษณ์ที่เป็นแบบเดียวกับรถหลังคาแข็งเครื่องยนต์วางกลางของ Ferrari นำแนวคิดที่เชื่อมโยงผู้ขับและรถยนต์เข้าด้วยกัน เช่นเดียวกับที่ใช้ในรถแข่ง F1 มาใช้ ด้วยการติดตั้งสวิตช์ควบคุมทั้งหมดไว้บนพวงมาลัยรุ่นใหม่ ส่วนเบาะนั่งแบบสปอร์ตก็ได้รับการออกแบบใหม่เช่นกัน

    แดชบอร์ดตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมได้อย่างกลมกลืน ทั้งยังให้มุมมองที่ดูบางเบา ใช้คาร์บอนไฟเบอร์สีเงินเป็นเส้นแบ่งระหว่างส่วนบนและล่างของแดชบอร์ด ช่วยเติมเต็มภาพรวมของห้องโดยสารให้ดูปราดเปรียว และเติมเต็มแดชบอร์ดด้วยมาตรวัดแบบคลาสสิก พร้อมมาตรวัดรอบติดตั้งไว้ตรงกลาง นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับออปชั่นจอระบบสัมผัส (Touchscreen) สำหรับฝั่งผู้โดยสาร คอนโซลกลางจัดวางไว้ใต้แดชบอร์ด และออกแบบให้แยกออกจากแดชบอร์ดอย่างชัดเจน เป็นอีกจุดหนึ่งที่เน้นย้ำให้เห็นถึงสัมผัสที่บางเบาของห้องโดยสาร นอกจากนั้นยังดีไซน์ให้ดูลอยตัวและเพรียวบางอีกด้วย

    แอโรไดนามิกส์ (AERODYNAMICS)

    F8 Spider ใช้แอโรไดนามิกส์อันล้ำสมัย และนวัตกรรมที่นำมาจากประสบการณ์การสร้างรถแข่ง GT และ Challenge ของเฟอร์รารี่ หลอมรวมสิ่งเหล่านี้เข้ากับรถเปิดประทุนเครื่องยนต์วางกลาง เพื่อกำเนิดเป็นยนตรกรรมสมรรถนะสูงที่ใครๆ ก็สามารถควบคุมได้

    ตำแหน่งของแผงระบายความร้อนใน F8 Spider แตกต่างออกไปจากรุ่น 488 Spider เพราะทำมุมเอียงไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นผลดีต่อการลดความร้อน ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยลดการสูญเสียพื้นที่บริเวณใต้ท้องรถ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการสร้างดาวน์ฟอร์ซอีกด้วย รูปทรงของช่องที่ใช้ในการกระจายลมร้อนออกไป ก็ถูกออกแบบใหม่ให้สร้างดาวน์ฟอร์ซได้สูงสุดโดยไม่เกิดแรงต้าน ทั้งหมดนี้ช่วยให้มีประสิทธิภาพโดยรวมของรถเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับ 488 Spider

    พลศาสตร์ยานยนต์ (VEHICLE DYNAMICS)

    เพอร์ฟอร์มานซ์โดยรวมนั้นสูงกว่า 488 Spider อย่างเห็นได้ชัด ด้วยการเพิ่มกำลังเครื่องยนต์, การลดน้ำหนัก และเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ ผู้ขับจึงสามารถเข้าถึงสมรรถนะของรถได้โดยไม่ต้องอาศัยทักษะการขับขี่ขั้นสูง นั่นเป็นผลมาจากระบบไดนามิกส์ของรถที่ช่วยให้การขับขี่จนถึงขีดสุดทำได้ง่ายและด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น สิ่งนี้รวมถึงพวงมาลัยที่มีขนาดเล็กลงและการใช้ระบบ Dynamic Enhancer Plus แบบใหม่ เวอร์ชั่น 6.1 ของ Ferrari 

    เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างรถสมรรถนะสูงที่ง่ายต่อการควบคุม วิศวกรของ Ferrari จึงพยายามทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และแอโรไดนามิกส์นั้นสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ด้วยการทุ่มเทพัฒนาระบบควบคุมไดนามิกส์ของรถ “Side Slip Control” ซึ่งช่วยเสริมให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ถึงขีดจำกัดหลังพวงมาลัย การเปลี่ยนจากเวอร์ชั่น 6.0 ไปสู่ 6.1 ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเรียกใช้ระบบ Ferrari Dynamic Enhancer system (FDE+) ได้ง่ายยิ่งขึ้นผ่านตำแหน่ง RACE ของสวิตช์ Manettino บนพวงมาลัย

    FDE คือระบบที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Ferrari เพื่อปรับแรงดันน้ำมันเบรกที่คาลิเปอร์ เปิดตัวครั้งแรกใน 488 Pista และนำมาใช้กับ 488 Pista Spider ในเวลาต่อมา ก่อนที่เวอร์ชั่น FDE+ ซึ่งขยายฟังก์ชั่นการทำงานเพิ่มขึ้น จะถูกติดตั้งให้กับ F8 Tributo และ F8 Spider ระบบควบคุมจะทำงานในขณะที่รถเข้าโค้ง (แต่ไม่อยู่ในขณะที่กำลังเหยียบเบรก) ทั้งยังได้รับการเพิ่มขอบเขตการทำงานบนถนนที่มีการยึดเกาะต่ำและในโหมด RACE ด้วย  

    บริการดูแลรักษา 7 ปี (7 YEARS MAINTENANCE)

    มาตรฐานคุณภาพที่เหนือชั้นของเฟอร์รารี่ และการมุ่งเน้นที่การให้บริการลูกค้าเป็นหัวใจหลัก เฟอร์รารี่จึงมีโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้นเป็น 7 ปี ให้กับผู้เป็นเจ้าของ F8 Spider โปรแกรมนี้ครอบคลุมการบำรุงรักษาตามปกติทั้งหมดในช่วง 7 ปีแรกของรถเฟอร์รารี่ทุกรุ่น การบำรุงรักษาตามกำหนดเวลานี้เป็นบริการพิเศษที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถจะมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยอยู่เสมอ บริการพิเศษนี้มีให้สำหรับผู้ที่ซื้อเฟอร์รารี่มือสองด้วยเช่นกัน

    การบำรุงรักษาปกติ (ตามระยะทาง 20,000 กม. หรือปีละครั้ง) อะไหล่แท้และการตรวจสอบอย่างพิถีพิถันโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมโดยตรงที่ศูนย์ฝึกอบรมเฟอร์รารี่ในเมืองมาราเนลโล โดยใช้เครื่องมือวินิจฉัยที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งบริการนี้มีให้สำหรับตัวแทนจำหน่ายเฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการทั่วโลก 

    นอกจากนี้ เฟอร์รารี่ยังมีโปรแกรม Genuine Maintenance จะขยายขอบเขตของบริการหลังการขายที่เสนอโดย                เฟอร์รารี่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการรักษาประสิทธิภาพและความเป็นเลิศอีกเช่นกัน

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts