แม้จะเปิดตัวช้ากว่าตลาดโลกไปสามปีแต่ดีกว่าไม่เปิดสำหรับ Mazda CX-5 รุ่นปรับโฉมในร่างเจนที่สองที่มาเลเซียมาครบทุกความแรงของ SKYACTIV
Mazda CX-5 ดีไซน์ใหม่หล่อใหม่เริ่มที่กระจังหน้าทรง Signature Wing ปีกซ้าย-ขวาของกรอบสั้นลงโดยตัวกรอบกระจังหน้าแบบโครเมียมออกแบบไส้ในของชุดกระจังหน้าใหม่ให้หลากหลายทั้งลายรังผึ้งสีดำตาข่ายแนวนอนและตาข่ายแนวตั้ง ไฟหน้า LED คู่ dual-beam LED พร้อมไฟ DRL LED รูปตัวแอลแนวนอน ตัดไฟตัดหมอกหน้า LED ออกไป ด้านท้ายคงเดิมเปลี่ยนดีไซน์ไฟท้าย LED รูปตัวแอลแนวนอนโคมใหม่ กันชนหลังออกแบบแผงทับทิมให้อยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น ท่อไอเสียคู่เอกลักษณ์เด่น กันชนหน้าออกแบบหรูหราภูมิฐาน กันชนหลังและหนาปรับลุคใหม่เสริมคิ้วชายล่างของชุดกันชนตกแต่งสีดำและล้ออัลลอยลายสิบก้านมีทั้งสองลายสองแบบตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/65R17 และขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R19
ภายในปรับออปชันเล็กน้อยทั้งช่องเสียบ USB แบบ Type-C เชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายได้ในชุดจอสัมผัสขนาดใหญ่แบบ Mazda Connect ขนาด 8.8 นิ้ว ลายไม้หลายแบบดีไซน์เท่ แผงควบคุมแอร์ ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ปุ่มปรับกระจกมองข้างพรีเมียมขึ้น กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบ ระบบชาร์จมือถือไร้สาย ลำโพงคุณภาพ Bose รอบทิศทาง 10 จุด และลำโพงมาตรฐาน 6 จุด หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟส่องสว่างออกแบบใหม่ในหลายตำแหน่ง
เบาะนั่งออกแบบโอบกระชับทุกการขับขี่พร้อมระบบระบายอากาศตำแหน่งเบาะนั่งคู่หน้า Seat Ventilation หุ้มหนังแท้เกรดคุณภาพแบบ NAPPA ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางด้านคนขับและ 6 ทิศทางด้านคนนั่ง บันทึกตำแหน่งเบาะฝั่งคนขับ เบาะนั่งหลังตอนที่สองปรับเอนได้และพับได้แบบ 40:20:40 มาตรวัดแบบความเร็วแบบดิจิตอล TFT LCD ขนาด 4.6 กับ 7 นิ้ว และ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า Head Up Display แบบ Windshield Active Driving Display ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนและเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
สเปกมาเลเซียใช้ขุมพลังจากตระกูล SKYACTIV ทั้งเบนซิน SKYACTIV-G Turbo 2.5 ลิตร รหัส PY-VPTS โดยให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D มีระบบเทอร์โบแปรผันแบบ 2 ชั้นในรหัส SH-VPTS ขนาด 2.2 ลิตร 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร รหัส PE-VPS 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 210 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาทีและเบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร รหัส PY-RPS 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 252 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ทั้งสี่ขุมพลังพัฒนาให้การตอบสนองที่รวดเร็วกว่าทุกรอบความเร็ว ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นโดยทุกขนาดความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด ให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าในรุ่น 2.0 กับ 2.2 ลิตร และ 2.5 ลิตร ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ i-Activ all-wheel drive เฉพาะรุ่น 2.5 Turbo พร้อมระบบโหมดการขับขี่ Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive) เพิ่มโหมด OFFROAD เข้าไปเพิ่มความเร้าใจลุยได้มั่นใจพร้อมพัฒนาเทคโนโลยี SKYACTIV ปรับปรุงโครงสร้างตัวถัง ระบบกันสะเทือนและปรับปรุงการเก็บเสียงให้เงียบยิ่งขึ้น
ความปลอดภัย i-Activsense มาพร้อมระบบที่ช่วยควบคุมความเร็ว พวงมาลัย เพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสม Cruising & Traffic Support (CTS) มีระบบ AFS (Adaptive front-lighting system) ระบบปรับมุมลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติตามการเลี้ยวของรถ HBC (High Beam Control) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ BSM (Blind Spot Monitoring) เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนช่วยให้ผู้ขับปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลน RCTA (Rear Cross Traffic Alert) เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง LDWS (Lane Departure Warning System) เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LAS (Lane-keep Assist System) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
DAA (Driver Attention Alert) ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ โดยเฉพาะขณะขับรถทางไกล SCBS (Advanced Smart Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support) เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control) ควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ ระบบจะทำการปรับลดความเร็วลงตามความเร็วของรถคันหน้าและรักษาระยะห่างกับรถคันหน้าให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติแบบ Stop & Go CTS (CRUISING & TRAFFIC SUPPORT) ควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า
ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง พร้อมมุมกล้องแบบ Top View DSC (Dynamic Stability Control) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว กระจกมองหลังระบบตัดแสงอัตโนมัติ ระบ HLA (Hill Launch Assist) ช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง ESS (Emergency Signal System) สัญญาณไฟกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกรถในภาวะฉุกเฉิน ระบบ ABS 4 ล้อ พร้อม EBD ช่วยกระจายแรงเบรก และ ถุงลมนิรภัยรอบคันรวม 6 จุด
Mazda CX-5 เจเนอเรชันที่สองรุ่นปรับโฉมเปิดขายแล้วที่มาเลเซีย ในราคาเริ่มต้น RM 144,459.20-RM 188,760.40 หรือราว 1,085,000-1,415,000 บาท ขายทั้งหมดห้ารุ่นย่อยตั้งแต่รุ่นเบนซิน 2.0 G Mid 2WD, 2.0G High 2WD, 2.5G High 2WD, 2.2D High 2WD และรุ่นท็อป 2.5G High AWD ประกอบที่โรงงาน Inokom plant ที่เมือง Kulim รัฐ Kedah ขายโดย Bermaz Motor ทางด้านเมืองไทยมีสิทธิ์ที่จะปรับโฉมเช่นกันและปรับครั้งนี้ปรับครั้งสุดท้ายก่อนเจเนอเรชันที่สามจะเปิดตัวในปี 2025
ที่มา Autobuzz