More

    ลองขับ Nissan Kicks e-Power “เทคโนโลยีน่าสนใจ..แต่จะใช่ที่ต้องการหรือไม่?” ต้องลองดู..กับ 5 จุดเด่น/จุดด้อย

    Nissan Kicks e-Power คืออีกหนึ่ง Compact SUV ที่ได้รับความสนใจไม่แพ้รถอเนกประสงค์หน้าใหม่และหน้าเก่ายี่ห้ออื่น วันนี้ทีมงาน car2day จะมาวิเคราะห์จุดเด่น/จุดด้อยของเจ้า Kicks รุ่น VL ตัวท็อป ซึ่งต้องขอขอบคุณ Nissan A-List ที่ใจดีให้เราได้ยืมมาลองขับทดสอบในครั้งนี้

    สำหรับ Nissan Kicks คันที่เราได้ขับทดสอบนั้นเป็น Nissan Kicks e-Power สีขาวรุ่น VL ตัวท็อปแบบตัวถังสีเดียวไม่ใช่ทูโทน สิ่งที่สัมผัสได้และพอที่จะสรุปออกมาเป็นจุดเด่นจุดด้อย กับการได้ลองขับพร้อมถ่ายทำวิดีโอภายเวลาไม่ถึง 4 ชม.เท่านั้น..

    ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่าการรีวิวของทีมงาน Car2Day นั้นมุ่งเน้นให้ผู้อ่านและผู้รับชมบน youtube channel ได้รับประโยชน์จากบทความที่เน้นให้เห็นถึงขอดี/ข้อเสียของรถแต่ละคันเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคมากที่สุด เน้นสั้น..กระชับ..และตรงประเด็น ด้วยข้อมูลที่กล้าเปิดเผย “ดีก็ว่าดีไม่ดีก็บอกไปตามนั้น”   

    5 จุดเด่นใน Nissan Kicks e-Power

    จุดเด่นที่ 1 : ดีไซน์หล่อทันสมัย..แถมมีสีให้เลือกเพียบ

    สำหรับจุดเด่นแรกนั้นก่อนอื่นต้องขอยกนิ้วให้กับงานดีไซน์ที่ทำออกมาลงตัว สมกับเป็นรถ B-SUV ที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งความทันสมัยได้อย่างชัดเจน ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าเท่ๆ มองเผินๆคล้ายกับกระจังของ MPV หรูยอดฮิตอย่าง Toyota Alphard รับกับไฟหน้าแบบ LED ดีไซน์เฉียบพร้อมไฟเลี้ยวแบบ Signature Light ที่ส่องสว่างเป็นแนวเส้นตามสมัยนิยม

    ส่วนเส้นสายด้านข้างลากยาวจนถึงบั้นท้ายนั้น มองจากแนวเส้นสายแล้วเหมือนกับจับ SUV รุ่นพี่อย่าง Nissan X-Trail ย่อส่วนให้ดูกระชับและคอมแพ็คกว่าลงตัวกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยางไซส์ 205/55R17 ดูไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ที่สำคัญยังมีสีสันตัวถังให้เลือกมากถึง 6 สี 2 สไตล์ทั้งแบบสีเดียวและแบบหลังคาตัดดำทูโทน ไว้เอาใจคนที่ชอบความแตกต่าง

    จุดเด่นที่ 2 : แค่ค่าเทคโนโลยีก็คุ้มแล้ว..แถมยังถูกกว่าคู่แข่งเป็นแสน!!

    ราคาของ Nissan Kicks e-Power ซึ่งทางนิสสันเคาะราคาออกมาได้น่าสนใจมาก สำหรับรถหน้าตาดีที่มาพร้อมกับเทคโลยีที่เหนือกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไปในราคาพอๆกับรถเก๋งซีดาน ด้วยราคาเริ่มต้น 8.89 แสนบาท ไปจนถึงตัวท็อป 1.049 ล้านบาท ถูกกว่า Honda HR-V รุ่นท็อปราคา 1.119 ล้านบาทอยู่ 7 หมื่นบาท  และถูกกว่าคู่ปรับที่หลายคนกำลังเทียบกันอยู่อย่าง Corolla Cross รุ่นท็อปค่า 1.199 ล้านบาท ถึง 1.5 แสนบาท ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว ยิ่งสำหรับคนชอบนวัตกรรมใหม่ Nissan Kicks e-Power น่าจะมาถูกทางและถูกสตางค์กว่า

