เปิดตัวในไทยมาได้หนึ่งปีสำหรับ Ford Everest ยอดขายโตวันโตคืนและโตเป็นอันดับต้นๆของกลุ่มรถพีพีวีจนเห็นรถรุ่นนี้วิ่งบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก
เมื่อช่วงปีกลายได้เห็น Ford Everest V6 วิ่งทดสอบในไทย แฟนๆร้องขอให้ทาง Ford นำรุ่นนี้มาขายในไทยแต่ด้วยคุณภาพของน้ำมันดีเซลในบ้านเรายังไม่ผ่านเกณฑ์ EURO 5 จึงต้องรอกันไปผนวกกับคู่แข่งเมืองจีนเปิดตัวเอสยูวีพลังไฮบริดเริ่มต้น 2 ล้านจนสร้างความประหลาดใจ งานนี้ Ford ไม่ยอมน้อยหน้าเตรียมเผยทีเด็ด Ford Everest V6
เมื่อทาง Car2Day ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวมาว่า Ford เตรียมที่จะเปิดตัว Ford Everest V6 ขุมพลังดีเซลเทอร์โบเดี่ยวในตระกูล Lion รหัสคาดว่าจะใช้ชื่อ DSL-Lion B ขนาด 3.0 ลิตร Power Stroke ที่ให้กำลังมากถึง 250 แรงม้าที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิด 597 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบ/นาที ซึ่งเครื่องยนต์ดังกล่าวมีการปรับสเปกเพื่อให้สามารถเข้าเกณฑ์ผ่านมาตรฐานไอเสียของไทยหรือ EURO 5 ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2567ได้
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 e-Shifter พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time 4WD แบบ e-Shifter (2H,4H,4L และ 4A) ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case–EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management System ทั้งโหมด Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery และยามลุยมีทั้งโหมด Sand, Mud/Ruts พร้อมเฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร และมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม
พร้อมหน้าตาไม่ต่างจากสเปกไทยกับไฟหน้า Matrix LED ใหม่รูปตัว C และลายเส้นอันทรงพลังบนกระจังหน้า ลงตัวด้วยชุดกันชนหน้าเส้นด้านข้างตัวถังทอดยาวจากด้านหน้าจรดท้ายรถเน้นการออกแบบตัวถังที่สะดุดตา ราวหลังคารองรับน้ำหนักได้มากถึง 350 กิโลกรัมขณะรถจอดอยู่กับที่และรับน้ำหนักได้มากถึง 100 กิโลกรัมขณะรถเคลื่อนที่ และราวหลังคาแบบ Built-In ให้เลือกไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ส่วนล้ออัลลอยมีให้เลือกขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/55 R20 และใหญ่สุด 21 นิ้วพร้อมยาง 275/45R21
ภายในห้องโดยสารแตกต่างโดยสิ้นเชิงด้วยการใช้วัสดุตกแต่งหรูหรา และติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศทุกส่วนที่แผงหน้าปัดด้านหน้าที่วางเต็มความกว้างของพื้นที่ คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า ระบบการชาร์จแบบไร้สาย เกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter หุ้มด้วยหนังสวยงามจับถนัดมือ พร้อมเบรกไฟฟ้า เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง สามารถปรับอุณภูมิและระบายอากาศได้ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับการจดจำการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเบาะนั่งแถว 2 แบบอุ่นเบาะได้ ปรับเลื่อนได้และพับได้แบบ 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 พับไดแบบ 50:50 พับได้
มาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.4 นิ้ว จอแบบสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 12 นิ้ว เชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4 สั่งงานด้วยเสียงเพื่อการสื่อสาร ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง และเข้าถึงข้อมูลต่างๆ รวมถึงแอปพลิเคชัน FordPass™ ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถด้วยความสามารถในการสตาร์ทรถจากระยะไกล การตรวจเช็คสถานะต่างๆ ของรถ รวมไปถึงการล็อค และปลดล็อคผ่านโทรศัพท์มือถือหน้าจอทัชสกรีนแนวตั้งยังเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศา ลำโพง B&O ระดับพรีเมียม 12 ตัว พร้อมหน้าจอแสดงผลสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถและสภาพเส้นทางด้านหน้าจากกล้องหน้าพร้อมกับแนวเส้นกะระยะ ช่วยผู้ขับขี่ฝ่าทุกอุปสรรคได้ง่ายขึ้น
Ford Everest รุ่น V6 จำหน่ายทั้งรุ่น Sport V6 4WD Wlidtrak V6 4WD และ Platinum V6 4WD รุ่นท็อปสุดที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์และบางประเทศ น่าจับตาแล้วว่าเครื่องยนต์ดีเซลทรงพลัง V6 บล็อกนี้ถ้ามาไทยจะเข้ามาประจำการในรุ่น Titanium+ 4×4 หรือรุ่น Platinum 4×4 ด้านราคาจำหน่ายอาจไม่ถึง 2 ล้านหรือเท่ากับ 2 ล้านต้นๆของเอสยูวีแดนมังกรรุ่นเริ่มต้นโดยจะทำตลาดเมืองไทยต้นปีหน้าทันงาน Bangkok Motor Show 2024 หรือไม่ต้องติดตาม