หลังจากที่แบรนด์ใหญ่ลดโหดก่อนมาตรการ EV 3.0 หมดสิ้นปี แต่ GWM ไม่ขอลดราคาประกาศจุดยืน ปกป้องลูกค้า รักษาแบรนด์กับ GWM ORA Good Cat
กับแคมเปญ “Good Cat, Good Will” ภายใต้มาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV 3.0 สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 สำหรับ GWM ORA Good Cat MY2025
การันตีข้อเสนอเดียวกับงาน Motor Expo กับสิทธิประโยชน์สูงสุดในช่วงเวลาดังกล่าวโดยไม่ต้องรอถึงงาน Motor Expo 2025 และหากในงาน Motor Expo 2025 มีการมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติม GWM จะขยายสิทธิประโยชน์นั้นให้กับลูกค้าที่ซื้อก่อนหน้านั้นโดยอัตโนมัติ
เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าทั่วประเทศ ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงและตัดความกังวลขอลูกค้าด้านการทำสงครามราคาออกไป โดย GWM ขอมอบ 3 สิทธิประโยชน์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดภาระระยะสั้น และสร้างความสบายใจระยะยาว ดังนี้
- ช่วยผ่อน 1 ปีเต็ม: GWM สนับสนุนภาระการผ่อนรายเดือน จำนวนเดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 12 เดือน รวมมูลค่า 60,000 บาท (สำหรับรุ่น PRO และ ULTRA) และจำนวน 7,500 บาท เป็นเวลา 12 เดือน (สำหรับรุ่น GT) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของเจ้าเหมียวไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นในช่วงปีแรกของการใช้งาน โดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายผู้บริโภค
- ช่วยคุ้มครอง 2 ปีเต็ม: มอบฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง 2 ปีเต็ม ทั้งปีแรกและปีที่สอง เพื่อให้ลูกค้าขับขี่ได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุหนักหรือเกิดความเสียหายของแบตเตอรี่แรงดันสูงในปีแรก ที่ทำให้ยากต่อการหาบริษัทประกันในปีที่ 2 สิทธิประโยชน์นี้ จะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าลูกค้าไม่ได้อยู่เพียงลำพังและจะมี GWM อยู่เคียงข้างเสมอ
- ช่วยดูแล 5 ปีเต็ม: แพ็กเกจบำรุงรักษาตามระยะทาง (GPSI) ระยะเวลา 5 ปี ครอบคลุมค่าแรงและค่าอะไหล่ จำนวนสูงสุด 5 ครั้ง หรือ 75,000 กิโลเมตร โดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญและมาตรฐานบริการของ GWM ช่วยลดทั้งค่าใช้จ่ายและความกังวลเรื่องการซ่อมบำรุงในระยะยาว โดยลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายตามรอบเช็กระยะ และมั่นใจได้ว่ารถได้รับการดูแลด้วยอะไหล่แท้และกระบวนการที่ได้มาตรฐานเดียวกันทั่ว GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั้งประเทศ
ด้านนอกเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
ด้านท้ายมีการสลับตำแหน่งโลโก้ด้านท้ายจาก ORA มาเป็น GWM ใหญ่โตเด่นสง่าบนฝาท้าย ส่วนโลโก้ ORA ไปอยู่ตำแหน่งเดิมของ GWM สำหรับรุ่น Black Package มาพร้อม หลังคารถสีดำ กระจกมองทรงสปูนสีดำ และล้อสีดำตัดกับคาลิปเปอร์เบรกเหลืองพร้อมยาง 215/50R18
คงเดิมทั้งไฟหน้าทรงกลมทรง Cat Eye แบบ LED พร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้วไฟท้ายแนวยาว LED ครอบทับกระจกหลังช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้นท้ายรถที่เรียบง่ายและสปอยเลอร์หลังดีไซน์เก๋ไก๋ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ตัวรถมีขนาดใหญ่โตออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ
ทางด้านรุ่น GT มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่เน้นพละกำลังและความสปอร์ต มาพร้อมรูปลักษณ์ที่สะท้อนเอกลักษณ์และความเท่ของผู้ขับขี่อย่างมีสไตล์ตอบสนองการขับขี่ที่เร้าใจด้วยกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตลายคาร์บอนไฟเบอร์ ด้านหลังโดดเด่นด้วยสปอยเลอร์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมตราสัญลักษณ์ GT สีเหลือง ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว ขลิบเหลืองมาพร้อมกับดิสก์เบรกคาลิปเปอร์สีเหลือง ชุดแต่งสเกิร์ตหน้ากับหลังและประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าระบบแฮนด์ฟรีจากแพลตฟอร์ม GWM LEMON E PLATFORM
ภายใน
จุดเปลี่ยนแปลงในรุ่นประกอบไทยเกียร์อัตโนมัติย้ายมาที่ก้านคอพวงมาลัยหรือเรียกว่าเกียร์คอช่วยในการปรับเปลี่ยนและควบคุมรถให้ง่ายขึ้น และย้ายสวิตช์ที่ปัดน้ำฝนไปรวมกับสวิตช์ไฟเลี้ยว
นอกนั้นคงเดิมภายใต้แนวคิด “Intelligent Cockpit with Exquisite Craftsmanship” ด้วยหน้าจอ Interactive Double Screen หน้าจอพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถมีขนาด 17.25 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง แบ่งออกเป็น หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ฟังเพลง วิดีโอ รองรับ Apple CarPlay และ Siri
รองรับ Android Auto และ Google Assistant ระบบนำทางรองรับแอปพลิเคชันเพลง เช่น JOOX พร้อมลำโพง 4 จุดในรุ่น PRO และ 6 จุด ในรุ่น ULTRA และ GT
พร้อมวัสดุภายในห้องโดยสารให้สัมผัสที่สบาย โดยใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการตกแต่งภายในด้วยดีไซน์ที่สวยงาม เบาะนั่งปรับด้วยระบบไฟพร้อม Welcome Seat ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้า-ออกจากรถได้อย่างง่ายดายและระบบเบาะนวดไฟฟ้า เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ในรุ่น ULTRA และ GT เบาะหลังสามารถพับลงได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 858 ลิตร
