More

    เทียบชัดรถปลั๊กอิน “จีนปะทะญี่ปุ่น” ‘MG HS PHEV’ VS. ‘Mitsubishi Outlander PHEV’ ใครจะแน่กว่ากัน?

    ตอนนี้กระแสรถถ่านที่สามารถชาร์จได้กำลังมา ใช่แล้วครับเราหมายถึงรถยนต์ ระบบ Plug-in Hybrid ซึ่งตอนนี้กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ระดับกลางได้ลงมาเล่นกันอย่างเต็มรูปแบบ เพราะช่วงไตรมาส 3 ของปี 63 ค่าย MG ได้เปิดตัว NEW MG HS PHEV ลงสู่ตลาดรถยนต์ในเมืองไทย และช่วยปลายปีที่ผ่านมาค่าย Mitsubishi ก็ปล่อยหมัดเด็ด Outlander PHEV ตามาติดๆ ซึ่งสร้างความน่าสนใจให้กับวงการยานยนต์ไม่น้อย สำหรับใครที่สนใจและลังเลกับรถ 2 รุ่นนี้อยู่ เรามีข้อมูลเปรียบเทียบเด็ดๆ ที่จะทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

    ระบบขับเคลื่อนมอเตอร์เดี่ยว VS มอเตอร์คู่

    NEW MG HS PHEV ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid มีพละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จากขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร มีระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds ที่ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เพียง 0.2 วินาที ตอบสนองได้อย่างทันใจ และเพิ่มความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ภายในเวลา 7.5 วินาที มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco โหมด EV และโหมด Sport เสริมด้วยปุ่ม Super Sport ที่สามารถเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น

    Mitsubishi Outlander PHEV มาพร้อมกับขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ส่งกำลังด้วยแบตเตอรี่ Lithium-Ion มีความจุรวมถึง 13.8 kWh โดยมอเตอร์ด้านหน้าส่งกำลัง 82 แรงม้า ให้แรงบิด 137 นิวตันเมตร และ 95 แรงม้าที่มอเตอร์ด้านหลังให้แรงบิด 195 นิวตันเมตร พร้อมด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร (128 แรงม้า แรงบิด 199 นิวตันเมตร) ให้กำลังสูงสุดรวมที่ 305 แรงม้า และส่งแรงบิดมากถึง 531 นิวตันเมตร ซึ่งสั่งการเดินหน้าและถอยหลังด้วยระบบเกียร์อิเล็กทรอนิคไฟฟ้า

    มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ประกอบด้วย ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก Anti-Lock Braking (ABS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Active Stability Control (ASC) และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและล้อขวา Active-Yaw Control (AYC) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งที่เพลาหน้า-หลัง ควบคุมแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ซึ่งระบบซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล ยังทำงานร่วมกับโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ ประกอบด้วย โหมดล็อค (มอบสมรรถนะเต็มรูปแบบของระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ โหมดสโนว์ (ให้การควบคุม การยึดเกาะ และการควบคุมที่ดีเยี่ยม เมื่อขับขี่บนพื้นผิวถนนที่เปียกลื่น) โหมดนอร์มอล (ควบคุมแรงบิดของแต่ละล้อให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ ) และ โหมดสปอร์ต (เพิ่มความแม่นยำของคันเร่ง การควบคุม และการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้ดีมากขึ้น) 

    การชาร์จไฟและการใช้งาน

    แบตเตอรี่ใน NEW MG HS PHEV เป็นแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล โดยมีขนาดใหญ่ถึง 16.6 kWh ทำให้มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการสะสมพลังงานได้มากกว่าจึงวิ่งได้นานขึ้น รวมถึงการทำระยะทางได้มากขึ้น โดยสามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สูงสุดถึง 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งและยังมีมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 65 กม.ต่อลิตรและมีการปล่อยค่าไอเสีย หรือคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 36 กรัมต่อกิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีในมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Hairpin Design ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถดึงสมรรถนะของการส่งกำลังและลดอัตราการสูญเสียพลังงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Coolant ซึ่งดีกว่าระบบระบายความร้อนแบบปกติ ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในการขับขี่ด้วยแบตเตอรี่ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก AMERICAN UL2580 และผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น

     

    NEW MG HS PHEV ชาร์จด้วยไฟ AC โดยใช้อุปกรณ์ชาร์จไฟที่ติดตั้งภายในบ้านหรือตู้บริการชาร์จไฟเอกชน ชาร์จไฟเต็มใช้เวลา 4.4 ชม. ส่วนการชาร์จไฟด้วย Adapter ที่ติดมากับตัวรถซึ่งจ่ายไฟ 2.3 kWh ชาร์จไฟเต็มใช้เวลา 7.3 ชม. (ไม่มี Quick Charge)

    Mitsubishi Outlander PHEV มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 52.6 กม.ต่อลิตร หรือ 1.9 ลิตรต่อ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC  มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำที่ 43 กรัมต่อกม. นอกจากนี้ Mitsubishi Outlander PHEV ยังสามารถรับพลังงานได้ 2 รูปแบบคือ จากการชาร์จกระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งสามารถใช้เครื่องยนต์ชาร์จเป็นกระแสตรงได้ (Quick Charge) โดยส่งกำลังไฟได้สูงสุดถึง70 kW ในการขับเดินทาง และ 10 kW เมื่อจอดหยุดนิ่ง สามารถชาร์จไฟ 90% ในเวลา 1.30 ชม. ส่วนการชาร์จกระแสไฟฟ้าสามารถเลือกทำได้ 3 รูปแบบ คือ Normal Charge เป็นการชาร์จด้วยไฟ AC โดยใช้อุปกรณ์ชาร์จไฟที่ติดตั้งภายในบ้านหรือตู้บริการชาร์จไฟเอกชน ชาร์จไฟเต็มใช้เวลา 3.7 ชม. Quick Charge การชาร์จแบบเร็ว นอกสถานที่เป็นการชาร์จไฟ DC แล้วจ่ายไฟ DC เข้าที่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง ชาร์จถึง 80% ใช้เวลา25 นาที และ Emergency Charger การชาร์จผ่าน Adapterที่ติดมากับตัวรถซึ่งจ่ายไฟ 2.2 kWh ชาร์จไฟเต็มใช้เวลา 6.3 ชม.

     

    นอกจากนี้ Mitsubishi Outlander PHEV ยังสามารถผลิตและจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัตต์ ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถ เพื่อให้คุณใช้เครื่องไฟฟ้าตามที่ต้องการได้

    การออกแบบภายในและเทคโนโลยี

    NEW MG HS PHEV  ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยสี 2-Tone Monaco Blue พร้อมวัสดุผิวสัมผัสนุ่มแบบ Soft Touch เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat โอบกระชับ มีห้องโดยสารเงียบยิ่งขึ้นจากการเพิ่มฟิล์มกันเสียงและแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ขนาดใหญ่ 1.1 ตารางเมตร เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทาง พร้อมเสริมความสะดวกสบายในการขับขี่ด้วยหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว และจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ระบบเสียงเหนือระดับด้วย BOSE 8.1 Sound System รวมถึงระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย

    Mitsubishi Outlander PHEV  ดีไซน์ภายในถูกออกแบบห้องโดยสารกว้างขวาง ครบทุกฟังก์ชันความสะดวกสบาย ซึ่งมาพร้อมกับเบาะหนังดีไซน์ใหม่แบบ ‘ไดมอนด์ ควิลติ้ คัท’ นอกจากนี้ Mitsubishi Outlander PHEV ยังติดตั้งเทคโนโลยีการเชื่อมต่อพร้อมระบบสั่งการอัจฉริยะ ที่สามารถใช้ได้ทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอสและแอนดรอยด์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ โดยสามารถตั้งเวลาการชาร์จไฟฟ้า สั่งการเปิด-ปิด เครื่องปรับอากาศภายในรถจากระยะไกล และการตรวจสอบสถานะของตัวรถโดยผ่านสัญญาณ WIFI จากสมาร์ทโฟน

    ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันและพื้นฐาน

    Mitsubishi Outlander PHEV มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ อาทิ ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA)  และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) โดยระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC) ไม่ได้ทำหน้าที่แต่เฉพาะรักษาระดับความเร็วให้คงที่เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ตรวจจับรถคันหน้า พร้อมควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจนกว่ารถจะหยุด

    NEW MG HS PHEV มีระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System กว่า 25 ระบบ โดยแบ่งออกเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรก และช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ จำนวน 14 ระบบและระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือระบบช่วยควบคุมการ ขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ จำนวน 11 ระบบ คือ ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)

    สำหรับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) ถือเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ทำงานโดยทันที คือ ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)

    ราคาและระยะการรับประกัน

    MG HS PHEV

    – เบนซิน 1.5 Turbo PHEV : 1,359,000 บาท

    การรับประกัน

    – รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร

    – แบตเตอรี่รับประกันนาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

    – ฟรี MG Home Charger มูลค่า 45,000 บาท (สำหรับลูกค้าที่รับรถก่อน 31 ธันวาคม 63)

    – ฟรี ค่าติดตั้ง 20,000 บาท (สำหรับลูกค้าที่รับรถก่อน 31 ธันวาคม 63)

    – บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง

    – Call Centre ติดต่อได้ทุกวัน 24 ชั่วโมง

    – Courtesy Car บริการรถใช้ระหว่างซ่อม ในกรณีเข้าศูนย์บริการเกิน 4 วัน

    – Mobile Service บริการตรวจเช็คเคลื่อนที่นอกสถานที่

    Mitsubishi Outlander PHEV

     

    – เบนซิน 2.4 PHEV GT : 1,640,000 บาท

    – เบนซิน 2.4 PHEV GT-Premium : 1,749,000 บาท

    การรับประกัน

    – รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

    – รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด นาน 10 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร

    – ฟรี ค่าบำรุงรักษา Service Package นาน 5 ปี

    – ฟรี ค่าแรงเช็คระยะ นาน 5 ปี

    – ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี

    – ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

    – ฟรี เงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายติดตั้ง Home Charger ไม่เกิน 20,000 บาท

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts