More

    พาเหรดรถใหม่..จ่อเข้าไทยครี่งปีหลังปี 2023

    ขอต้อนรับสู่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2023 แม้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการเมืองการจัดตั้งรัฐบาลรวมถึงปัจจัยอื่นๆทั้งภายในและภายนอกประเทศ

    New Car

    ทั้งเรื่องสถาบันการเงิน ราคาพืชผลทางการเกษตร รวมถึงนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่รอการสานต่อจากรัฐบาลใหม่ ฯลฯ มีกระทบต่อตลาดรถยนต์เมืองไทยจนหลายค่ายต้องหาทางออกตอบโจทย์ลูกค้าแม้ยอดขายรถยนต์ในไทยช่วง 5 เดือนแรกสัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ติดลบทุกเดือนด้วยตัวเลข 341,691 คัน ลดลง 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีกลายโดยกลุ่มรถยนต์นั่ง หรือ รถอเนกประสงค์จากพื้นฐานรถปิกอัพหรือ PPV ที่เติบโตมาตลอดแต่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์กับรถปิกอัพอาการยังน่าห่วง

    แต่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2023 นี้ค่ายรถยนต์พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เพื่อต้อนรับงาน Fast Auto Show Thailand & EV Expo, Big Motor Sale และงานใหญ่ส่งท้ายปีอย่าง Motor Expo  เพื่อตอบทุกความต้องการทาง Car2Day จึงรวบรวมและคาดการณ์กับรถยนต์ที่จะเปิดตัวช่วงครึ่งปีหลังของปี 2023 เริ่มที่

    AION : AION Y Plus

    ฤณฯ์

    ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่จากจีนที่ได้จับมือกับทางพันธมิตรของไทย GOLD INTEGRATE เป็นตัวแทนจำหน่ายและทาง GAC ยังตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียนมาที่ไทยคุมตลาดทั้งไทยและอาเซียนทั้งประเทศรวมถึงตั้งโรงงานประกอบที่ไทยด้วยเงินลงทุน 6,400 ล้านบาทหรือ 1,300 ล้านหยวน ที่ระยอง

    และรุ่นที่ประเดิมนั้นคาดว่าเป็น Aion Y Plus เอสยูวี 5 ที่นั่งพลังไฟฟ้าที่ให้กำลังหลากหลายตั้งแต่ แบตเตอรี่แบบ Lithium iron phosphate ความจุแบตเตอรี่ 51.9 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 136 แรงม้า แรงบิด 176 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 430 กม./ชาร์จหนี่งครั้ง ขยับขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่นกับแบตเตอรี่แบบ Lithium iron phosphate ความจุแบตเตอรี่ 61.7 kWh 204 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 510 กม./ชาร์จหนี่งครั้ง

    รุ่นท็อปสุดกับแบตเตอรี่แบบ Ternary Lithium ความจุแบตเตอรี่ 69.98 kWh 204 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 610 กม./ชาร์จหนี่งครั้ง พร้อมความโดดเด่นของภายในที่ทันสมัยด้วยจอคู่ควบคุมจอมาตรวัดดิจิทัล 10.25 นิ้วและจอสัมผัสขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่โดยเตรียมขายไทยรุ่นแรกของค่ายเร็วๆนี้

    AUDI : AUDI RS Q8

    AUDI

    กลับมาเปิดรับจองอีกครั้งหลังขายไทยไปเมื่อสามปีก่อนจนหมดรุ่นไปสำหรับ AUDI RS Q8 พี่บิ๊กเอสยูวีตัวโหดพลัง Mild Hybrid V8 600 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร ในอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 3.8 วินาที กับการตกแต่งสไตล์โหด จาก AUDI Sport ขายไทยเพียง 11,900,000 บาท โดยจองวันนี้รับรถตอนสิ้นปีนี้ และจะมีหนึ่งรุ่นใหม่ตามมาอีกโดยจะเป็นรุ่นไรนั้นต้องติดตาม

    BMW : BMW iX1, BMW 7 Series Diesel, BMW X5-X6 LCI, BMW 5 Series

    BMW

    หลังเปิดตัวรถใหม่ที่งาน Bangkok Motor Show 2023 ชนิดขนมากันทั้งหมด 8 รุ่นและในช่วงครึ่งปีหลังนี้อาจประเดิมด้วย BMW iX1 เอสยูวีไฟฟ้าหรูพื้นฐาน BMW X1 ติดตั้งขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบ eDrive technology เจนที่ 5 ด้วยความจุแบตเตอรี่ 64.7 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ให้กำลังมากสุด 313 แรงม้าที่ 4,300-15,200 รอบ/นาที แรงบิด 494 นิวตันเมตรที่ 0-4,300 รอบ/นาที วิ่งไกลสุด 413-438 กม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP ให้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 5.43-5.78 กม./kWh อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

    การชาร์จช้า AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11kW 0-100% ได้ 6.30ชม. และสามารถเลือกชาร์จสูงอีก 22 kW 0-100% ได้ 3.45 ชม. ด้านชาร์จเร็ว DC สูงสุด 130 kW ถ้าชาร์จ 10 นาที เพิ่มระยะทางการวิ่งไกลอีก 120 กม. และชาร์จเร็วนี้จาก 10-80% ทำได้ 29 นาทีในรุ่น iX1 xDrive30 ขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive

    BMW

    ทางด้าน BMW 7 Series หลังจากเปิดตัวรุ่น 750e xDrive M Sport​ กับพลังเสียบปลั๊ก Plug In Hybrid 6 สูบที่วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 85 กม./ชาร์จหนึ่งครั้งแล้วอาจเสริมรุ่นดีเซลล้วนกับ 740d ด้วยพลังดีเซลเทอร์โบ Mild Hybrid 6 สูบ 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo รหัส B57D30B 286 แรงม้าที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตรที่ 1,750-3,000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

    พร้อมเทคโนโลยี mild hybrid ด้วยการเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าแรงดัน 48 โวลต์ เสริมพละกำลังขึ้นมาอีก 18 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ก้อนเล็กสุด lithium-ion เมื่อทำงานร่วมกันจะได้แรงม้ารวม 300 แรงม้า แรงบิด 670 นิวตันเมตร คู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.3 วินาทีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่าที่เคยด้วยการใช้ AdBlue สารพิเศษที่ช่วยลดปริมาณไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสีย โดยทำปฏิกิริยาเคมีเพื่อแตกสารดังกล่าวให้กลายเป็นไนโตรเจนและน้ำ ซึ่งล้วนไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

    BMW

    ในส่วนของรุ่นปรับโฉมหรือ LCI จะมี BMW X5 กับ BMW X6 รุ่นปรับโฉมปรับครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในร่างเจนที่ 4 ปรับใหม่ปรับหล่อพร้อมภายในที่มาพร้อมกับจอคู่โดย ดยมาตรวัดดิจิทัลมาขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วและจอสัมผัส 14.9 นิ้ว BMW Curved Display กับพลังดีเซลเทอร์โบ Mild Hybrid 3.0 ลิตร 286 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ในรุ่น X5 xDrive30d และเบนซินเทอร์โบ 6 สูบ 3.0 ลิตร  340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรในรุ่น X6 xDrive40i M Sport

    BMW

    ส่วนไฮไลต์เด็ดถ้าทันปลายปีนี้พบกับ BMW 5 Series กับ  BMW i5 เจนที่ 8 ที่มีแนวโน้มว่ารุ่น i5 อาจมาก่อนกับการเปลี่ยนแปลงใหม่หมดโดดเด่นที่ที่เปิดประตูที่หวนกลับมาใช้แบบยกก้านแทนดึงก้านคล้าย BMW X1 และเสา C ติดตรารูปเลข 5 เพื่อบอกว่าคันนี้คือ 5 Series

    ถ้ามาจริงขุมพลังไฟฟ้าที่จะขายในไทยคงเป็นรุ่น i5 eDrive40 มีความจุ 81.2 kWh ผสมผสานกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าให้พลังเป็น 340 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร เข้ากับระบบขับเคลื่อนล้อหลังมอบระยะวิ่งสูงสุดถึง 497-582 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP สามารถชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC) สูงสุดได้ที่ 205 kW ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการชาร์จไฟจาก 10 – 80% และกระแสสลับ AC สูงสุดได้ที่ 11 kW ใช้เวลาประมาณ 8.25 ชม. ในการชาร์จไฟจาก 0-100% อัตราเร่ง 0-100 กม. ทำได้ 6 วินาที ความเร็วสูงสุด 193 กม./ชม.

    และi5 M60 xDrive โดยมีความจุแบตเตอรี่แรงดันสูง 81.2 kWh ผสมผสานกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ให้กำลังรวม 601แรงม้า แรงบิด 820 นิวตันเมตร ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าให้กำลัง 261 แรงม้าที่ 8,000 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้าหลัง 365 นิวตันเมตร มอบระยะวิ่งสูงสุดถึง 455-516 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP

    รองรับการชาร์จแบบ DC สามารถชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC) สูงสุดได้ที่ 205 kW ใช้เวลาประมาณ 30นาที ในการชาร์จไฟจาก 10 – 80% และกระแสสลับ AC สูงสุดได้ที่ 11 kW ใช้เวลาประมาณ 8.25 ชม.และ 22 kW ในเวลา 4.25 ชม.ในการชาร์จไฟจาก 0-100% อัตราเร่ง 0-100 กม. ทำได้ 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.

    BMW

    ททงด้านสันดาปของ BMW 5 Series นั้นยังคงเป็นรุ่น 530e ให้กำลัง 299 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ส่วน 520d พ่วง Mild Hybrid 208 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 425 นิวตันเมตร และลุ้นอยากให้มีรุ่น 540i xDrive กับเบนซินเทอร์โบใหญ่สุด 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร ห้แรงม้าสูงถึง 381 แรงม้า แรงบิด 540 นิวตันเมตร ในแบบ Mild Hybrid มาด้วย

    BYD : BYD Dolphin

    BYD

    แน่นนอนว่าคันนี้เป็นรุ่นที่สองต่อจาก BYD ATTO 3 เข้ามาเสริมทัพในร่าง B-Car ทรงท้ายตัด 5 ประตู สร้างจากแพลตฟอร์ม BYD e-platform 3.0  พร้อมภายในที่กว้างสบายแบบ 5 ที่นั่ง ใช้สีทูโทนเช่นเดียวกับตัวถังภายนอกดีไซน์ที่ดูล้ำสมัยเบาะหลังสามารถพับได้ในอัตราส่วน 40:60 มีพื้นที่มากถึง 1,310 ลิตรในกรณีพับเบาะแต่ถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 345 ลิตร

    ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ permanent magnet synchronous motor มีความจุแบตเตอรี่ 44.9 kWh แรงสุด 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 340 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม.อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 12.3 วินาที การชาร์จผ่านไฟ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW 0-100% ภายใน 7.5 ชม. ส่วนการชาร์จผ่านไฟ DC รองรับการชาร์จสูงสุด 60 kW ในรูปแบบ Fast Charging ชาร์จจาก 30-80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที

    BYD

    และอีกรุ่นกับรุ่นท็อปสุด ใช้ความจุแบตใหญ่ขึ้นเป็น 60.48 kWh  ซึ่งความจุแบตเทียบเท่ากับ BYD ATTO 3 แรงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7 วินาที วิ่งไกลสุด 427 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) ชาร์จผ่านไฟ DC รองรับการชาร์จสูงสุด 80 kW ในรูปแบบ Fast Charging โดยจะเปิดราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กรกฏาคมนี้ และอาจได้พบกับ BYD SEAL ภายในปีนี้