ระบบ Cockpit Cleaning System พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 ช่วยเปิดการไหลเวียนของอากาศจากภายนอกเพื่อระบายอากาศและช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร Wireless Charger จ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 50 วัตต์ เพื่อการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพิ่มช่องต่อ USB ประเภท TYPE A และ C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า และประเภท TYPE A สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้าน และฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ เช่น ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่อันล้ำสมัย การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)
ตอบโต้ด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล พร้อมฟังก์ชันอื่นๆทั้ง ฟังก์ชันการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย ที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆ ของรถ เป็นต้น
ขุมพลังไฟฟ้า
ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร กับความจุแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) 47.788 kWh ในรุ่น PRO และ 63.139 kWh ในรุ่น ULTRA
มาเป็นความจุเดียว 57.70 kWh จากค่าย SVOLT ผลิตในไทย ให้ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางวิ่งจากเดิม 400 กิโลเมตรในรุ่น PRO และ 500 กิโลเมตร ในรุ่น ULTRA ยุบรวมมาใช้ระยะทางวิ่งไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเดียวกันคือ 480 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
และรุ่น GT ยังให้กำลังเท่าเดิมคือ 171 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เปลี่ยนความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Lithium-Ternary (NMC) 63.139 kWh มาเป็นลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ขนาด 57.70 kWh กับ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor วิ่งไกลสูงสุดจาก 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งมาเป็น 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
เทคโนโลยีที่อัดแน่นเปี่ยมประสิทธิภาพ รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 70 kW โดยชาร์จแบบเร็ว DC (0%–80%) เร็วขึ้นถึง 54 นาที และ DC (30%–80%) เร็วขึ้นถึง 38 นาที และการชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับด้วยการชาร์จไฟบ้านแบบ AC สูงสุด 6.6 kW เร็วขึ้นถึง 9 ชั่วโมง
พร้อมระบบขับขี่ทั้งหมด 6 แบบ
ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือได้แก่
- Standard
- Sport
- ECO
- ECO+
- AUTO
- Personal
เฉพาะรุ่น GT พร้อมความสามารถการกู้คืนพลังงาน (Energy Recovery) ได้สามระดับ ได้แก่ น้อย, มาตรฐาน และมาก เพื่อการประหยัดพลังงาน และระบบจ่ายกระแสไฟ V2L (3300W) ระบบจ่ายกระแสไฟแก่อุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในทุกที่ที่เดินทาง เฉพาะรุ่น ULTRA และ GT
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Driver Assistance and Safety Systems)
สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+ ทั้ง
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)
- การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
- ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
- การเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Turn)
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM)
ความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง โครงสร้างตัวถัง ทำจากเหล็กกล้า IronBone™ สามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลักถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และระบบโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ตรวจความดันลมยาง (TPMS) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว
GWM ORA Good Cat MY2025 ผลิตจากโรงงานอัจฉริยะในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง มีสีให้เลือก 5 สีได้แก่
- สีเขียว Pistachio Green ภายในสีเขียวและเบจ
- สีเบจหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Brown Roof) ภายในสีเบจและน้ำตาล
- สีเขียวหลังคาสีขาว (Pistachio Green with White Roof) ภายในสีเขียวและเบจ
- สีใหม่!! สีขาวหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof) พร้อมชุดแต่ง Black Package ภายในสีดำ
- สีใหม่!! สีฟ้าหลังคาสีดำ (So Blue with Black Roof) with Black Roof) พร้อมชุดแต่ง Black Package ภายในสีเขียวและเทา
สำหรับรุ่น GT มาในสีเทาและสีดำ พร้อมชุดแต่งสปอร์ตสีเหลือง สีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) และสีเทา (Aqua Grey) โดยมีราคาของแต่ละรุ่น ลดจากเดิม 200,000 และ 270,000 บาท ดังต่อไปนี้
- GWM ORA Good Cat รุ่น PRO ราคาเพียง 599,000 บาท (เดิม 799,000 บาท)
- GWM ORA Good Cat รุ่น ULTRA ราคาเพียง 699,000 บาท (เดิม 899,000 บาท)
- GWM ORA Good Cat รุ่น GT ราคาเพียง 829,000 บาท (เดิม 1,099,000 บาท)





