    จุดที่ 3 : e-Power ได้เปรียบ EV ตรงที่ไม่ต้องลุ้นหาที่ชาร์จ

    เทคโนโลยี e-Power คืออีกจุดเด่นที่ยังไม่มีคู่แข่ง ซึ่งนิสสันภูมิใจเสนอว่านี่คือรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ไม่ต้องชาร์จไฟ ซึ่งถ้าเทียบกับรถไฟฟ้าปกติที่ต้องจอดชาร์จกันเป็นชั่วโมงแล้ว Kicks ได้เปรียบเต็มประตูเพราะไม่ต้องไปหาสถานีชาร์จไฟให้ปวดตับ เพราะนิสสันได้จัดเครื่องยนต์เล็กๆหนึ่งตัวไว้เป็นตัวปั่นไฟเข้าไปเก็บยังแบตเตอรี่ ก่อนจะนำพลังไฟฟ้ามาใช้ในการขับเคลื่อนเพียงลำพัง

    ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทางในการขับขี่เนื่องจากใช้น้ำมันเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อการขับเคลื่อน มีน้ำมันคือวิ่งได้สบายใจ ข้อดีคือสามารถขับออกต่างจังหวัดได้แบบไม่ต้องลุ้นหาที่ชาร์จเหมือนกับรถ EV  ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทางในการขับขี่เนื่องจากใช้การเติมน้ำมันเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อการขับเคลื่อน มีน้ำมันคือวิ่งได้สบายใจ โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมด คือ EV Mode ซึ่งจะใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนล้วนๆโดยที่เครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกว่าแบตเตอรี่จะเหลือต่ำ โหมด S หรือ Smart Mode เมื่อเลือกระบบนี้จะช่วยให้ขับสนุกและอัตราเร่งตอบสนองได้ดีรวมถึงระบบ one paddle ก็จะทำงานด้วยในโหมดนี้ ปิดท้ายด้วย Eco Mode ซึ่งจะช่วยให้ขับได้ประหยัดสูงสุด โหมดนี้คันเร่งจะต้านเท้ามากขึ้นช่วยให้เราเหยียบได้น้อยลงช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองได้มากขึ้น 

    จุดเด่นที่ 4 : ถึงอัตราเร่งจะไม่จี๊ดเท่า EV แต่แรงดึงก็หนักหน่วงเอาเรื่องอยู่!!

    Nissan Kicks ขับสนุกด้วยพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 129 แรงม้า ตั้งแต่ 4,000 รอบลากยาวยัน 8,992 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงถึง 260 นิวตันเมตร ที่ 500 รอบ/นาที ส่งถ่ายกำลังผ่านเกียร์แบบ Single Speed ลงสู่ล้อคู่หน้า ที่แม้จะไม่กดปุ๊บมาปั๊บเท่ากับรถไฟฟ้า EV ที่มาตั้งแต่ 0 รอบ แต่ Kicks ก็ให้แรงดึงสะใจพอตัวเลยทีเดียว และยังทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ด้วยเวลาเพียง 10 วินาทีนิดๆ เท่านั้น กับการทดสอบที่มีผู้โดยสารนั่งไปด้วยกัน 3 คน เรียกว่าอัตราเร่งดีกว่ารถเครื่อง 1.5 ลิตรที่เติมน้ำมันล้วนๆชัดเจน

    “ใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว..ทั้งเร่ง ทั้งชะลอ คือข้อดีของ One Paddle”

    เทคโนโลยี one pedal สามารถใช้งานได้จริงและสะดวกมากขึ้นกว่า e pedal ของนิสสันลีฟ โดยระบบจะทำการชะลอความเร็วมาจากการหน่วงของมอเตอร์ เมื่อถอนเท้าจากคันเร่ง ไม่ใช่มาจากการกดแป้นเบรก แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟเบรกเพราะไฟเบรกจะติดทุกครั้งที่ระบบทำงานโดยวัดจากค่าแรง G ภายในห้องโดยสาร

    “ช่วงล่างนุ่ม..พวงมาลัยคม..วงเลี้ยวแคบ”

    เช่นเดียวกับช่วงล่างที่รู้สึกว่าปรับเซ็ตมาให้มีนุ่มนวลค่อนข้างดี และให้ความมั่นคงในการยึดเกาะถนนได้พอสมควรที่ความเร็วเกินร้อยนิดๆแม้จะเป็นแบบทอร์ชั่นบีมก็ตาม บวกกับความคมของพวงมาลัยกับวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.1 เมตร ทำให้ Kicks เป็นรถที่ขับสนุกสนานและคล่องตัวเป็นอย่างดีโดยเฉพาะการขับขี่ในเมือง