    Ford : Ford Mustang New Generation

    Ford

    ม้าป่าเจเนอเรชันใหม่ กับ Ford Mustang เจนที่ 7 ใหม่หมดแต่ยังรักษาความคลาสสิกไว้เช่นเคยกับพลังเดิม V8 5.0 466 แรงม้า แรงบิด 569 นิวตันเมตร รวมถึงเบนซินเล็ก EcoBoost GTDi ขนาด 2.3 ลิตร  314 แรงม้า แรงบิด 476 นิวตันเมตร ทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 SelectShift รุ่นเดียวกันที่ใช้ในกระบะ Ford Ranger เข้ามาทำตลาดด้วย

    GWM : TANK 300 HEV, TANK 500 HEV, HAVAL Jolion รุ่นพิเศษ, ORA Grand Cat, GWM POER

    GWM TANK

    ภารกิจเปิดตัวรถใหม่ Mission 9 In 3 หรือ 9 รุ่นใหม่ภายใน 3 ปี ของค่ายรถ GWM มีมาต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวครบ 5 รุ่นตั้งแต่ HAVAL H6 HEV, HAVAL H6 PHEV, HAVAL Jolion HEV, ORA Good Cat และ ORA Good Cat GT สำหรับปีนี้จะเปิดตัวอีก 3 รุ่นได้แก่ TANK แบรนด์รถที่ 3 ของค่ายนี้เน้นเอสยูวีจะประเดิมตลาดอาจเป็น TANK 500 HEV เอสยูวีตัวใหญ่พลัง Full Hybrid 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 615 นิวตันเมตร จากเกิดเหตุไม่คาดคิดจนต้องเลื่อนการเปิดตัวจากเดิมพฤษภาคม

    TANK

    และอีกรุ่นกับ TANK 300 HEV เอสยูวีทรงเหลี่ยมสไตล์โมเดิร์นมาพร้อมรูปทรงสง่างามด้วยหน้าตาคล้าย JEEP Wrangler ดุดันในร่าง 5 ประตูตอบโจทย์การผจญภัยอย่างลงตัวด้วยเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร GW4C20NT ให้กำลังรวม 244 แรงม้าที่ แรงบิด 380 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตรแต่เมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ จะได้แรงม้ารวม 304 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตันเมตร

    อัตราเร่ง 0-100 กม. ทำได้ 7.9 วินาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time กระจายกำลังล้อทั้งสี่ หรือ torque-on-demandจะขึ้นสายการผลิตที่เมืองไทยที่โรงงาน Great Wall Motor Manufacturing (Thailand) อ.ปลวกแดง จ.ระยอง โรงเดียวกันกับ TANK 500 HEV เปิดตัวช่วงครึ่งปีหลังนี้

    ORA

    อีกหนึ่งรุ่นกับเจ้าเหมียวหรู ORA Grand Cat ที่นำเอาความคลาสสิกและความทันสมัยมาผสมผสานกันในร่างเก๋งฟาสท์แบ็ก โดดเด่นทั้งดีไซน์สปอร์ตอันโฉบเฉี่ยวคล้ายกับรถยุโรปชื่อดังทั้ง Porsche Panamera ผสมกับแบรนด์รถ Bentley ย้อนยุคด้วยขุมพลังไฟฟ้าแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้สมรรถนะเหนือระดับเพื่อการขับขี่ที่สนุกสนานสูงสุดถึง 408 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 680 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ 82 kWh  ทำความเร็วระหว่าง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.3 วินาที และวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 550 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ (ตามมาตรฐาน NEDC) พร้อมรุ่นอื่นๆทั้งรุ่นพิเศษของ HAVAL Jolion และกระบะ GWM POER ลุ้นกันว่าจะมาทันไหม

    Honda : Honda Accord New Generation x Honda City Facelift x BEV SUV

    Honda

    เก๋งใหญ่ Honda Accord เจเนอเรชันที่ 11 สวนกระแสตลาด D-Segment ซบเซา ด้วยตัวรถทีใหญ่และสปอร์ตขึ้นมีให้เลือกทั้งเบนซิน Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร L15BG 195 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 260 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,000 รอบ/นาที ไดเรคอินเจคชันฉีดตรง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง โหมด ECON และ Normal และ e:HEV 2.0 ลิตร 204 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า E-CVT

    Honda

    ทางด้าน Honda City ทั้ง Sedan และ Hatchback เตรียมที่จะปรับโฉมอัพเพิ่มออปชันมากขึ้นโดยจะเปิดตัวในวันที่ 5 กรกฎาคมหลังเสียรังวัดให้กับ Toyota Yaris ATIV และอาจให้เห็น Honda HR-V เวอร์ชันไฟฟ้าล้วนเข้ามาขายก็เป็นได้

    Hyundai  : Hyundai Creta MY2023

    Hyundai

    หลังปรับทัพใหม่โดยบริษัทแม่ที่เกาหลีใต้มาคุมเองภายใต้ชื่อ Hyundai Mobility Thailand มาทั้งนำเข้าจากเกาหลีใต้ นำเข้าจากอินโดนีเซียตามสิทธิ์ AFTA และรุ่นรถที่ตั้งใจประกอบในเมืองไทยด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์สันดาป

    หลังจากประเดิมตลาดที่บ้านหลังใหม่กับ  Hyundai Stargazer เอ็มพีวีเล็ก พลังเบนซิน 1.5 ลิตร สมทบกับ Hyundai Staria Hyundai H-1 Hyundai IONIQ 5 และ Hyundai IONIQ 6 ยังจะนำ Hyundai Creta กลับมาทำตลาดอีกครั้งพร้อมปรับออปชันใหม่ในราคาที่เร้าใจพร้อมรุ่นพิเศษ Black Edition เปิดตัว 5 กรกฎาคมนี้

