ก่อนที่จะมีรุ่นปรับโฉมขายญี่ปุ่นในเร็วๆนีั Nissan แนะนำรุ่นปี 2024 สำหรับ Nissan X-Trail เอสยูวีเจนที่ 4 โดยปรับสเปกและเปิดราคา
มีการปรับเพิ่มออปชันเช่น เพิ่มช่องเสียบ HDMI เชื่อมการทำงานของระบบนำทางในตัวจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว NissanConnect รวมถึงภาพแสดงการทำงานของกล้องรอบคันเข้าไปยังระบบนำทางและเสียงการทำงานเวอร์ชันใหม่ ด้านภายในในรุ่น G รองท็อปเปลี่ยนมาใช้วัสดุเบาะหุ้มหนัง Nappa สีดำเดินด้ายสีแทน รุ่นท็อป X มาพร้อมล้อขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55R19 และสีใหม่สีทองโมโนโทน Shell Blonde
ยังแนะนำรุ่นพิเศษ 90 ปี เสริมหล่อด้วยคิ้วสีทองบริเวณกระจังหน้ารูปตัววีดีไซน์เรียบง่ายพร้อมโลโก้ Nissan กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำขลิบทองและล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีรมดำ พร้อมยาง 235/60R18 ราวหลังคาสีทอง ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติพร้อมระบบแฮนด์ฟรี และควบคุมด้วยรีโมท และภายในเสริมหรูด้วยชุดเบาะนั่งหุ้มหนังสีดำเดินด้ายสีทองทำจาก`Tailor Fit” และหมอนหัวศีรษะปักโลโก้ 90 ปี
ทางด้านรุ่น AUTECH และรุ่น Extremer X ปรับด้วยเช่นกันซึ่งจะเผยข้อมูลพร้อมขายจริงในวันที่ 20 มิถุนายน โดยการปรับปรุงเพิ่มออปชันครั้งนี้มาพร้อมขุมพลัง e-Power Turbo เจเนอเรชันที่ 2 เปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้า แบบ EREV หรือ Extended Range Electric Vehicle ขนาด 1.5 ลิตร เบนซิน VC-Turbo 3 สูบ KR15DDT ให้กำลังถึง 144 แรงม้าที่ 4,400-5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 2,400-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น BM46 AC3 Synchronous Motor ให้พลังรวมเป็น 204 แรงม้าที่ 4,739-5,623 รอบต่อนาที แรงบิด 330 นิวตันเมตรที่ 0-3,505 รอบต่อนาทีในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมโหมดการขับขี่ทั้งโหมด Sport, Snow, Auto และ ECO
ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4ORCE พื้นฐานเครื่องยนต์ แรงม้า แรงบิด เท่ากันแต่ว่ามีการปรับในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า BM46 เป็น 204 แรงม้าที่ 4,501-7,422 รอบต่อนาที แรงบิด 330 นิวตันเมตรที่ 0-3,505 รอบต่อนาที และจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง MM48 AC3 Synchronous Motor ให้พลัง 136 แรงม้าที่ 4,897-9,504 รอบต่อนาที แรงบิด 195 นิวตันเมตรที่ 0-4,897 รอบต่อนาที ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 340 แรงม้าที่ 9,398 -16,926 รอบต่อนาที เพิ่มแรงบิดเป็น 525 นิวตันเมตรที่ 0-8,402 รอบต่อนาที พร้อมโหมดการขับขี่ 5 โหมด ทั้ง Sport, Off-Road, Snow, Auto และ ECO
พร้อมอินเวอร์เตอร์ และ แบตเตอรี่ ทำงานร่วมกันเน้นให้มอเตอร์ขับเคลื่อนและเครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น ติดตั้งระบบ e-Pedal ซึ่งใช้คันเร่งในการกดเร่งแซงและชะลอความเร็วในชุดเดียวกัน โดยชุด e-Pedal สามารถชะลอหยุดจนถึงจุดหยุดนิ่ง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction และ Pro Pilot ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใหม่ e-4ORCE เทคโนโลยีเดียวกันกับ Nissan Ariya ควบคุมได้สำหรับล้อทั้งสี่ ให้ความสมดุลในประสิทธิภาพที่ทรงพลังพร้อมรองรับการขับขี่ในทุกสภาพอากาศ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ทำให้การขับขี่มีความสมดุลและมั่นคงด้วยพลังระดับรถสปอร์ตในพริบตา
พร้อมความปลอดภัย Nissan Safety Shield 360 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่นย่อยทั้งเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitorเทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD) และกระจกมองหลังอัจฉริยะ INTELLIGENT REAR VIEW MIRROR (IRVM) ความละเอียดสูงที่ติดอยู่ที่กระจกด้านหลังรถ ทำให้มองเห็นภาพถนนข้างนอกด้านหลังรถ ช่วยให้วิสัยทัศน์ดี คมชัด ไม่ว่าจะมีอะไรมาบัง
เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking และเทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย Rear Automatic Emergency Brake ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection, ตรวจสอบจุดอับสายตา Blind Spot Warning, ช่วยเตือนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert, เตือนออกนอกเลน Lane Departure Warning ไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist
เบรกหลังอัตโนมัติ Rear Automatic Braking ขับขี่อัตโนมัติ Pro PILOT Assist ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control พร้อมดึงกลับเข้าเลนอัตโนมัติ Lane-Keeping Assist
Nissan X-Trail e-Power MY2024 ขายญี่ปุ่น 20 มิถุนายน มีทั้งหมด 17 รุ่นย่อย 8 เกรดตั้งแต่รุ่น S,X,G,X X 90th, AUTECH, AUTECH Advanced Package และ extremer x ทั้ง 2 ตอน 5 ที่นั่ง และ 3 ตอน 7 ที่นั่ง ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4ORCE ในราคา 3,601,400- 5,332,800 yen หรือราว 839,000-1,245,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย) แต่ถ้ามีการนำเข้ามาขายไทยราคารวมภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 1,574,000-2,335,000 บาท
ที่มา Nissan