หลังจากที่ Mazda ตัดสินใจไปต่อกับพรีเมียมเอสยูวีที่สร้างชื่อสร้างยอดขายในค่ายเป็นอันดับหนึ่งอย่าง Mazda CX-5 จ่อมีเจนที่สามขายช่วงปี 2025
แต่ก่อนที่จะพบเจเนอเรชันที่สามในอนาคต Mazda ต่อลมหายใจ Mazda CX-5 เจเนอเรชันที่สองอีกครั้งกับการเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่หรือ MY2024 และรุ่นพิเศษ Retro Sports Edition การปรับครั้งนี้ปรับดีไซน์ใหม่ในบางจุดเริ่มที่ กระจังหน้าทรงSignature Wing ปีกซ้าย-ขวาของกรอบสั้นลงโดยตัวกรอบกระจังหน้ามีทั้งแบบโครเมียม รมดำเงา และดำแบบ Gun Metal ให้เลือกออกแบบไส้ในของชุดกระจังหน้าใหม่ให้หลากหลายทั้งลายรังผึ้งสีดำตาข่ายแนวนอนและตาข่ายแนวตั้ง กันชนหน้ากับกันชนหลังปรับลุคใหม่เสริมคิ้วชายล่างของชุดกันชนตกแต่งสีเงิน ล้ออัลลอยลายสิบก้านมีทั้งสองลายสองแบบตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว มาแบบสีเงินกับสีดำพร้อมยาง 225/65R17 และขนาด 19 นิ้ว สีเงินเข้มและสีดำพร้อมยาง 225/55R19
ส่วนรุ่นพิเศษ Mazda CX-5 Retro Sports Edition เข้มด้วยกระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิง กระจกมองข้างทรงสปูน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สปอยเลอร์หลัง ตกแต่งด้วยโทนสีดำเข้ม บนพื้นฐานเดิมทั้ง ไฟหน้า LED คู่ dual-beam LED กันชนหน้าออกแบบหรูหราภูมิฐานปรับบุคลิกให้ดูสง่าด้วยไฟท้าย LED พร้อมกันชนหลังออกแบบแผงทับทิมให้อยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น ท่อไอเสียคู่ กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว
ภายในตกแต่งใหม่เน้นสีเข้มเดินด้ายแบบประณีตตามแต่ละรุ่นเช่นชุดวัสดุกึ่งหนังแท้สีดำเดินด้ายสีแดงหรือสีเทาอ่อน จะติดตั้งที่ชุดเบาะนั่ง กล่องคอนโซลกลาง แผงประตูพร้อมที่วางแขน และแผงคอนโซลหน้า รวมถึงชุดเบาะนั่งกึ่งหนังแท้จะเป็นแบบเจาะรู ส่วนรุ่นพิเศษ Retro Sports Edition เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีแทนหนังกลับ Suede สีดำตรงกลางแผ่นหลัง พร้อมการตัดเย็บอย่างประณีตแบบโทนดำหนังกลับเดินด้ายแทนที่แผงคอนโซลหน้าส่วนบน แผงประตูรถ ตกแต่งปุ่มสวิตช์เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาใหม่แบบโครเมียมซาติน
พร้อมออปชันเดิมทั้งช่องเสียบ USB แบบ Type-C และเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายได้ในชุดจอสัมผัสขนาดใหญ่แบบ search Mazda Connect เลือกได้ทั้งแบบ 8.8 และ 10.25 นิ้ว ลายไม้หลายแบบดีไซน์เท่ ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ปุ่มปรับกระจกมองข้างที่พรีเมียมขึ้น กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบ ระบบชาร์จมือถือไร้สาย ระบบเสียง Bose รอบทิศทาง 10 จุด หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟส่องสว่างที่หลายตำแหน่ง เบาะนั่งออกแบบโอบกระชับทุกการขับขี่ พร้อมระบบระบายอากาศตำแหน่งเบาะนั่งคู่หน้า Seat Ventilation และ มาตรวัดแบบความเร็วแบบดิจิตอล TFT LCD ขนาด 7 นิ้ว
ขุมพลังสเปกญี่ปุ่นมีขุมพลังให้เลือกตั้งแต่เบนซิน SKYACTIV-G ทั้งเบนซิน 2.5 ลิตร รหัส PY-RPS ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 252 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และ 188 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาทีในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และเบนซิน 2.0 ลิตร รหัส PE-VPS ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที
นอกจากนี้ยังมีดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D 2.2 ลิตร รหัส SH-VPTS ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ทุกขนาดเครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติพัฒนาใหม่ SKYACTIV-Drive 6 สปีด และ*เกียร์ธรรมดา SKYACTIV-MT 6 สปีด (*เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล) เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ i-Activ AWD
มาพร้อมระบบโหมดการขับขี่ search Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive) เพิ่มโหมด Offroad เข้าไปเพิ่มความเร้าใจลุยได้มั่นใจพร้อมพัฒนาเทคโนโลยี SKYACTIV ปรับปรุงโครงสร้างตัวถัง ระบบกันสะเทือน และปรับปรุงการเก็บเสียงให้เงียบยิ่งขึ้นรวมถึงระบบความปลอดภัย i-Activsense มาพร้อมระบบที่ช่วยควบคุมความเร็ว และพวงมาลัย เพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสม Cruising & Traffic Support (CTS)
Mazda CX-5 MY2024 จำหน่ายที่ญี่ปุ่นช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ เริ่มต้น 2,909,500- 4,225,100 Yen หรือราว 705,000–1,019,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย) แต่ถ้ารวมภาษีนำเข้าของไทยแล้วจะอยู่ที่ 2,209,000-3,375,000 บาท มาพร้อมสีใหม่ สีบรอนซ์ทอง Platinum Quartz และสีทอง Zircon Sand Metallic
ที่มา Carwatch