ทุกวันนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกนั้นมุ่งเน้นไปทาง ‘พลังงานไฟฟ้า’ มีการแข่งขันกันพัฒนาเพื่อให้ได้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดออกมา แล้วทำไมทั่วทั้งโลกจึงมุ่งไปยังทิศทางนั้น?
จริง ๆ แล้วปัจจัยที่ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถต่าง ๆ ต้องหาตัวเลือกเพิ่มเติมนั้นมาจากแหล่งพลังงาน เรารู้ดีว่าฟอสซิลนั้นเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป ดังนั้น ค่ายที่หาผลลัพธ์ที่ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานชนิดเดียวได้ ก็จะก้าวล้ำขึ้นมาเหนือกว่าค่ายอื่น ๆ และหลาย ๆ ค่ายนั้นก็ได้ข้อสรุปออกมาเป็น ‘พลังงานไฟฟ้า’
ข้อดีของพลังงานไฟฟ้าที่โดดเด่นเลยคือ มลภาวะ เนื่องจากมันไม่ได้ใช้สารประกอบทางเคมีที่มีโมเลกุลของคาร์บอนเป็นแหล่งพลังงาน หรือก็คือ มันจะไม่มีการปลดปล่อย CO2 ซึ่งเป็นมลพิษออกสู่อากาศ
ข้อดีอื่น ๆ ที่เราหาได้จากการใช้พลังงานไฟฟ้าคือ ชิ้นส่วนกลไกต่าง ๆ ที่ไม่ซับซ้อนเหมือนเครื่องยนต์สันดาปภายใน อีกทั้งพลังงานไฟฟ้ายังให้ประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนที่สูงกว่าอีกด้วย
ดังนั้น ทั่วโลกในตอนนี้จึงได้แข่งขันกันพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ากันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา, ยุโรป, และ จีน
ไม่เพียงเท่านั้น มาตรการต่าง ๆ ได้ถูกนำมาใช้เพื่อผลักดันสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เช่น EU ตั้งเป้าที่จะให้การปลดปล่อยคาร์บอนเป็นกลางภายในปี 2050 ซึ่งในเบื้องต้น พวกเขาวางแผนที่จะยกเลิกการขายรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในก่อนสิ้นปี 2035 ในขณะที่ทางฝั่งอเมริกา มีการตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนต่าง ๆ มากมาย โดยพวกเขาตั้งเป้าที่จะดันยอดขายรถในปี 2030 ให้มียอดขาย EV เป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมด
สำหรับประเทศไทยเองก็มีการตอบสนองต่อกระแสการมาของยานยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 ทางภาครัฐได้มีมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ การให้เงินอุดหนุนยานยนต์ไฟฟ้า การลดภาษีอากรขาเข้า รวมทั้งการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่าง สถานีอัดประจุไฟฟ้า ให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ
นอกจากนี้ การมาของ Tesla ยังทำให้ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทยคึกคักเป็นทวีคูณ ค่ายผู้ผลิตรถต่าง ๆ ได้แข่งขันกันนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามานำเสนอให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz, BMW, Volvo, Porsche, และ MG
ดังนั้น ข้อสรุปก็คือ พลังงานไฟฟ้านั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง มันให้ประสิทธิภาพการทำงานที่สูง ในขณะที่ไม่มีการปล่อยมลพิษออกมา ซึ่งถึงแม้ว่ากระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าจะยังคงมีการปล่อยมลพิษอยู่ แต่ตัวเทคโนโลยีนั้นก็กำลังถูกพัฒนารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ในอนาคต เราสามารถคาดหวังประสิทธิภาพการทำงานที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก และการปล่อยมลพิษที่จะลดน้อยลงเป็นลำดับ
