More

    Nissan Kicks ปรับยกตระกูลสายลุย EREV ขายญี่ปุ่นเริ่ม 719,000 บาท

    หลังจากที่ Nissan X-Trail เปิดตัวรุ่นปี 2024 ไม่ทันไรในสายตระกูลเอสยูวีค่าย นิสสัน เปิดตัว Nissan Kicks รุ่นปี 2024 อย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่น

    Nissanออปชันที่เพิ่มเข้ามาเป็นมาตรฐานทุกรุ่นเริ่มที่วัสดุตกแต่งประตูท้ายใหม่สีแดงคล้ายแผงทับทิม Rear Finisher Panel พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มหนังเรียบติดตราโลโก้ Nissan

    นอกจากนี้ยังแนะนำรุ่นพิเศษ 90 ปี เสริมหล่อด้วยคิ้วสีทองบริเวณกระจังหน้ารูปตัววีดีไซน์เรียบง่ายพร้อมโลโก้ Nissan กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำขลิบทองและล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีรมดำ พร้อมยาง 205/55R17 ราวหลังคาสีทอง ภายในเสริมหรูด้วยชุดเบาะนั่งหุ้มหนังสีดำเดินด้ายสีทอง ขอบเบาะติดป้ายเล็กๆสัญลักษณ์โลโก้ 90 ปี พร้อมออปชันพิเศษทั้งกระจกมองหลังอัจฉริยะ เบาะนั่งคู่หน้าและพวงมาลัยปรับอุณหภูมิ ร้อนเย็นได้ ทางด้านรุ่น AUTECH ปรับด้วยเช่นกันซึ่งจะเผยข้อมูลพร้อมขายจริงในวันที่ 20 มิถุนายน

    Nissan

    ดีไซน์เดิมๆตั้งแต่กระจังหน้าแบบ V-motion พร้อมตราโลโก้ Nissan เวอร์ชันใหม่ ไฟหน้า LED ประกอบด้วยไฟเลี้ยว Signature Light ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL ไฟตัดหมอกหน้า LED กันชนหน้าออกแบบให้สปอร์ตขึ้นและไฟท้าย LED ทรงบูมเมอแรงพร้อม เสาอากาศครีบฉลามและล้ออัลลอยลายเดิมขนาด 17 นิ้ว

    ส่วนรุ่น AUTECH มาแบบ สีหลังคาดำเงา และการออกแบบแนวเส้นหลังคาแบบทรงลอยตัว (floating roof line) เสริมให้รูปลักษณ์ภายนอกมีพลัง และความแกร่ง เติมความสปอร์ต รับกับชุดสเกิร์ตรอบคัน สีเงินเมทัลลิค ทำให้ดูโฉบเฉี่ยว กระจกมองข้างสีเงินเมทัลลิคพร้อมไฟเลี้ยว LED และล้ออัลลอยดีไซน์สีดำเงาขนาด 17 นิ้ว เพิ่มความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ไฟท้ายแบบ LED ทรงบูมเมอแรง และวัสดุตกแต่งประตูท้ายใหม่ Rear Finisher Panel

    Nissanภายในมีจอสัมผัสพ่วงระบบความบันเทิงเป็นแบบ 9 นิ้ว เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนผ่าน Android Auto และ Apple CarPlay Bluetooth, USB และ AUX-IN พร้อมระบบนำทาง ในตัว และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition) พร้อมกับลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT อัจฉริยะขนาด 7 นิ้ว

    ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบพร้อมฟังก์ชันแสดงสถานะไฟเบรกระหว่างใช้ระบบ e-Pedal Step คอนโซลกลางใหม่ ติดตั้งหัวเกียร์ดีไซน์ใหม่ทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เปียโน แบล็ก พวงมาลัยสปอร์ตหุ้มด้วยหนังแท้แบบมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape สามก้านปรับสูงต่ำได้ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key I-Key) พร้อมทั้งระบบ Immobilizer ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button)

    เพิ่มวัสดุบุนุ่มภายในถึง 3 จุด คือที่เท้าแขนตรงคอนโซลกลาง ขอบเบาะนั่ง และช่องเก็บของด้านหน้า เพิ่มขนาดพื้นที่วางแก้วน้ำตอนหน้า 2 ตำแหน่ง ที่สามารถปรับระดับ รองรับแก้วทรงสูงที่มีขนาดใหญ่ และแก้วกาแฟร้อนทรงเตี้ยได้เป็นอย่างดี และเลือกสีภายในได้สี่สีทั้งสีดำ,น้ำตาล,เบจ,ส้ม

    Nissanรุ่น AUTECH ภายในออกแบบด้วยโทนสีดำ ตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน สอดคล้องกับคอนโซลหน้า ขณะที่คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ เดินด้ายสีน้ำเงินที่ตัดกันอย่างลงตัว เสริมด้วยวัสดุสีดำเงา เปียโน แบล็ก ช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ต

    ขุมพลัง e-POWER เจเนอเรชั่นที่ 2 แบบ EREV หรือ Extended Range Electric Vehicle ด้วยขุมพลังเดิมเครื่องยนต์เบนซิน HR12 DE 1.2 ลิตร e-Power พัฒนาทั้งชุดแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยให้แรงม้า ถึง 82 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 103 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที จับคู่กับชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 2.06 kWh มีจำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์ พ่วงเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส EM47 AC3 Synchronous Motor ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 136 แรงม้าที่ 3,410-9,697 รอบต่อนาที เพิ่มแรงบิดเป็น 280 นิวตันเมตรที่ 0-3,410 รอบต่อนาทีในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า

    และมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อแรงม้าแรงบิดเท่ากันมอเตอร์ล้อหน้าอันเดียวกันแต่งานนี้เพิ่มมอเตอร์หลัง MM48 AC3 Synchronous Motor ให้พลัง 68 แรงม้าที่ 4,775-10,259 รอบต่อนาที แรงบิด 100 นิวตันเมตรที่ 0-4,775 รอบต่อนาที ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 204 แรงม้าที่ 8,185-19,956 รอบต่อนาที เพิ่มแรงบิดเป็น 380 นิวตันเมตรที่ 0-8,185 รอบต่อนาที แถมลดขนาดถังน้ำมันในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเป็น 35 ลิตร (ขับเคลื่อนสองล้อ 41 ลิตร)

    Nissanจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed Gear Reduction พร้อมโหมดการขับ Normal, S, Eco, และ EV ให้พละกำลังให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร่งเร็ว โดยได้รวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ไว้เป็นยูนิตเดียวกัน ทำให้ส่วนของ Inverter มีขนาดเล็กลง 40% น้ำหนักลดลง 30% มาพร้อมเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ e-Pedal step ที่ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

    เสริมความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงและช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงรอบคัน Nissan 360° Safety Shield ให้มาทุกรุ่นย่อยกับเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD)

    เทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ Lane Departure Warning (LDW) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist – HBA)  เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC) เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert – RCTA)

    เทคโนโลยีช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ  (Vehicle Dynamic Control – VDC) เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Intelligent Trace Control – ITC) ถุงลมนิรภัย SRS รอบคัน เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts) ระบบเบรก ABS, EBD และ BA และไฟเบรกดวงที่สามพร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

    NissanNissan Kicks e-Power MY2024 ทั้งรุ่นปกติเริ่มที่รุ่น X, X Two Tone รุ่น AUTECH และรุ่น 90 ปี ทั้งหมด 12 รุ่นย่อย ในราคา 3,083,300 – 3,700,400 Yen หรือราว 719,000- 864,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย) แต่ถ้ามีการนำเข้ามาขายไทยราคารวมภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 1,349,000-1,624,000 บาท ขายญี่ปุ่นตั้งแต่ 20 มิถุนายนนำเข้าจากเมืองไทย

    ที่มา Nissan

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts