More

    ตลาดรถยนต์ครึ่งปี 67 ลดลง 24.2% รวม 3 แสนคัน เก๋ง กระบะพร้อมใจร่วง

    จากความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ กำลังซื้อจำกัด และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อฉุดตลาดรถยนต์ครึ่งปีแรก 2567 สะสมรวม 308,027 คัน ลดลง 24.2%

    Cars

    เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง มียอดขายสะสม 119,326 คัน ลดลง 19.4% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดขายลดลง 26.9% ด้วยยอดขาย 188,701 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 108,437 คัน ลดลงถึง 40.7%

    ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 108,720 คัน คิดเป็นสัดส่วน 35.3% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 35.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 68.7% ด้วยยอดขาย 67,346 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 36,593 คัน เติบโตขึ้น 9.4 %

    ตลาดรถยนต์เดือนมิถุนายน 2567 มียอดขาย 47,662 คัน ลดลง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง ลดลง 27.1% ด้วยยอดขาย 17,737 คัน ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ลดลงเช่นกันที่ 25.4% ด้วยยอดขาย 29,925 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มี ยอดขาย 16,672 คัน ลดลงถึง 39%

    ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 16,777 คัน คิดเป็นสัดส่วน 35.2% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมียอดขายรถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 57.7% ด้วยยอดขาย 9,886 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 6,095 คัน ลดลง 11.6% ตลาดรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มจะทรงตัว หรือลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงฟื้นตัวช้า

     ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2567

    Toyota

    1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 47,662 คัน ลดลง 26.0%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า            18,542 คัน  ลดลง    11.2%   ส่วนแบ่งตลาด      38.9%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ                  7,077 คัน  ลดลง    43.4%  ส่วนแบ่งตลาด       14.8%

    อันดับที่ 3 ฮอนด้า               6,125 คัน   ลดลง   13.3%   ส่วนแบ่งตลาด       12.9%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ              2,311 คัน   ลดลง   23.2%   ส่วนแบ่งตลาด       4.8%

    อันดับที่ 5 บีวายดี              1,833 คัน    ลดลง   1.3%     ส่วนแบ่งตลาด       3.8%

    BYD

    1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 17,737 คัน ลดลง 27.1%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า            5,372 คัน  ลดลง      27.5%   ส่วนแบ่งตลาด    30.3%

    อันดับที่ 2 ฮอนด้า             3,380 คัน  ลดลง      23.9%   ส่วนแบ่งตลาด    19.1%

    อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ            1,696 คัน  เพิ่มขึ้น   25.5%   ส่วนแบ่งตลาด   9.6%

    อันดับที่ 4 บีวายดี               1,004 คัน  ส่วนแบ่งตลาด   5.7%

    อันดับที่ 5 เอ็มจี                    881 คัน  ลดลง   47%      ส่วนแบ่งตลาด   5.0%

    Toyota

    1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 29,925 คัน ลดลง 25.4%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า         13,170 คัน    ลดลง  2.2%     ส่วนแบ่งตลาด  44.0%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ                  7,077 คัน    ลดลง  43.4%     ส่วนแบ่งตลาด 23.6%

    อันดับที่ 3 ฮอนด้า             2,745 คัน   เพิ่มขึ้น   4.5%    ส่วนแบ่งตลาด  9.2%

    อันดับที่ 4 ฟอร์ด                1,637 คัน  ลดลง    49.1%      ส่วนแบ่งตลาด  5.5%

    อันดับที่ 5 บีวายดี                 829 คัน    ลดลง    55.4%  ส่วนแบ่งตลาด 2.8%

    ISUZU

    1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถ PPV*) ปริมาณการขาย 16,672 คัน ลดลง 39%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า            7,939 คัน  ลดลง    26.5%    ส่วนแบ่งตลาด 47.6%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ                  6,148 คัน   ลดลง    44.6%   ส่วนแบ่งตลาด 36.9%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด               1,637 คัน   ลดลง    49.1%   ส่วนแบ่งตลาด  9.8%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ               603 คัน   ลดลง    63.5%      ส่วนแบ่งตลาด  3.6%

    อันดับที่ 5 นิสสัน                  235 คัน   ลดลง    42.7%   ส่วนแบ่งตลาด  1.4%

    ตลาดรถกระบะดัดแปลง PPV ปริมาณการขาย 2,601 คัน ลดลง 50%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า            982 คัน   ลดลง    37.1%      ส่วนแบ่งตลาด 37.8%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ                  819 คัน   ลดลง    59.2%      ส่วนแบ่งตลาด 31.5%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด               569 คัน   ลดลง    51.1%       ส่วนแบ่งตลาด  21.9%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ            197 คัน   ลดลง    35.0%      ส่วนแบ่งตลาด  7.6%

    อันดับที่ 5 นิสสัน                 34 คัน   ลดลง    79.4%      ส่วนแบ่งตลาด  1.3%

    Ford

    1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 14,071 คัน ลดลง 36.4%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า    6,957 คัน       ลดลง    24.7%  ส่วนแบ่งตลาด 49.4%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ          5,329 คัน      ลดลง    41.4%  ส่วนแบ่งตลาด 37.9%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด        1,068 คัน      ลดลง    47.9%  ส่วนแบ่งตลาด  7.6%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ       406 คัน     ลดลง    69.9%   ส่วนแบ่งตลาด  7.6%