    จุดเด่นที่ 5 : จัดเต็มทั้งระบบช่วยเบรกและรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัย

    Nissan Kicks e-Power เด่นที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานซึ่งมีการอัพเกรดเพิ่มจาก Nissan Almera ซึ่งมีมาให้ตั้งแต่เตือนรถในจุดอับสายตา ไปจนถึงระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมช่วยเบรก และเพิ่มระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้ามาให้ ซึ่งถือว่ารถสมัยนี้ควรมีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง Nissan เองก็จัดมาให้ครบใน Kicks e-Power คันนี้

    “เจ๋งกว่ารถ EV และ Hybrid ตรงที่มันจอดเข้าเกียร์ว่างให้เข็นได้!!”

    Nissan Kicks e-Power ยังเป็นรถขับเคลื่อนไฟฟ้าคันแรกที่จอดแล้วเข้าเกียร์ N เพื่อให้เข็นรถได้ เหมาะกับบ้านเราซึ่งหาที่จอดยากมากๆ เจ๋งกว่ารถไฟฟ้าหรือพวกไฮบริดทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะต้องจอดเข้าซองอย่างเดียวเพราะจอดเข้าเกียร์ว่างไม่ได้ ตรงนี้ต้องขอยกความดีให้เทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อนแต่มีประโยชน์อย่างยิ่งอันนี้

    5 จุดด้อยใน Nissan Kicks e-Power

    จุดด้อยที่ 1 : e-Power อาจดูล้ำเกินไป..จนทำให้หลายคนกล้าๆกลัวๆ

    ความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี e-Power ที่อาจยังใหม่สำหรับผู้บริโภคอาจทำให้ใครหลายคนยังกล้าๆกลัวๆว่าจะดีจริงมั้ย ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับบ้านเราที่ยังมีปัญหาเรื่องการชาร์จไฟ e-Power ดูน่าสนใจทันที แต่ถ้าในมุมของการที่ยังต้องมีเครื่องยนต์ การที่ยังต้องเติมน้ำมัน และยังมีไอเสียจากเครื่องยนต์ รวมไปถึงการดูแลรักษาที่กลัวจะกลายเป็น 2 เท่าเพราะต้องจ่ายทั้งฝั่งเครื่องยนต์และฝั่งมอเตอร์ไฟฟ้า

     

    “มีทั้งมอเตอร์และเครื่องแบบนี้..คงต้องดูแลกันทั้ง 2 ทาง!!”

    แม้ทางนิสสันจะเคลมค่าบำรุงรักษาไว้ว่า 100,000 กม ค่าใช้จ่ายไม่ถึง 20,000 บาท แต่นั่นเป็นเพียงค่าใช้จ่ายในส่วนของ เครื่องยนต์ และส่วนอื่นๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับระบบ e-Power เลย อย่าลืมนะว่าทุกอย่าย่อมมีการเสื่อมไปตามกาลเวลาและการใช้งาน ไม่ว่าจะทันสมัยแค่ไหนก็ตาม

    จุดด้อยที่ 2 : ภายนอกดูสวย..แต่ภายในเฉยๆ ดูไม่ต่างจาก Almera 

    ภายนอกสวยแต่ภายในเฉยๆ ที่นั่งแถวสองแคบนั่งแล้วรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะที่นั่งตอนหลังฟิวส์คล้ายกับตอนนั่ง Madza CX-3 แต่กว้างกว่านิดนึง วัสดุภายในดูไม่แพงบวกกับงานดีไซน์ที่เหมือนไปหยิบของรุ่นโน้น..รุ่นนี้มาแปะรวมกันเป็นภายใน Kicks   เช่น คอนโซลและมาตรวัดต่างๆเหมือนยกมาจาก Almera ทั้งดุ้น ซึ่งมันดูไม่เข้ากับคอนโซลเกียร์ ที่มีปุ่มสตาร์ทกับคันเกียร์สีฟ้าสไตล์รถไฟฟ้า ดูขัดตา และดูไม่ล้ำเมื่อเทียบกับดีไซน์ภายนอก

    จุดด้อยที่ 3 : แบตฯเล็กนิดเดียว..ขับไฟฟ้าเพียวอย่างเก่งไม่เกิน 7 กม.

    Nissan Kicks e-Power มีแบตเตอรี่ที่เล็กมากขนาดเพียงแค่ 1.57 kwh ซึ่งถ้าขับในโหมดไฟฟ้าล้วน น่าจะขับได้ไม่เกิน 6-7 กม. ทำให้การขับขี่ส่วนใหญ่เครื่องยนต์จะติดมากกว่า 70% เพื่อช่วยสร้างกระแสไฟ ต่างจากรถไฟฟ้า EV ที่วิ่งได้ระยะไกลกว่าเนื่องจากขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า แต่จะให้ฟิลลิ่งในการขับคล้ายกับรถพวกไฮบริดหรือปลั๊กอินมากกว่า เพราะเมื่อแบตเตอรี่ลดต่ำกว่า 50-30% ซึ่งขึ้นอยู่กับความเร็วในการขับขี่ เครื่องยนต์จะติดขึ้นเพื่อปั่นเจอเนอเรเตอร์ให้ชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ จนทำให้รู้สึกรำคาญบ้างตอนเครื่องติดๆดับๆ ฟิวส์คล้ายๆกับระบบ auto stop 

    จุดด้อยที่ 4 : ไม่เสียค่าไฟ..มีแค่ค่าน้ำมันเท่าอีโคคาร์ “แต่ยังมีมลพิษอยู่ดี..สำหรับ e-Power”

    ค่าไฟฟ้าไม่ต้องเสีย แต่มีค่าน้ำมันที่ต้องเติมซึ่งโรงงานเคลมไว้ 23 กม./ลิตร ซึ่งถ้าวิ่งจริงไม่น่าถึง อย่างเก่งก็ 17-18 กม./ลิตร ยิ่งวิ่งทางไกลยิ่งน่าจะเปลืองกว่าเพราะเครื่องยนต์จะติดเกือบตลอด นี่อุตส่าไม่ต้องชาร์จไฟนึกว่าขับไปไกลๆจะประหยัด เหมาะใช้งานในเมืองมากกว่าอยู่ดี ดีกว่ารถ EV แค่ไม่ต้องลุ้นหาที่ชาร์จเวลาขับทางไกล ที่สำคัญคือยังมีการปล่อยไอเสียอยู่ในระดับใกล้เคียงกับรถไฮบริด ตรงนี้สำหรับรถ EV จึงได้ใจคนรักษ์โลกไปมากกว่าเต็มๆ

    จุดด้อยที่ 5 : ระบบความปลอดภัยเกือบเทพ..ถ้าให้ดีควรมีเตือนออกนอกเลน

    ระบบความปลอดภัย  Nissan Intelligent mobility (NIM) ของ Nissan Kicks ที่เหมือนจะจัดเต็มมาให้แล้ว แต่ดูดีๆยังขาดพวกระบบตรวจจับและช่วยเตือนขณะขับขี่ออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ อย่างพวก Lane Departure กับ Lane Keeping ซึ่งถ้ามีมาให้รับรองเพอร์เฟคแน่นอน 

    บทสรุป : Kicks ดูน่าสนและอาจไปได้ไกลกว่านี้..แค่ต้องการความเข้าใจใน e-Power มากขึ้นเท่านั้นเอง!!

    Nissan Kicks e-Power คันนี้ดูน่าสนใจตรงแนวความคิดในการใช้พลังงานไฟฟ้ามาขับเคลื่อนแบบไม่ต้องชาร์จไฟ ซึ่งเหมาะกับบ้านเราที่โครงข่าย EV ยังไม่มั่นคงนัก แถมค่าตัวก็ไม่แพงและมีรุ่นให้เลือกเยอะ บวกกับหน้าตาที่แซ่บโดนใจวัยรุ่น ติดอย่างเดียวที่อาจทำให้ไม่กล้าตัดสินใจ คือความไม่มั่นใจในนวัตกรรม อารมณ์เดียวกับรถไฮบริดตอนมาใหม่ๆ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางนิสสันว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้ด้วยวิธีไหน ที่สำคัญจะรอได้นานแค่ไหนกับเศรษฐกิจโลกที่วิกฤตอยู่ตอนนี้ สู้ต่อไป e-Power

    special thank : ขอบคุณ Nissan A-List Motor ที่เอื้อเฝื้อรถทดสอบ

    • สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://lin.ee/aP5WuYt
    • Call Center : 088-095-9999

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts