หลังจากที่ ISUZU และ Honda จับมือวิจัยพัฒนายานยนต์ทางเลือกตอบสนองความต้องการลูกค้าผ่านยนตกรรมรุ่นแรกกับ ISUZU GIGA FUEL CELL
ย้อนกลับช่วงเดือนมกราคมปี 2020 ทั้ง ISUZU และ Honda ร่วมมือกันพัฒนาระบบไฮโดรเจนสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่รวมถึงแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ส่งเสริมตลาดรถใหญ่ให้มีความหลากหลายมากขึ้นจนกลายเป็น ISUZU GIGA FUEL CELL หรือ ISUZU C-Series และ E-Series รถบรรทุก 12 ล้อ พลังไฮโดรเจนดูผิวเผินจะคล้าย GIGA เครื่องยนต์ดีเซลทุกประการเช่นกระจังหน้าทรงสองชั้น พร้อมโลโก้ ISUZU บนกระจังหน้า ชุดไฟหน้าและไฟตัดหมอก LED พร้อม Leveling Switch ปรับระดับ สูง-ต่ำ เท่ สะดุดตา สว่างในทุกเส้นทาง มือจับประตูแนวตั้ง หัวเก๋งยกขึ้นได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบล็อกหัวเก๋งและกระจกส่องมุม มีน้ำหนักบรรทุกรวม 25 ตัน ด้วยตัวรถใหญ่ตั้งแต่ความยาว 11,980 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,490 มิลลิเมตร และความสูง 3,770 มิลลิเมตร ในรหัสตัวถัง CYJ77C-WX
งานนี้ถอดเครื่องยนต์ดีเซลขนาดมหึมาของ ISUZU ขนาด 15.7 ลิตร กำลังสูงสุด 420 และ 460 แรงม้า แรงบิด 1,836-2,256 นิวตันเมตรภายใต้รหัส 6WG1-TCN และ 6WG1-TCC กลายเป็นขุมพลังไฮโดรเจนไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า AC synchronous electric motor แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion แผงเซลล์เชื้อเพลิง Fuel Cell Stack แบบ Solid polymer จากทาง Honda ผลิตกำลังไฟฟ้า 103 kW ถังไฮโดรเจนแรงดันสูง 70 MPa น้ำหนัก 56 กิโลกรัม เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูง 435 แรงม้า วิ่งไกลสุดต่อการเติมหนึ่งครั้งมากกว่า 800 กิโลเมตร พร้อมช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าใช้ปลั๊กเสียบแบบ CHAdeMO 2 หัว กำลังสูงสุด 530 kWh สามารถจ่ายพลังงานจากตัวรถออกไปสู่ภายนอกเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าเคลื่อนที่ ใช้ในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ ISUZU GIGA FUEL CELL หรือ ISUZU C-Series และ E-Series เริ่มทดลองวิ่งในถนนจริงที่ญี่ปุ่นภายในปีงบประมาณ 2022-2024 (หมดปีงบประมาณ 31 มีนาคม 2024) เตรียมเปิดตัวขายจริงในปี 2027
นอกจากนี้ยังมีรุ่นอื่นๆของทาง ISUZU และ UD Trucks มาร่วมโชว์ในงาน Japan Mobility Show 2023 ทั้ง ISUZU ELF EV หรือ ISUZU N-Series EV ขุมพลังไฟฟ้าแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ 4X2 กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว HP11 กับความจุแบตเตอรี่แพ็คละ 20 kWh ตามขนาดตัวถังรถ ตั้งแต่สองแพ็ครวมกัน 40 kWh สามแพ็ครวมกัน 60 kWh และห้าแพ็ครวมกัน 100 kWh ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร และวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 150 ถึง 200 กิโลเมตร พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง eco และ boost
ชาร์จมีสองแบบทั้งชาร์จเร็วกระแสตรง DC แบบ CCS2 และชาร์จกระแสสลับ AC แถมมีระบบ Regenerative Braking สามารถชาร์จในระหว่างการเบรกกลับเข้าแบตเตอรี่สามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับถึง 12 ระดับ และรุ่นใหม่สี่ล้อเล็ก ISUZU ELF MIO รวมถึงเพื่อนบ้านชายคา ISUZU อย่าง UD Trucks ทั้งรุ่นหัวลาก 10 ล้อ UD Quon GW 6×4 สำหรับตลาดญี่ปุ่น และ UD Quester GWE 6×4 สำหรับตลาดต่างประเทศและเมืองไทย
โปรแกรมโซลูชั่นส์ครบวงจร “EVision” เพื่อสนับสนุนลูกค้าที่กำลังพิจารณาการเริ่มใช้รถไฟฟ้า BEV เพื่อการพาณิชย์ และได้เริ่มให้บริการในญี่ปุ่นแล้ววันนี้ “EVision” นี้ ได้รวมถึงการหาโซลูชั่นส์แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเริ่มใช้รถไฟฟ้า การประเมินผลประโยชน์เชิงปริมาณจากการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการเสนอวิธีการลดคาร์บอนเพิ่มเติมเพื่อการนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่อตอบสนองความท้าทายในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลกในอนาคต จึงดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นส์ต่างๆ ด้วยแนวคิดหลัก 4 ประการ คือ ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ (Driver Comfort) ความปลอดภัย (Safety) และ การเชื่อมโยง (Connectivity) พบกันในวันที่ 25 ตุลาคม-5 พฤศจิกายนที่ Tokyo Big Sight ประเทศญี่ปุ่น
ที่มา ISUZU Motors 1
