More

    Mazda CX-30 MY2023 มาดหล่อเข้มดุตรงใจสาวกชาวญี่ปุ่น

    อยู่ตลาดมานานจนได้รับการตอบรับอย่างดีสำหรับ Mazda CX-30 เอสยูวีเครื่องสันดาปหนึ่งเดียวในกลุ่มที่กล้าให้ออปชันเต็มคันราคาโดนใจ

    Mazda CX-30

    และด้วยคู่แข่งเปิดเจนใหม่ปรับหน้าตากันไปแล้วมีหรือที่ Mazda จะอยู่เฉยจึงเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่หรือ Mazda CX-30 MY2023 ด้วยสีภายนอกรถสองสีใหม่นั่นคือ สีบรอนซ์เงิน Ceramic Metallic และสีทอง Zircon Sand Metallic นอกจากนี้ยังแนะนำรุ่นพิเศษ Retro Sports Edition ด้วยภายนอกสีทอง Zircon Sand Metallic กระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิง กระจกมองข้างทรงสปูน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สปอยเลอร์หลัง ตกแต่งด้วยโทนสีดำเข้ม

    กับออปชันเดิมตั้งแต่กระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิงโครเมียม ไฟหน้า Projector แบบ LED ทรงเรียวขึ้นรับกับไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Signature พร้อมระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS กันชนหน้า-หลัง สีทูโทนทรงบึกบึนคิ้วขอบล้อดีไซน์ใหญ่ ล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/55 R18 ด้านท้ายเท่ด้วย ไฟท้าย LED Signature วงกลม หลังคาซันรูฟ พร้อมสปอยเลอร์หลัง ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

    Mazda

    ภายในตกแต่งพิเศษในรุ่น Retro Sports Edition เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีแทนหนังกลับ Suede สีดำ พร้อมการตัดเย็บอย่างประณีตแบบโทนดำหนังกลับเดินด้ายแทนที่แผงคอนโซลหน้าส่วนบน แผงประตูรถเป็นต้น ส่วนทุกรุ่นรวมถึงรุ่นพิเศษยังได้จอสัมผัสขนาดใหม่ 10.25 นิ้ว แทนแบบเดิม 8.8 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เชื่อมต่อระบบความบันเทิง Mazda Connect infotainment system ผ่านปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมที่ชาร์จมือถือไร้สายและช่องเสียบ USB Type C พร้อมไฟเรืองแสงที่ช่องเสียบ

    พร้อมออปชันแตกต่างในแต่ะรุ่นทั้งระบบอุ่นเบาะคู่หน้า อุ่นที่ขอบพวงมาลัย กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับเลนส์เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบ ไฟส่องภายในด้านหลังแบบ LED ติดตั้งลำโพงสูงสุด 12 จุดจาก Bose พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง มาตรวัดดิจิตอลแบบ TFT LCD ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่สีบนกระจกหน้า ปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และเบาะหลังแบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกันเพิ่มความอเนกประสงค์ขึ้นอีกระดับ

    พร้อมแนะนำแอป MyMazda สามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยระยะไกลและได้แม้ในขณะที่อยู่ห่างจากรถและทำงานร่วมกับระบบปรับอากาศให้ความสะดวกสบายเมื่อเริ่มต้นการเดินทางและสามารถติดตามรถหากเกิดการโจรกรรมรวมถึงบันทึกการขับขี่ในแต่ละวันได้ผ่านทางแอป

    Mazda

    ขุมพลังแรงเร้าใจด้วยเครื่องยนต์เบนซินมายด์ไฮบริด e-SKYACTIV-G M Hybrid 2.0 ลิตร PE-VPS 156 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 199 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 24V electrical system และ แบตเตอรี่ขนาดเล็กแบบ lithium-ion battery ให้กำลังมากถึง 6.9 แรงม้าที่ 1,800 รอบ/นาที แรงบิด 49 นิวตันเมตรที่ 100 รอบ/นาที  เพื่อช่วยในการออกตัว ให้อัตราเร่งที่ดีขึ้น และ อัตราสิ้นเปลืองที่ดีขึ้น และดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D 1.8 ลิตร รหัส S8-DPTS ให้กำลังมากสุด 130 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 270 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที

    ทั้งสองขนาดจับคู่กับกับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive 6 สปีด พร้อม Paddle Shift  เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ i-Activ AWD สำหรับเครื่อง e-SKYACTIV-G มาพร้อมระบบ integrated starter generator (ISG) เข้ามาเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่ รีดสมรรถนะได้อย่างเร้าใจตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันและรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยหยุดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราวและติดเครื่องยนต์แบบนุ่มนวลเนียนๆ

    คับคั่งกับระบบความปลอดภัยทั้งระบบควบคุมแรงบิดให้เหมาะสมในขณะเข้าโค้ง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC+) และ i-Activsense เพิ่มระบบป้องกันการสตาร์ทรถผิดพลาดในกรณีรถเดินหน้าหรือถอยหลัง นอกเหนือจากระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบรวดเร็วและระบบเตือนการเสียสมาธิขณะขับขี่หากตรวจพบระบบจะเตือนด้วยภาพที่หน้าจอและเสียงแจ้งผู้ขับขี่ทันที

    Mazda

    พร้อมความปลอดภัยมาตรฐานทั้งระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support) โดยสามารถทำงานได้ถึง 145 กม./ชม. กล้องรอบคัน 360 องศา (360 ̊ View Monitor), เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring), เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control), เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support), ช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse), ช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing), ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System), เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System) และช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)

    ถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 จุด รวมถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ, ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC (Dynamic Stability Control), ช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist), กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง, สัญญาณไฟกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกรถในภาวะฉุกเฉิน ESS (Emergency Signal System), เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า-หลังรอบคัน และ เบรก ABS 4 ล้อ พร้อม EBD เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้ากับด้านหลัง

    Mazda

    Mazda CX-30 MY2023 มีสีเดิมทั้งสีบรอนซ์ทอง Platinum Quartz สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal), สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray), สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl), สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray), สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บูล ไมก้า (Deep Crystal Blue Mica), สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black) ทั้งหมด 16 รุ่นย่อยในราคาเริ่มต้น 2,556,400 – 3,678,400 Yen หรือราว 619,000-889,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้ารวมภาษีนำเข้าของไทยแล้วจะอยู่ที่ 1,779,000-2,559,000 บาท ขายญี่ปุ่นปลายเดือนตุลาคมนี้

    ที่มา Carwatch

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts