พึ่งจะเปิดตัวรุ่นปรับโฉมไปสำหรับ Honda City เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีของการปรับโฉมในร่างเจเนอเรชันที่ 5 พร้อมเพิ่มความปลอดภัยทุกรุ่นย่อย
แต่ว่า Honda City Hatchback ยังไม่มีการปรับโฉมจนกระทั่งทีมงาน Car2Day บังเอิญไปเจอเก๋งท้ายลาดสีขาวสองคันติดป้าย TC พรางตัวหน้าหลังวิ่งทดสอบแถวพระโขนงซึ่งยืนยันจากปากทีมงานว่านี่คือรุ่นปรับโฉมของเวอร์ชันแฮทช์แบ็กนั่นเองโดยปิดพรางตัวทั้งหน้าและหลัง
โดยยึดงานดีไซน์จากเวอร์ชันซีดานมาตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์ใหม่เน้นช่องระบายอากาศรังผึ้งใหญ่ขึ้นขอบโครเมียมประกบไฟหน้า Projector เปิดปิดอัตโนมัติพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED รับกับกันชนหน้าใหม่ กระจกมองพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูน ที่เปิดประตูโครเมียม ไฟท้าย LED กันชนหลังออกแบบใหม่เน้นเส้นสายส่วนล่างเรียบง่ายและมีลิ้นสปอยเลอร์หลังแนวนอนประดับด้วยไฟเรืองแสงทับทิมหลัง เสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถและล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/60R15
ทางด้านรุ่น RS ปรับเช่นกันทั้งกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ขอบสีดำเงาประกบไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED รับกับกันชนหน้าใหม่พร้อมไฟตัดหมอก LED กระจกมองพร้อมไฟเลี้ยวสีดำเงา ที่เปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ ไฟท้าย LED กันชนหลังออกแบบใหม่มีลิ้นสปอยเลอร์หลังแนวนอน ติดตั้งสเกิร์ตข้างเสริมความสปอร์ต เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำเงา และล้ออัลลอยลายใหม่สีดำเข้มขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 185/55R16
ภายในมาพร้อมออปชันเต็มแบบเดียวกับเวอร์ชันซีดานตั้งแต่ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้วในน e:HEV และ TFT 4.2 นิ้วในรุ่น Turbo เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
เชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันปรับระดับ 4 ทิศทาง ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง ลำโพง 8 ตำแหน่งสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) และควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
การตกแต่งภายในแตกต่างตามบุคลิก ด้วยวัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงิน สีดำ Piano Black วัสดุหุ้มเบาะผ้า และวัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม ส่วนรุ่น RS เข้มสปอร์ตด้วย วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีแดงเมทัลลิกและเบาะนั่งหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
ขุมพลังยังคงเดิมทั้ง เบนซิน VTEC Turbo 1.0 ลิตร 3 สูบ รหัส P10A6 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 173 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Paddle Shift โหมดการขับขี่ ECO พร้อมเบนซินไฮบริด e:HEV Atkinson Cycle DOHC i-VTEC รหัส LEB-H5 4 สูบ 16 วาล์ว และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบพลัง 98 แรงม้าที่ 5,600-6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ) ให้กำลังได้สูงสุด 109 แรงม้าที่ 3,500-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
ความปลอดภัยเต็มคัน Honda Sensing โดยจัดเต็มทุกรุ่นย่อยแบบเดียวกับเวอร์ชันซีดาน เพิ่มออปชันใหม่มานั่นคือ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF)
เตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) และระบบไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง Rear Seat Reminder Honda City Hatchback รุ่นปรับโฉมทั้งแบบ Turbo และ Full Hybrid e:HEV พร้อมจะเปิดตัวที่ไทยเร็วๆนี้