หลังจากที่ Toyota ออสเตรเลียตัดสินใจทำตลาดขุมพลังฟูลไฮบริดอย่างเดียวในรถเก๋งทรงท้ายตัดทั้ง Toyota Corolla และ Toyota Yaris เวอร์ชัน TNGA
ไร้เครื่องยนต์สันดาปล้วนทำให้ทางต้นสังกัดไม่รีรอเปิดตัวรุ่นใหม่ตอบโจทย์สาวกรักษ์โลกด้วยรุ่นเริ่มต้น Ascent ในร่างเจนที่ 4 ที่ภายนอกไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรทั้งไฟหน้า LED ดีไซน์ลงตัว รับกับชุดกันชนหน้ากรอบไฟตัดหมอกดีไซน์สปอร์ตรูปตัว L พร้อมซุ้มล้อที่โค้งขึ้น ไฟท้าย LED รูปตัว C พร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 195/55 R16
ภายในปรับเปลี่ยนเล็กน้อยด้วยโทนสีดำเข้มเดินลวดลายใหม่ทั้งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูพร้อมมาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 จอสัมผัสระบบความบันเทิงใหม่ 8 นิ้วดีไซน์ใช้งานง่ายตอบสนองฉับไวพร้อมระบบนำทางบนคลาวด์ สั่งงานด้วยเสียง รองรับ Apple CarPlay ไร้สายและ Android Auto การอัพเดตแบบ over-the-air กระจกแต่งหน้าแบบมีไฟส่องสว่าง มือจับด้านหลัง 2 ข้าง ที่วางแขนแบบนุ่มสำหรับคอนโซลกลาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน
มีระบบควบคุมสภาพอากาศ และกุญแจรีโมทแบบดิจิทัลคีย์สามารถสั่งล็อกหรือปลดล็อกรถและสั่งให้เครื่องปรับอากาศทำงาน ควบคุมสภาพอากาศและไฟฉุกเฉินได้จากสมาร์ตโฟนทุกระบบได้และการตกแต่งเน้นโทนดำ
ปรับปรุงการเก็บเสียงให้เงียบยิ่งขึ้นตลอดการเดินทางด้วยการเพิ่มแผ่นซับเสียงให้หนาปรับในส่วนท่อเก็บเสียงภายในแผงคอนโซลหน้าหนาขึ้นสามชั้นจากเดิมชั้นเดียว กระจกบังลมหน้า กระจกประตูคู่หน้าออกแบบวัสดุให้หนาขึ้นลดเสียงลมประทะเข้ามาในห้องโดยสาร และมีพื้นทที่สัมภาระท้าย 390 ลิตร
เร้าใจทุกการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Dynamic Force Hybrid รหัส M15A-FXE ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 120 นิวตันเมตรที่ 3,600 ถึง 4,800 รอบต่อนาที แต่มีการพัฒนากำลังให้แรงขึ้นกว่าเดิมจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Toyota Hybrid System II (THS II) คู่หน้าแบบ 1NM 80 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร กับ คู่หลัง 1MM 5.3 แรงม้า แรงบิด 52 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion 4.3 Ah ให้กำลัง 116 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า
ช่วงล่างพัฒนาเพิ่มแดมเปอร์ที่แท่นยึดเครื่องด้านซ้าย พัฒนาท่อไอดีใหม่ ออกแบบแผ่นกันความร้อนเพิ่มอีกชั้นด้วยผ้าสักหลาดในชุดแผ่นกันท่อไอเสียของชุดฝาครอบท่อไอเสีย ตัวรถสร้างบนพื้นฐาน TNGA-B (Toyota New Global Architecture, B-Segment) platform
ความปลอดภัยรอบคัน Toyota Safety Sense ปรับปรุงใหม่ในส่วนกล้องและเรดาห์สามารถสแกนตรวจจับวัตถุได้กว้างกว่าเดิมส่งผลให้ระบบช่วยเหลือการขับขี่ทำงานแม่นยำขึ้นพร้อมฟังก์ชันต่างๆเช่นระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ตรวจจับรถจักรยานยนต์และยานพาหนะที่กำลังสวนมาเช่นเดียวกับการหลีกเลี่ยงการชนกันทางแยกที่เพิ่มการตรวจจับมากขึ้น เพิ่ม ล็อกความเร็วแปรผันแบบแอคทีฟ Active Cruise control ระบบช่วยเบรกในระยะประชิดท้ังด้านหน้าและหลังตัวรถ Parking Support Brake (PKSB)
เตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบตรวจจับ Pre-Collision System with Pedestrian Detection, หน่วงพวงมาลัยโดยอัตโนมัติ พร้อมแจ้งเตือนและลดความเร็ว Emergency Steering Assist (ESA) and Intersection Turn Assistance, ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมฟังก์ชันหน่วงพวงมาลัยกลับอัตโนมัติ Lane Departure Alert with Steering Assist, ช่วยรักษาตำแหน่งรถในช่องทาง Lane Tracing Assist
แจ้งเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor, แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert, ป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง Safe Exit Assist, แจ้งเตือนป้ายจราจร Road Sign Assistk, แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะเดินหน้า Lane Change Assist, ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ Traffic Jam Assist
แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะเดินหน้า Front Cross Traffic Alert ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน Lane Change Assist เซนเซอร์ช่วยจอดหน้าและหลัง Front and Rear Parking Assist และถุงลมนิรภัย 8 จุด
Toyota Yaris MY2024 พร้อมขายแล้วทที่ออสเตรเลีย มีทั้งรุ่น Ascent รุ่น SX และรุ่น ZR ในราคาไม่รวมค่า on-road costs เริ่ม $28,5000 – $34,530 หรือราว 679,000-825,000 บาท
ที่มา Carsales
