จากการปรับไลน์รถเอสยูวีให้มีความพรีเมียมหรูหราขึ้นเป็นกองสำหรับตระกูล CX ที่ลงท้ายด้วยหลักสิบเน้นทำตลาดทั่วโลกและอเมริกากับล่าสุด Mazda CX-80
จะว่าไปแล้ว Mazda CX-80 นำพื้นฐานของ Mazda CX-60 ขยายความสบายเป็นแบบ 3 แถว 6 หรือ 7 ที่นั่ง หรืออีกอีกแบบว่ามันคือ CX-90 เวอร์ชันยุโรปนี่เองด้วยตัวรถที่ขยายความยาวเป็น 4,740 มม. ฐานล้อยาวขึ้น 2,870 มม. เมื่อเทียบกับรุ่น CX-60 จุดสังเกตคือการออกแบบในส่วนของเสา B ไปจนถึงเสา C มีการออกแบบที่ต่างกันรวมถึงประตูหลังขยายความยาวออกไปเพื่อความในตอนที่สองและสาม โดยภาพพรางตัวนี้ทดสอบที่ยุโรป
รูปร่างหน้าตาอาจคล้าย Mazda CX-60 ตั้งแต่กระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิงแนวเข้ม ไฟหน้า Projector แบบ LED กันชนหน้าทรงเท่คล้ายกับ CX-50 ผสมกับ BT-50 ท่อไอเสียคราวนี้มาในแบบท่อไอเสียคู่สองฝั่งซ่อนอยู่ใต้กันชนหลังและช่องลมข้างบังโคลนแบบโครเมียม ล้ออัลลอยมีทั้งขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60 R18 กับ 20 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R20
ภายในหรูเทียบเท่ารถยุโรปพรีเมียมด้วยมาตรวัดดิจิทัล TFT-LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมระบบ Mazda Connect infotainment รองรับ Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto ผ่านปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมลำโพงคุณภาพ BOSE 12 จุด จอแสดงการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Windshield Active Driving Display ขนาดใหญ่กว่าถึง 3 เท่า ตกแต่งมาแบบโทนสีใสๆ ด้วยโทนสีขาวหรือสีเทาอ่อน สดใส และสีเข้มด้วยการติดตั้งวัสดุคุณภาพสูงไม่ว่าจะเป็นลายไม้เมเบิ้ลหรือ Mable Wood วัสดุหุ้มหนังแท้ Nappa รวมถึงการใช้ผ้าทอแบบญี่ปุ่นและการตกแต่งโครเมียม
ขุมพลังยกมาจากรุ่น CX-60 ทั้งดีเซลเทอร์โบ e-SKYACTIV D 3.3 ลิตร 6 สูบ T3-VPTH 254 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิด 550 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,400 รอบ/นาที จับคู่กับระบบ Mild Hybrid MHEV 48 V และเบนซิน 6 สูบแถวเรียง e-SKYACTIV Turbocharged Mild Hybrid 3.3 ลิตร 6 สูบ 284 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตันเมตร 2,000-3,500 รอบ/นาที ทั้งคู่มีมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 17 แรงม้าที่ 900 รอบ/นาทีแรงบิด 153 นิวตันเมตรที่ 200 รอบ/นาที พร้อมความจุแบตเตอรี่ขนาดเล็กสุด 0.33 kWh
ขุมพลังเสียบปลั๊ก Plug In Hybrid e-SKYACTIV PHEV ใช้เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร 4 สูบ PY-VPH 188 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาทีทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 175 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 270 นิวตันเมตรที่ 400 รอบ/นาที แบตเตอรี่ลิเทียมไออนที่มีความจุ 17.8 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 61-63 กม. และทำงานร่วมกันจะได้พลังมากถึง 327 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ประหยัดสุด 66.7 กม./ลิตร ค่า CO2 33-37 กรัม/กม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.8 วินาที
ดีเซลล้วนเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียงก็มีให้กับ SKYACTIV-D 3.3 ลิตร 6 สูบแถวเรียง V3-VPTS 231 แรงม้าที่ 4,000-4,200 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,000 รอบ/นาทีและเบนซินล้วน SKYACTIV-G ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ รหัส PY-VPS 188 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ทุกขนาดขุมพลังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 8 สปีด เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อน 4 ล้อ i-Activ AWD พร้อมระบบการขับขี่ Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive) ที่เลือกได้ถึง 5 โหมดได้แก่ Namely Normal, Sport, Off-Road, Towing และ EV
มาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการทรงตัวขณะเข้าโค้ง KPC (Kinemetic Posture Control) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะช่วยให้รถทำงานผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่เพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถ พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ จานเบรกหน้ามีขนาด 347 มม. และด้านหลัง 328 มม.และความปลอดภัยสุดล้ำ i-ACTIVSENSE โดย Mazda CX-80 จะเปิดตัวสิ้นปีนี้ประเดิมตลาดที่โซนยุโรปและหลังจากนั้นขยายไปยังญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เอเชีย ยกเว้นอเมริกา
ที่มาภาพ Motor 1
