บ่อยครั้งที่เรามักหัวเสียกับริ้วรอยของรถที่เกิดขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่เราขับรถแบบระวังเสมอ เรามาดูกันว่าสาเหตุอะไรบ้างที่มักจะทำให้รถเรามีรอยขูดขีดที่ไม่พึงประสงค์
จอดรถริมฟุตบาตร : ถึงจะขับเก่งขนาดไหน การจอดรถริมฟุตบาตรก็ยังเป็นการปราบเซียนเสมอ เนื่องจากเราไม่สามารถมองเห็นรถทั้งคันรวมถึงมุมล้อที่ด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งบางครั้งเราอาจจะมั่นใจแล้วว่ามันชัวร์ แต่จริงๆ แล้วเราหักพวงมาลัยมากเกินไปทำให้เกิดการล้อเบียดได้
เทคนิคการจอดรถเทียบทางเท้า : บังคับรถไปที่ฟุตบาท โดยให้ล้อหน้าเหยียบเส้นสีขาว จากนั้นหมุนพวงมาลัยกลับ แล้วจึงค่อยๆ เดินหน้า และอย่าลืมมองกระจงหลังเพื่อดูว่าล้อหลังเหยียบเสีนพอดีหรือไม่ แล้วจึงทำการคือพวงมาลัยตรง จากนั้นให้ทำการเดินหน้า และถอยหลังให้พอดี
เปลี่ยนเลนตอนรถติด : อย่างที่รู้กันอยู่ว่าบนถนนเมืองไทยมีปริมาณรถมากทำให้บ่อยครั้งเราต้องเจอกับเหตุการณ์รถติดหรือเคลื่อนตัวได้ช้า จนบางต้องมีการปลับเปลี่ยนเลยเพื่อให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าไวขึ้น แต่การเปลี่ยนเลนในช่วงการจราจรหนาแน่นก็มีข้อควรระวังเช่นกัน เพราะถ้าเราไม่ดูให้ดีอาจจะเบียดกับรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งมาในช่องกลางระหว่างเลนได้
เทคนิคการเปลี่ยนเลน : เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติที่เหตุที่ไม่คาดฝัน ควรเปิดสัญญาณไฟขอทางแต่เนิ่นๆ เมื่อสังเกตว่าคันหลังได้ทำการชะลอให้แล้วก็สามารเปลี่ยนเลนได้ โดยต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด และไม่รีบร้อนจนเกินไป
นอกจากรอยที่เกิดจากการขับรถแล้ว ยังมีสิ่งที่เราควรต้องระวังอีกถ้าไม่อยากให้รถสุดหวงของคุณเป็นรอย
เปิดประตูกระแทกเสา : บ่อยครั้งที่เรามักเจอกับที่จอดรถแคบหรือเสาในที่จอดรถที่ออกแบบมากินพื้นที่ ซึ่งบางทีที่เราเข้าจอดเสาเจ้ากรรมดันอยู่ตรงประตูพอดีทำให้เราต้องเปิดประตูอย่างระมัดระวังแล้วแทรกตัวออกมาจากรถ แต่ถ้าคุณลืมไปว่ามีเสาล่ะ…ไม่อยากจะคิดเลยว่าเปิดกระแทกเสาปูนสีรถจะหายไปขนาดไหน
ถอยหลังกระแทกตอหรือกระถางต้นไม้ : สำหรับรถที่ไม่มีเซ็นเซอร์หรือกล้องมองหลังแถมติดมากับตัวรถคุณต้องระวังให้มากถ้าจะถอยหลังจอดในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เพราะมีโอกาสเสี่ยงในการเบียดหรือกระแทกสิ่งของที่อยู่ในช่องจอด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการจอกรถในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เราต้องขับรถผ่านสแกนก่อนเพื่อตรวจเช็คว่ามีอะไรขวางอยู่หรือไม่ แล้วค่อยถอยเข้าจอด
