รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดถูกออกแบบมาเพื่อให้ตัวรถนั้นใช้น้ำมันน้อยลง แต่ถ้าหากผู้ขับขี่ไม่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ติดมากับรถ แล้วตัวรถยังควรที่จะเรียกว่าเป็นรถรักษ์โลกอีกหรือไม่?
จากข้อมูลที่ถูกรวบรวมโดย สภาระหว่างประเทศว่าด้วยการขนส่งที่สะอาด (International Council on Clean Transportation – ICCT) ชี้ให้เห็นว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดใช้ระบบส่งกำลังไฟฟ้าน้อยกว่าที่เคยคาดคิดกันไว้มาก นั่นหมายความว่ารถยนต์กำลังใช้เชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายในมากกว่าที่หน่วยงานคุ้มครองด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Protection Agency – EPA) เคยประเมินเอาไว้
จากการศึกษาพบว่า ในโลกของความเป็นจริง สัดส่วนของการขับขี่ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมดนั้นต่ำกว่าที่ EPA สันนิษฐานไว้ถึง 25 – 56% นั่นเป็นผลให้ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงในโลกแห่งความเป็นจริงมีแนวโน้มที่จะสูงกว่าที่ทางหน่วยงานเคยประเมินไว้ประมาณ 42 – 67%
“ชุดข้อมูลใหม่บ่งชี้ว่า PHEV ไม่บรรลุการลดการปล่อยมลพิษตามวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการติดฉลาก” ผู้ศึกษาวิจัยกล่าว “แนวโน้มในข้อมูลของ PHEV ใหม่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นในการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับการใช้ PHEV ของหน่วยงานกำกับดูแล”
มาตรการที่แม่นยำเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมีความสำคัญต่อผู้กำหนดนโยบาย เนื่องจากรถยนต์สันดาปภายในบางส่วนมักถูกรวมเข้ากับรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน
ยานยนต์เหล่านี้ถูกรวมอยู่ในรายงานการปล่อยมลพิษของค่ายผู้ผลิตรถ เพื่อขอรับการลดหย่อนภาษีด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งนั่นหมายความว่า PHEV จะถูกจำหน่ายต่อไปได้ ถึงแม้ว่าจะมีการแบนการขายรถเครื่องยนต์สันดาปภายในใหม่ในปี 2035 (ในสหรัฐฯ) นั่นจึงเป็นที่มาของการศึกษา เพื่อประเมินอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยมลพิษของ PHEV ให้แม่นยำยิ่งขึ้น
ทาง ICCT แนะนำว่า ค่ายผู้ผลิตรถอาจจำเป็นต้องรายงานข้อมูลของยานยนต์ในภาคสนาม และอาจมีการแนะนำข้อกำหนดระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าขั้นต่ำสำหรับยานยนต์ ซึ่งเป็นระบบที่บุกเบิกครั้งแรกในแคลิฟอร์เนีย
นอกจากนี้ EPA ยังสามารถนำขีดจำกัดกำลังต่อน้ำหนักของเครื่องยนต์สูงสุดมาใช้ หรือกำหนดโครงร่างว่าผู้ซื้อที่มีเครื่องชาร์จที่บ้านระดับ 2 มีแนวโน้มที่จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีกว่าผู้ที่ไม่มี หรือง่ายที่สุดคือ EPA ทำการปรับตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงใน PHEV ให้ต่ำกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ทางค่ายผู้ผลิตรถเองก็สามารถมีส่วนร่วมในการเพิ่มการใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าใน PHEV ของตนได้ โดยการรายงานค่าใช้จ่ายของการไม่ชาร์จให้เจ้าของรถทราบ ซึ่งอาจทำได้โดยการส่งข้อมูลผ่านหน้าจอระบบสาระบันเทิงของตัวรถ
อ้างอิง : carscoops.com