    ISUZU : ISUZU D-MAX & ISUZU MU-X MY2024

    ISUZU

    หลังจากเปิดตัวรุ่น MAGIC EYEs กับการเพิ่มระบบความปลอดภัย ADAS มา สำหรับ ISUZU D-MAX ปิกอัพยอดนิยมอันดับ 1 ของไทยจนยอดขายฮิตติดตลาดและการปรับหล่อของ ISUZU MU-X MY2023 และรุ่นพิเศษ Phantom Collection ไปสำหรับปีนี้จับตาเช่นกันว่า ISUZU จะมีไม้เด็ดอะไรมาต่อกรคู่แข่งหรือจะเป็นรุ่นพิเศษเสริมทางเลือกต้องคอยชมแต่ที่แน่ๆ ISUZU ก็สนใจที่จะลงมาเล่นยานยนต์พลังงานทางเลือกอาจนำพลัง Mild Hybrid มาลงใน D-MAX ก็เป็นได้ ตุลาคมนี้พบกัน

    Lexus : Lexus LM

    Lexus

    เอ็มพีวีหรูเจเนอเรชันที่ 2 พื้นฐาน Toyota Alphard และ Toyota Vellfire โดดเด่นด้วยดีไซน์พรีเมียมพร้อมการตกแต่งภายในหรูหราแบบ 4 ที่นั่ง Captain Seat พร้อมจอทีวี widescreen ขนาดมหึมา 48 นิ้ว แถมอัปเกรดการตกแต่งภายในให้ภูมิฐานขึ้นมีแผงกันความเป็นส่วนตัวกระจกปรับขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า สร้างความเป็นส่วนตัวได้ดี พร้อมตู้แช่เย็น เบาะนั่งตอน 2 แบบ business-class lounge มีระบบนวดที่สามารถนวดได้ทั้งบริเวณต้นขา หลัง และไหล่ โดยสามารถเลือกโปรแกรมนวด

    พร้อมลำโพงระดับไฮเอนด์ Mark Levinson และยังมีรุ่น 6 ที่นั่ง Executive และแบบ 7 ที่นั่งให้เลือกมีจอสัมผัสขนาดใหญ่ส่วนหน้าขนาด 14 นิ้ว ถัดลงมาเป็นปุ่มการทำงานของจอสัมผัสและเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ พร้อมมาตรวัดดิจิทัล พร้อมพลัง HEV-Hybrid ถึง 2 ขนาดตั้งแต่ เบนซินเทอร์โบ Dynamic Force Hybrid ขนาด 2.4 ลิตร  T24A-FTS ให้กำลังถึง 279 แรงม้า 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 429 นิวตันเมตรที่ 1,700-6,300 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 372 แรงม้า แรงบิด 406 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Direct Shift พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ DIRECT4

    และเบนซิน Dynamic Force Hybrid A25A-FXS 2.5 ลิตร ให้กำลังถึง 189 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 237 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า-หลังแบบ 5NM และแบตเตอรี่ Hybrid แบบ Nickel-Metal ทำงานร่วมกันได้กำลังสูงถึง 249 แรงม้าแรงบิด 316 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้ากับขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four พร้อมความปลอดภัยเต็มคัน Lexus Safety System+ 3.0

    Lotus : Lotus Eletre

    Lotus

    หลังจากเปิดตัวรุ่นแรกในไทยอย่าง Lotus Emira  รุ่น First Edition ไปแล้วและเตรียมส่งมอบในปีนี้และได้เปิดรับจอง Lotus Eletre เอสยูวีไฟฟ้าออกแบบที่สปอร์ตหลังคาเพรียวลงสไตล์รถคูเป้ ตัวถังรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียม ใหกำลังมากถึง 600 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 2.95 วินาที ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Dual Motor AWD และความจุแบตเตอรี่ 100 kWh วิ่งไกลสุด 600 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม. โดยการชาร์จไฟด้วยกำลังไฟ 350 KW ในเวลาสั้นๆเพียง 20 นาที สามารถวิ่งไกลสุดได้ 400 กม.

    พร้อมเทคโนโลยีไฟฟ้าแรงดันสูง 800V พร้อมช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับความสูงตัวรถได้อัตโนมัติแถมมีเลี้ยวสี่ล้อ โดยส่งมอบชาวไทยตั้งแต่ปี 2024 และปลายปีนี้จะโชว์ดักคอเรียกน้ำย่อยเศรษฐีเงินหนาทันหรือไม่ต้องติดตาม

    Mazda : Mazda 2 Facelift, Mazda BT-50 i-Activesense, Mazda CX-3 MY2023

    Mazda

    หลังปรับโฉมรอบที่สองในบอดี้เจนที่ 4 และเป็นการปรับอีกครั้งในรอบ 9 ปี สำหรับ Mazda 2 ที่ตอนนี้เปิดตัวไม่ทันไรกวาดยอดจอง 1,500 คัน ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮชท์แบค 5 ประตู ที่มาในดีไซน์แบบ New Wave และดีไซน์แบบ Sport ส่งผ่านความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและสดใสมีชีวิตชีวาได้อย่างชัดเจน ในขณะที่รถรุ่นพิเศษ Rookie Drive และ Clap Pop ก็เรียกความสนใจจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบความแตกต่างได้เช่นกัน มาทั้งแบบ ดีเซลและเบนซิน SKYACTIV

    Mazda

    อีกหนึ่งรุ่นที่จะปรับทุกๆปีนั่นก็คือ Mazda CX-3 MY2023 ด้วยสีใหม่สีเทาหลังคาดำ Aero Grey ซึ่งเป็นสีเดียวกันกับ Mazda 2 Facelift ที่ พร้อมลุคส์ใหม่ที่เร้าใจมากขึ้นตั้งแต่กระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิงโครเมียมพร้อมไส้ในแบบสีรมดำเงากระจกมองข้างทรงสปูนสีดำ ล้ออัลลอยลายใหม่ทูโทนปัดเงาขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/50R18 คิ้วขอบล้อต่อเนื่องกับคิ้วชายล่างประตูตกแต่งสีดำเงา คิ้วโครเมียมขอบกันชนหน้า ด้านข้างและด้านหลังเสริมหรูให้เด่นชัด กับพลังเบนซิน SKYACTIV-G 2.0

    Mazda

    ยังลดโหดกับกระบะ Mazda BT-50 จนมีผลตอบรับอย่างน่าพอใจและมีแนวโน้มว่า Mazda BT-50 อาจเพิ่มระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ตามคู่แฝด ISUZU D-MAX MAGIC EYEs ที่ยกมาทั้งหมด ด้วยกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคู่อัจฉริยะ คอยตรวจจับวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจน และแม่นยำกว่าระบบกล้องหน้าเดี่ยว (Mono Camera) พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน

    Mercedes-Benz : Mercedes-Benz GLC New Generation

    Mercedes-Benz

    ค่ายรถยนต์ตราดาวจากเมืองสตุ๊ตการ์ทพร้อมแล้วกับการเปิดตัวรุ่นใหม่ต้อนรับปีกระต่ายกับ Mercedes-Benz GLC เปิดตัวเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ในรหัส X254 และ C254 เวอร์ชันคูเป้ เอสยูวีพื้นฐาน C-Class ตัวรถใหญ่ขึ้น โดยสเปกไทยถ้าเปิดตัวจะมีทั้ง ดีเซลเทอร์โบเป็นขนาด 2.0 ลิตร OM654 M  และให้กำลังมากถึง 200 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 440 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที จับคู่กับระบบ Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษพร้อม EQ Boost ให้กำลังถึง 20 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร ในรุ่น GLC 220d

    และรุ่นเสียบปลั๊ก GLC 350e กับเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส M254 ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 204 แรงม้าแรงบิดสูง 320 นิวตันเมตรคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลัง 129 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ส่งกำลังบำรุงด้วยแบตเตอรี่ใหม่ขนาด 25.4 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด100 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ทำความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง 140 กม./ชม. ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า

    Mercedes-Benz GLC Coupé

    ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า หากเป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC charger) 10-80% รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 55 kW จะใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC charger) จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 11 kW ซึ่งด้วยความสะดวกในการเลือกใช้งานได้ทั้งสองระบบ โดยทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย  (Steering – wheel Gearshift Paddles) โดยปีนี้จะเปิดตัวรุ่นประกอบไทยเป็นครั้งแรกตาม C-Class ซีดานหรือไม่ และมีรุ่นอื่นๆตามมาทั้งรุ่น GLA กับ GLE รุ่นปรับโฉม

    Mitsubishi : Mitsubishi Triton New Generation x Mitsubishi Xpander HEV x Mitsubishi Destinator

    Mitsubishi

    ครี่งปีหลังนี้ค่ายทรีไดมอนด์เตรียมเปิดตัวด้วยกันถึงสามรุ่นเริ่มกันที่ ไฮไลต์เด็ดหนีไม่พ้นการเปิดตัวกระบะเจเนอเรชันใหม่อย่าง Mitsubishi Triton ที่เมืองไทยเปิดตัวที่แรกของโลกแบบใหม่หมดแถมได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Mitsubishi Outlander  เข้ามาด้วยแชสซีส์ขั้นบันได Body-On-Frame แบบใหม่หมด แต่ที่แน่ๆระยะฐานล้อยาวขึ้นมีผลต่อภายในที่ยาวกว่า

    พร้อมพลังดีเซลใหม่ 2.4 ลิตร 4N16 ที่มีสามความแรงให้เลือกตั้งแต่ Low Power 150 แรงม้า Mid Power 180 แรงม้า และ High Power 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อมาตรฐานกับขับเคลื่อนสองล้อยกสูงและขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD ด้านดีไซน์การออกแบบมาในสไตล์ BEAST MODE ชุดไฟหน้า LED 3 ดวง พร้อมไฟ DRL LED 3 ดวงบนขอบฝากระโปรงหน้าลงตัวด้วยชุดกระจังหน้าเข้มพร้อมตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินและตัวอักษร Mitsubishi บนขอบกระจังหน้าและชุดไฟตัดหมอกหน้า LED ที่ทั้งหมดอยู่ในชุดกันชนหน้าเท่ถึงใจและไฟท้าย LED แนวตั้งดีไซน์ใหม่รูปตัว H

    Mitsubishi

    อีกรุ่นที่จะทำตลาดในไทยในอนาคตกับเอสยูวีต้นแบบที่เปิดตัวที่เวียดนามไปกับ Mitsubishi XFC Concept ซึ่งจะมาโชว์ดัคอ ก่อนขายจริง กับชื่อใหม่ Mitsubishi Destinator ท้าชน Honda HR-V Nissan Kicks e-Power ปิดท้ายดว้ยเอ็มพีวีตัวแก่งอย่าง Mitsubishi Xpander อาจมีเวอร์ชันฟูลไฮบริด HEV ออกทำตลาดด้วย

    Nissan : Nissan GT-R MY2024

    Nissan

    ปรับความสดใหม่ของ Nissan GT-R MY2024 อีกครั้งๆในร่าง R35 ปรับโฉมครั้งที่สาม หน้าตาทั้งหน้าและหลังเริ่มที่ด้านหน้า กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมลาทีความเป็นรูปตัววี ไส้ในมีแนวตั้งซ้าย-ขวาลากมาถึงส่วนล่าง ประดับความดุดัน พร้อมตรา GT-R ประกบกับไฟหน้า LED ซ่อนฟังก์ชันปรับความสูงของไฟหน้าแบบ AFS เอาไว้ กันชนหน้าออกแบบใหม่พร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่แบบรังผึ้งพร้อมเส้นแนวตั้งซ้าย-ขวาตำแหน่งเดียวกับส่วนบนของกระจังหน้าติดตั้งลิ้นสปอยเลอร์ใหม่เรียบเนียนกับชุดกันชนหน้า พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ทรงหกเหลี่ยมแนวนอน

    ด้านท้ายปรับในส่วนกันชนหลังดูเหลี่ยมมีสันขึ้น ออกแบบลิ้นสปอยเลอร์หลังใหม่พร้อมช่องระบายอากาศหลังใหม่กับท่อไอเสียกลมไทเทเนียม คู่ สองฝั่ง สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก LED ในตัว ดีไซน์เด่นทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ไฟท้าย LED ทรงโดนัทเอกลักษณ์เด่นล้ออัลลอยลายเดิม RAYS สีบรอนซ์ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางรันแฟลต ขนาด 255/40ZRF20 สำหรับล้อหน้า และ 285/35ZRF20 สำหรับล้อหลัง

    ด้าน GT-R รุ่น NISMO เทคโนโลยีจากรถแข่งปรับปรุงแอไร่ไดนามิก ช่วงล่าง และเพิ่มลิมิเต็มสลิปบริเวณที่เฟืองตัวหน้า ในรุ่นNISMO Special edition ใช้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่น้ำหนักแม่นยำสูง เช่น แหวนลูกสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง และฝากระโปรงหน้าทำจากคาร์บอนพิเศษเฉพาะของ NISMO เคลือบใส (พร้อมท่อระบายอากาศ NACA ที่ฝากระโปรง) และการตกแต่งที่พิเศษกว่าเร้าใจกว่า

    ภายในคงเดิมแต่ปรับในส่วนโทนสีโดยเฉพาะรุ่น GT-R NISMO ได้เบาะนั่งแบบบัคเก็ตซีทตกแต่งลายคาร์บอนใหม่จาก Recaro พร้อมขุมพลังคงเดิมกับเบนซินเทอร์โบคู่ V6 3.8 ลิตร VR38DETT 570 แรงม้า แรงบิดมากสุด 637นิวตันเมตร ส่วนรุ่น NISMO และ NISMO Special Edition ปรับกำลังมากขึ้นจาก NISMO เป็น 600 แรงม้า แรงบิดมากสุด 652 นิวตันเมตร เร้าใจมากขึ้นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD พร้อมระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ GR6 6 สปีด เมื่ออยู่ในโหมด R-Mode สามารถเปลี่ยนเกียร์ในเวลา 0.15 วินาที พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้าตามความเร็วรถ

    ปรับปรับแอโร่ไดนามิกใหม่ ยกระดับคุณภาพการขับขี่ให้ดีขึ้น ปรับปรุงการเก็บเสียงและแรงสั่นสะเทือนให้เข้ามาภายในห้องโดยสารน้อยลง ออกแบบฝาครอบเครื่องยนต์พิเศษสีทองและยังปรับปรุงสมรรถนะ ด้วยเบรกคาร์บอนเซรามิก ช่วงล่างแบบพิเศษ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและตอบสนองดีเยี่ยม

    Peugeot : Peugeot 2008 Facelift

    Peugeot

    ปรับโฉมครั้งแรกในร่างเจนที่ 2 ปรับโฉมครั้งนี้คล้ายกับ Peugeot 508 เริ่มที่กระจังหน้าแบบไร้กรอบพร้อมโลโก้สิงห์เวอร์ชันใหม่สวยงามล้ำสมัยเพิ่มความชัดเป็นเส้นครีบทอดยาวใต้ไฟหน้า Full LED ไฟ DRL แนวตั้งสามเส้นคล้ายเขี้ยวสิงโตอยู่ด้านข้างกันชนทั้งสองข้าง พร้อมโลโก้ 2008 บนฝากระโปรง ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R17 และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 R18 ราวหลังคาและหลังคารถตกแต่งสีดำ

    ด้านท้ายมีการปรับด้วยไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่แบบกรงเล็บสิงโต ‘lion claws’ แนวนอนสามเส้นบน-ล่าง งานนี้ไม่มีโลโก้สิงห์เขย่งขาและกลายเป็นโลโก้ตัวอักษรระดับเดียวกับชุดไฟท้ายและกันชนหลังปรับดีไซน์ใหม่เสริมคิ้วใต้กันชน และสำหรับรุ่นไฟฟ้าล้วนรุ่น E-2008 เปลี่ยนตัวอักษรเป็น E ตัวใหญ่แทน e ตัวเล็ก

    ภายในมีการปรับด้วยตั้งแต่ ‘i-Cockpit 3D’ ด้วยจอสัมผัสแบบ Touchscreen 10 นิ้วใหม่ PEUGEOT i-Connect มาตรวัดดิจิทัลแบบ Head-Up Display 3D ใหม่แสดงข้อมูลหลากหลายขนาด 10 นิ้ว ระบบนำทาง 3 มิติ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันลุคใหม่เข้มขึ้นด้วยโลโก้สิงห์เวอร์ชันใหม่ขนาดวงกะทัดรัด สวิตช์ควบคุมทรงก้านเปียโนสวยงาม สำหรับเมืองไทยยังคงเดิมกับเบนซินเทอร์โบ 1.2 ลิตร PureTech 130 แรงสุด 131 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตรคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด EAT8

    และไฟฟ้าล้วนอัปพลังเพิ่มเป็น 156 แรงม้าแถมความจุแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นเป็น 54 kWh วิ่งไกลสุด 406 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 1-speed direct-drive พร้อมชาร์จกระแสตรง DC 20-80% รองรับการชาร์จสูงสุด 100 kWใช้เวลาการชาร์จ 30 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% รองรับการชาร์จสูงสุด 3.2 kW 11.32 ชั่วโมง และ AC Wall Box 7.4 kW ได้ 4.10 ชม.(จากเดิมเป็นเบตเตอรี่ขนาด 50 kWh 136 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตรที่ 300-3,674 รอบ/นาที วิ่งได้ไกลราว 345 กม./ชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐานของ WLTP) จับตาว่าทางโรงงาน Peugeot มาเลเซียจะเปิดไลน์รุ่นปรับโฉมหรือไม่ถ้าเปิดปลายปีนี้อาจได้พบกัน

    Subaru : Subaru Crosstrek

    Subaru

    เจนที่ 3 ของเอสยูวีเล็กที่มาแทน Subaru XV สร้างจากแพลตฟอร์ม Subaru Global Platform แถมตัวรถยังใกล้เคียงกับ Subaru XV เจนปัจจุบันพร้อมพลังเบนซินล้วน Boxer 2.0 ลิตร (FB20) direct injection พร้อมระบบควบคุมวาล์วแบบแอคทีฟ (AVCS) 156 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาทีคู่กับ เกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT แบบ 7 สปีด มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบสมมาตรตลอดเวลา Symmetrical all-wheel drive เสริมระบบ X-MODE ด้านความปลอดภัยมาแบบจัดเต็ม EyeSight New-generation + wide-angle monocular camera พร้อมกล้องรอบคัน Digital multi-view monitor

    Suzuki : Suzuki XL-7 Smart Hybrid

    Suzuki

    หลังจากแนะนำรถใหม่ไปหลายรุ่นสำหรับค่ายนี้มีแนวโน้มสูงที่จะนำระบบ Mild Hybrid มาใส่ในเอสยูวีตัวลุยอย่าง Suzuki XL-7 ด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรใตอบโจทย์ในทุกการใช้งานได้อย่างเหนือระดับด้วยเทคโนโลยี SHVS ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า (Integrated Starter Generator หรือ ISG) พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION  นอกจากจะประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตรยังเสริมประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้รถออกตัวได้อย่างนุ่มนวล การบำรุงรักษาง่ายไม่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์เบนซิน ใช้งานได้อย่างไร้กังวล เพราะรับประกันอายุแบตเตอรี่นานถึง 5 ปี

    Toyota : Toyota Yaris ATIV Hybrid, Toyota Yaris Cross, Toyota IMV-0,  Toyota Hilux REVO BEV, Toyota Hilux REVO GR Sport x Mild Hybrid, Toyota Corolla Cross, Toyota Innova New Generation, Toyota Alphard x Vellfire

    Toyota

    การมาของ Toyota Yaris Cross อาจสะเทือนคู่แข่งอยู่พอสมควรสร้างจากพื้นฐาน DNGA platform แบบเดียวกับ Toyota Yaris ATIV ด้วยหน้าตาคล้ายๆกับ Toyota Corolla Cross โดยเฉพาะหน้าบึ้งเริ่มที่กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมติดตราโลโก้สามห่วง

    ภายในสบายแบบ 5 ที่นั่งพร้อมออปชันมากมายทั้งแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ล้ำ มีไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light มาให้ติดตั้งจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10.1 นิ้วรองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลายทั้ง Apple Car Play และ Android Auto ช่องเสียบ USB ด้านหน้าและหลัง มาตรวัดดิจิทัลแบบจอสี TFT 7 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน พร้อม Push Start เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ที่วางชาร์จมือถือ ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ

    ขุมพลังแน่นอนว่าเป็นขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-I ยกมาจาก Toyota Veloz รหัส 2NR-VE 1.5 ลิตร 106 แรงม้า แรงบิด 138 นิวตันเมตรคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Sequential Shift พร้อมโหมดการขับขี่ ECO / Normal / Power และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเบนซินใหม่ Hybrid ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VEX ให้กำลัง 91 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 121 นิวตันเมตรที่ 4,000- 4,800 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 81 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion คู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT และความปลอดภัย Toyota Safety Sense แล้วมีความเป็นไปได้ว่าทั้ง Toyota Corolla Cross มีการปรับโฉมเล็กน้อย

    Toyota

    เก๋ง B-Car อย่าง Toyota Yaris ATIV ที่ยังต้องส่งมอบกันต่อไปถึงที่ผ่านมาเจอเรื่องพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกมาก และปีนี้อาจเพิ่มทางเลือกกับขุมพลัง Hybrid 1.5 ลิตรเสริมทัพ ตามมาด้วย Toyota Innova New Generation นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแพลตฟอร์ม TNGA GA-C โมโนค็อกไร้กระดูกและเปลี่ยนมาเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมพลัง Dynamic Force ใหม่หมดตั้งแต่ เบนซิน 2.0 ลิตร  M20A-FKS 174 แรงม้า แรงบิด 205 นิวตันเมตร พร้อมฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection ควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วไอดี VVT-iE จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Direct Shift พร้อม Sequential Shift 10 สปีด

    และ เบนซินไฮบริด Dynamic Force Hybrid รหัส M20A-FXS 2.0 ลิตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมแบตเตอรี่นิเกิล-เมทัลไฮไดรด์ (Ni-MH) 168 cell เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 186 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อม Sequential Shift พร้อมโหมดการขับขี่  Eco + Power+ Normal  โดยยังนำเข้าจากอินโดนีเซียเช่นเดิม

    Toyota

    อภิมหากระบะจอมโหดอย่าง Toyota Hilux REVO GR Sport ที่งานนี้อัปเกรดตัวเองให้กลายเป็นปีศาจร้ายทางเรียบฟาดฟันกับ Ford Ranger Raptor ด้วยพลังดีเซล 2.8 ลิตร 224 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร พร้อมตัวรถที่ปรับบุคลิกให้ดิบขึ้น มีการขยายในทุกส่วนเมื่อเทียบกันพบว่าความยาวตัวรถลดลง 5 มม. ความกว้างมากขึ้น 120 มม.  สูงขึ้นจากเดิม 15 มม. ความกว้างช่วงล้อหน้ากว้างกว่าเดิม 140 มม. ความกว้างช่วงล้อหลังกว้างกว่าเดิม 155 มม. รวมถึงการเพิ่มระบบ Mild Hybrid มาลงประจำการในเวอร์ชันปกติ รวมถึงสองตัวเก่งจากโครงการ IMV ทั้ง Toyota Hilux REVO BEV และกระบะ Toyota IMV-0 ในรูปแบบขายจริง

    Toyota

    ปิดท้ายกับ Toyota Alphard x Vellfire เจนใหม่เอ็มพีวีหรูจะดูกันว่าทาง Toyota จะนำเข้ามาขายเองแบบรวดเร็วกว่าเกรย์มารเก็ตหรือไม่ต้องติดตาม

    Volvo : Volvo EX30, Volvo EX90

    Volvo

    หลังเพิ่มทางเลือกด้วยการเปิดตัว Volvo XC40 กับ Volvo C40 Recharge Pure Electric ขับเคลื่อนล้อหลังกับค่าตัวเริ่มไม่ถึง 2 ล้าน  ครึ่งปีหลังนี้เตรียมพบกับ Volvo EX90 เอสยูวีไฟฟ้าสร้างจากแพลตฟอร์ม Scalable Product Architecture (SPA2) ดีไซน์ล้ำหน้ากว่ารุ่นอื่นๆของ Volvo ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.29 ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้ความจุแบต lithium-ion ขนาดใหญ่ 111 kWh แรงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร และมีรุ่นแรง Performance 517 แรงม้า แรงบิด 910 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 600 กม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.9 วินาที สามารถชาร์จกระแสตรง DC 10-80 % ภายใน 30 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 250 kW และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW พร้อมระบบ LiDAR หรือ Light Detection and Ranging ระบบตรวจจับวัดระยะทางของวัตถุและคนเดิน โดยการใช้แสงเลเซอร์ไปกระทบกับวัตถุแล้วคำนวณระยะทางด้วยระยะเวลาทำงานได้เร็ว ประกอบด้วย รวมถึงกล้องแปดตัว เรดาร์ 5 ตัว เซนเซอร์อัลตราโซนิก 16 ตัว และเซนเซอร์ของระบบ LiDAR ตรวจจับคนเดินถนนด้วยระยะไกลสูงสุด 250 ม.

    Volvo

    นอกจากนี้ยังมี Vovo EX30 เปิดตัวที่ไทย 7 กันยายนนี้ สวยสปอร์ตสไตล์สวีเดนถอดแบบมาจากพี่ใหญ่ Volvo EX90 ตั้งแต่ไฟหน้า Matrix LED ดีไซน์ค้อนอันเป็นเอกลักษณ์ Thor Hammer พร้อมกระจังหน้าทรงทึบติดตราโลโก้ Iron Mark

    ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน SEA ที่จะเป็นแพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้า ตัวรถเล็กกว่า Volvo XC40 Recharge ภายในเรียบง่ายใช้งานง่าย จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่นิ้วรองรับ Apple CarPlay ไร้สาย, Android Auto แบบ Android Automotive OS แสดงการนำทาง สื่อ และการควบคุมโทรศัพท์ ตลอดจนข้อมูลอื่นๆ มาแบบขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ทำงานแม่นยำผ่าน Snapdragon Cockpit Platforms จาก Qualcomm Technologies ลำโพงคุณภาพจาก Harman Kardon 9 จุด และ 1 ซัฟวูฟเฟอร์กำลังขับ 1,040 วัตต์

    ขุมพลังไฟฟ้านำทั้งแบตเตอรี่ลิเทียมไอฟอนฟอสเฟต (LFP) จาก CATL เข้ามาประจำการเริ่มที่รุ่น Standard Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังด้วยความจุแบตเตอรี่ 54 kWh 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 344 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ชาร์จ DC กระแสตรงรองรับกำลังไฟสูงสุด 134 kW 10-80% ทำได้ 28 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC 11 kW ทำได้ 8 ชม.

    รุ่น Extended Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังด้วยความจุแบตเตอรี่ NMC 69 kWh 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 480 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ชาร์จ DC กระแสตรงรองรับกำลังไฟสูงสุด 153 kW 10-80% ทำได้ 26.5 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC 11 kW ทำได้ 8 ชม.

    Volvo

    รุ่น Performance มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยความจุแบตเตอรี่ NMC 69 kWh 428 แรงม้า แรงบิด 543 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 460 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ชาร์จ DC กระแสตรงรองรับกำลังไฟสูงสุด 134 kW 10-80% ทำได้ 28 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC 11 kW ทำได้ 8 ชม. ทั้งสามความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Shift-by-wire single speed transmission

    Wuling : Wuling Air EV

    Wuling

    การกลับมาของแบรนด์จีน Wuling ภายใต้บ้านหลังใหม่ EV Primus ประเดิมรุ่นแรกกับการแนะนำ เก๋งไฟฟ้าท้ายตัดชูเด่นด้วยแถบไฟ LED DRL แนวยาว ติดตั้งกล้องมองภาพด้านหน้าถัดลงมาเป็นโลโก้ Wuling ในช่องเสียบกับไฟหน้าธรรมดาสองชั้นแนวตั้งด้านข้างมาในแนวทรงกล่องหลังคาดำกระจกเสา B ดีไซน์ติดกับประตูรถอย่างแนบเนียนโดยรวมแล้วดีไซน์รถคันนี้ได้แรงบันดาลใจจากแว่น VR นั่นเอง แถมกระจกมองข้างทรงสปูนดีไซน์คล้ายกับหูฟังยุคใหม่พร้อมล้อขนาดเล็ก 12 นิ้วพร้อมยาง 145/70R12 ภายในสบายแบบ 4 ที่นั่งพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งจอคู่ขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว และ 7 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสองก้าน พร้อมโทนสีขาวและดำเทาทูโทนเบรกมือไฟฟ้าและ Auto Hold

    เร้าใจในการขับขี่กับพลังไฟฟ้าล้วนมอเตอร์ไฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังที่มีความจุของแบตเตอรี่ สำหรับรุ่น Standard Range 17.3 kWh สามารถวิ่งได้ 200 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง AC 2.0 kW 8 ชั่วโมง และรุ่น Long Range ความจุของแบตเตอรี่ 26.7 kWh สามารถวิ่งได้ 300 กม.ต่อการชาร์จแบบ AC 6.6 kW 1 ครั้ง 4 ชั่วโมง โดยล็อตแรก 400 คัน กำลังเดินทางจากอินโดนีเซียเดินทางมาถึงท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังจังหวัดชลบุรี ภายในเดือนมิถุนายนนี้และเตรียมเปิดตัวในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ส่งมอบในช่วงเดือนเดียวกันคาดค่าตัวไม่เกิน 450,000 บาท

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts