การที่เราเห็น Max Verstappen และ Sergio Perez มีการแข่งขันที่ง่าย และหลายครั้งก็ไปถึงชัยชนะ มันไม่ใช่เพียงเพราะพวกเขามีฝีมือ หรือรถแข่งที่พวกเขาขับนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขามีทีมกลยุทธ์ชั้นเซียนที่คอยหนุนหลังด้วยเช่นกัน และเธอ Hannah Schmitz คือหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ของ Red Bull ที่เป็นคนวางแผนกลยุทธ์ในระหว่างการแข่งขันเหล่านั้น
ถ้าเราเห็น Schmitz กำลังพูดคุยผ่านวิทยุสื่อสาร และกำลังคว่ำฝ่ามือลงในขณะที่กำลังมองหน้าจอ คุณจะรู้ได้ในทันทีว่าเธอกำลังทำการตัดสินใจที่อาจถึงขั้นเปลี่ยนผลการแข่งขันสุดท้ายออกมาได้เลย โดยในฐานะหัวหน้าทีมยุทธศาสตร์ Schmitz และทีมของเธอจะทำการคำนวณและวิเคราะห์ชุดข้อมูลหลายพันล้านจุด ควบคู่ไปกับการจำลองสถานการณ์ที่จะกำหนดสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์การแข่งขัน
ลองดูตัวอย่างจากการแข่งขัน Hungarian Grand Prix ที่ซึ่งทีมยุทธศาสตร์จะต้องคิดอย่างรวดเร็วภายใต้ความกดดัน ในการช่วยเหลือ Verstappen ที่สตาร์ทจากกริดที่ 10 ในวันนั้น ให้มีผลการแข่งขันออกมาให้ดีที่สุด
สิ่งที่ Schmitz ตัดสินใจทำในวินาทีสุดท้ายคือ การเปลี่ยนจากยางฮาร์ดไปเป็นการสตาร์ทด้วยยางซอฟต์ และปรับกลยุทธ์ในระหว่างการแข่งขันรองรับตามสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น นั่นช่วยให้ Verstappen อันเดอร์คัทคู่แข่งของเขาขึ้นไปได้หลายอันดับ และไปถึงชัยชนะที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในวันนั้น นั่นถึงกับทำให้นักแข่งดัตช์ยกย่องนักยุทธศาสตร์สาวว่า เธอตัดสินใจได้ ‘สงบอย่างบ้าบิ่น’ เลยทีเดียว
ที่ Monaco Grand Prix พวกเขาคาดการณ์สภาพอากาศและเตรียมแผนการเข้าพิทรองรับ ทำให้ Perez คว้าธงตาหมากรุกไปเป็นคันแรก และ Verstappen ตามขึ้นโพเดียมได้สำเร็จ มันเป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่กล้าหาญชาญชัย จนทำให้ Dr Helmut Marko ที่ปรึกษาของ Red Bull ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า “เราทุกคนนั้นต่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าเราชนะ หลัก ๆ นั้นเป็นเพราะ Hannah”
และกับรายการล่าสุด Dutch Grand Prix ในช่วงที่มีเซฟตี้คาร์ออกมาในช่วงท้ายของการแข่งขัน เธอตัดสินใจอย่างกล้าหาญอีกครั้งที่ได้เรียก Verstappen เข้าพิทมา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า Mercedes นั้นมีโอกาสที่จะใช้กลยุทธ์ตรงกันข้ามสวนทางแก้เกมกลับ แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลของเธอ เธอเชื่อว่ายางซอฟต์นั้นสามารถที่จะทำความร้อนได้ทันที ทำให้ได้เปรียบยางมีเดียมที่ Mercedes ใช้ในช่วงรีสตาร์ท หากพวกเขาเลือกที่จะไม่เข้าพิท และ Verstappen ก็แสดงให้เห็นถึงผลของการคำนวณที่แม่นยำด้วยการแซง Lewis Hamilton ขึ้นมาทันทีที่โค้งแรกหลังจากรีสตาร์ท
เรียกได้ว่า การปรับตัวและต้องตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทันท่วงทีเป็นส่วนหนึ่งของงานของ Schmitz ที่ทำให้งานของเธอมีความกดดันอย่างมหาศาล แต่ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบ
“ฉันคิดว่ามันน่าตื่นเต้นสุด ๆ” Hannah Schmitz กล่าว “คุณนั่งอยู่บนขอบเก้าอี้เพื่อทำการตัดสินใจในช่วงเสี้ยววินาที จากนั้นคุณอาจจะมีเวลาประมาณ 20 วินาที ซึ่งฟังดูเหมือนจะไม่นาน แต่ในระหว่างการแข่งขัน การนั่งรอในช่วงเวลานั้นเพื่อดูว่าการตัดสินใจของคุณได้ผลหรือไม่อาจจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนใช้เวลามาทั้งชีวิต”
Formula 1 ในยุคที่มีเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ผลลัพธ์จะถูกตัดสินในหน่วยมิลลิวินาที และทุก ๆ ทางที่คุณเลือกสามารถที่จะเกิดเป็นความแตกต่างระหว่างชัยชนะหรือความพ่ายแพ้
จะต้องเข้าพิทเมื่อใด? จะต้องเข้าพิทกี่ครั้ง? จะต้องใช้ยางชนิดไหน? จะต้องจู่โจมหรือรักษาความเร็ว? หรือเมื่อไรที่นักแข่งจะต้องร่วมมือกันบนแทร็ค? ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการตัดสินใจที่สำคัญโดยใช้การอ้างอิงจากข้อมูล
และไม่ว่าคุณจะเตรียมข้อมูลมาพร้อมสรรพเพียงใด สิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันก็มักจะพยายามก้าวนำคุณไปหนึ่งขั้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ธงเหลือง ธงแดง การชน การโดนลงโทษ หรือแม้แต่สภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้
นักยุทธศาสตร์จึงเป็นอาชีพที่ต้องการสมาธิขั้นสุดตลอดเวลา “ฉันคิดว่าความใจเย็นเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่สำคัญที่สุดของนักยุทธศาสตร์” Schmitz กล่าว
“มันมีเคล็ดลับที่ใครบางคนเคยบอกฉันว่า ถ้าคุณคว่ำมือลง มันจะช่วยให้คุณมีความชัดเจนต่อสิ่งที่คุณจะพูดมากขึ้น”
ในตอนเช้าของวันแข่งขัน โดยทั่วไปแล้ว Schmitz จะเข้าร่วมการประชุมที่มีจุดประสงค์เพื่อให้รู้สึกเหมือนกับการพูดคุยกับ นักแข่ง, วิศวกรการแข่งขัน, Adrian Newey, และท้ายที่สุด Christian Horner เพื่อพิจารณาแผนการแข่งขัน
จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า เธอจะอยู่ที่พิทวอลล์ข้างสนาม หรือกลับไปอยู่ในห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยที่ Milton Keynes โดยเธอจะสลับกันทำหน้าที่กับ Will Courtenay หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การแข่งขันอีกคน ในทุก ๆ สุดสัปดาห์การแข่งขัน
ภารกิจนั้นจะเหมือนกันไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใด แต่บทบาทนั้นจะแตกต่างกันมาก ที่พิทวอลล์ เป้าหมายคือการทำหัวให้โล่งและมองภาพรวมของวิธีที่จะเอาชนะการแข่งขัน
กลับมาที่ห้องปฏิบัติการ ทีมนักยุทธศาสตร์จะทำการคำนวณและจำลองแบบ แบบเรียลไทม์ ก่อนที่จะมอบข้อมูลที่ดำเนินการได้ทั้งหมดให้กับสมาชิกในทีมที่พิทวอลล์ เพื่อที่พวกเขาจะสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมร่วมกับวิศวกรการแข่งขัน
Schmitz ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ห้องปฏิบัติการสไตล์ NASA นั้น สามารถเรียกได้ว่าเป็นตัวพลิกเกมได้เลย
“เราสามารถที่จะฟังวิทยุสื่อสารของทุก ๆ ทีมได้ เราสามารถที่จะดูฟุตเทจออนบอร์ดของทุก ๆ ทีมได้ เราสามารถที่จะดูรายละเอียดตัวเลขทั้งหมดและส่งพวกมันไปยังพิทวอลล์ได้ภายในไม่กี่วินาที มันแทบจะเหมือนกับการนั่งอยู่ในห้องเดียวกัน ไม่มีความล่าช้าใด ๆ เกิดขึ้น”
เส้นทางของ Schmitz สู่พิทวอลล์เป็นหนึ่งในเส้นทางที่อาศัยความทุ่มเท ซึ่งเป็นการบุกเบิกเส้นทางสู่งานในฝันของเธอ เธอมีความสนใจในรถยนต์และการทำงานของมันตั้งแต่ยังแบเบาะ และนั่นได้กลายเป็นแพชชันที่ทำให้เธอเดินทางสู่เส้นทางสายวิศวกรรม
เธอจบการศึกษาในระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมเครื่องกล จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก่อนที่เธอจะเข้าร่วมงานกับ Red Bull Racing ในฐานะนักศึกษาฝึกงาน ในปี 2009
มันต้องใช้เวลาในการสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจจากผู้คน นั่นเป็นสิ่งที่เธอหวังว่าจะไม่เหมือนเดิมสำหรับผู้หญิงในอนาคตที่จะเดินตามรอยเท้าของเธอ
“ฉันคิดว่ามีคนจำนวนมากที่ในตอนแรกนั้นอาจไม่มั่นใจในตัวคุณในการทำงาน” เธอกล่าว
“ในฐานะนักยุทธศาสตร์ คุณต้องบอกผู้คนจำนวนมากว่าพวกเขาจะต้องทำอะไร และพวกเขาจะต้องฟังคุณ ดังนั้นคุณจึงต้องสร้างความไว้วางใจนั้นขึ้นมา และฉันคิดว่าในฐานะผู้หญิง น่าเสียดายที่มันเป็นเรื่องยาก”
“แต่ในตอนนี้ ฉันได้รับความเคารพแล้ว และฉันหวังว่าเยาวชนหญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ต้องการจะเข้าสู่วงการกีฬา จะเห็นว่าคุณก็สามารถที่จะทำได้ คุณจะได้รับการยอมรับ และเราจะได้เห็นความหลากหลายที่มากขึ้น”
เธอเริ่มได้รับการยอมรับจากทั่วโลก จากการวางกลยุทธ์ที่ให้ Verstappen เข้าพิทครั้งที่ 3 ซึ่งทำให้นักแข่งดัตช์สูญเสียตำแหน่งผู้นำในตอนแรก แต่สามารถกลับมาเป็นผู้ชนะได้ในท้ายที่สุด ที่ Brazilian Grand Prix 2019
ทางทีมได้ส่งเธอขึ้นไปรับรางวัลบนโพเดียมคู่กับ Verstappen และทำให้ในตอนนี้ใบหน้าของเธอเป็นที่ถูกจดจำจากแฟน ๆ F1 ในฐานะนักยุทธศาสตร์มือดีที่สุดคนหนึ่งบนกริด
อ้างอิง : redbull.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