    อันดับที่ 5 นิสสัน            201 คัน    ลดลง    18.0%   ส่วนแบ่งตลาด  1.4%

     

    สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2567

    Honda

    1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 308,027 คัน ลดลง 24.2%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า   116,278 คัน  ลดลง     15.0%      ส่วนแบ่งตลาด 37.7%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ       46,260 คัน    ลดลง     46.4%     ส่วนแบ่งตลาด 15.0%

    อันดับที่ 3 ฮอนด้า    43,499 คัน    ลดลง        5.7%    ส่วนแบ่งตลาด 14.1%

    อันดับที่ 4 บีวายดี    14,735 คัน    เพิ่มขึ้น     32.0%   ส่วนแบ่งตลาด 4.8%

    อันดับที่ 5 มิตซูบิชิ   14,498 คัน    ลดลง      26.9%    ส่วนแบ่งตลาด 4.7%

    MG

    1. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 119,326 คัน ลดลง 19.4%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า*   33,264 คัน     ลดลง      34.8%    ส่วนแบ่งตลาด 27.9%

    อันดับที่ 2 ฮอนด้า    24,630 คัน      ลดลง    19.0%       ส่วนแบ่งตลาด 20.6%

    อันดับที่ 3 บีวายดี    10,760 คัน     ส่วนแบ่งตลาด 9.0%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ    9,887 คัน       เพิ่มขึ้น   3.2%        ส่วนแบ่งตลาด  8.3%

    อันดับที่ 5 เอ็มจี      6,947 คัน       ลดลง      17.8%    ส่วนแบ่งตลาด 5.8%

    Mitsubishi

    1. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 188,701 คัน ลดลง 26.9%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า   83,014 คัน      ลดลง     3.3%        ส่วนแบ่งตลาด 44.0%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ         46,260 คัน      ลดลง   46.4%        ส่วนแบ่งตลาด 24.5%

    อันดับที่ 3 ฮอนด้า  18,869 คัน        เพิ่มขึ้น  20.1%       ส่วนแบ่งตลาด 10.0%

    อันดับที่ 4 ฟอร์ด      11,282 คัน     ลดลง    43.9%      ส่วนแบ่งตลาด  6.0%

    อันดับที่ 5 มิตซูบิชิ        4,611 คัน   ลดลง    55.0%      ส่วนแบ่งตลาด 2.4%

    Nissan

    1. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถ PPV*) ปริมาณการขาย 108,437 คัน ลดลง 40.7%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า 49,689 คัน        ลดลง     29.6%     ส่วนแบ่งตลาด 45.8%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ       40,593 คัน        ลดลง     48.4%     ส่วนแบ่งตลาด 37.4%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด  11,282 คัน          ลดลง     43.9%     ส่วนแบ่งตลาด 10.4%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ    4,564 คัน       ลดลง    55.2%      ส่วนแบ่งตลาด  4.2%

    อันดับที่ 5 นิสสัน      1,636 คัน       ลดลง    30.7%      ส่วนแบ่งตลาด  1.5%

    ตลาดรถกระบะดัดแปลง PPV ปริมาณการขาย 18,856 คัน ลดลง 43.3%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า            6,981 คัน ลดลง    40.6%    ส่วนแบ่งตลาด 37.0%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ                  5,929 คัน ลดลง    50.4%    ส่วนแบ่งตลาด 31.4%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด               4,263 คัน ลดลง    32.0%    ส่วนแบ่งตลาด  22.6%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ            1,452 คัน ลดลง    44.0%    ส่วนแบ่งตลาด  7.7%

    อันดับที่ 5 นิสสัน               231 คัน  ลดลง    66.5%       ส่วนแบ่งตลาด  1.2%

    ISUZU

    1. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 89,581 คัน ลดลง 40.2%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า        42,708 คัน ลดลง  27.3%   ส่วนแบ่งตลาด 47.7%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ              34,664 คัน ลดลง  48.0%   ส่วนแบ่งตลาด 38.7%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด             7,019 คัน ลดลง  49.3%   ส่วนแบ่งตลาด  7.8%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ            3,112 คัน ลดลง    59.1%    ส่วนแบ่งตลาด  3.5%

    อันดับที่ 5 นิสสัน               1,405 คัน  ลดลง    16.0%  ส่วนแบ่งตลาด  1.6%

    Lexus

    ทางด้านนายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในครึ่งปีแรก โตโยต้ามียอดขายรถยนต์รวมที่ 116,278 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดถึง 37.7% โดยเฉพาะ ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up+รถกระบะดัดแปลง PPV) มียอดขายรวมอยู่ที่ 49,689 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์เซกเมนต์นี้ถึง 45.8% สำหรับยอดขายรถยนต์นั่งอยู่ที่ 33,264 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 27.9%

    ทั้งนี้ โตโยต้ามียอดขายรถยนต์ไฮบริดถึง 30,714 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 28.3% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ในกลุ่มตลาด xEV ทั้งหมด สำหรับ เลกซัส ขายครึ่งปีแรก 580 คัน รถยนต์นั่งรุ่น IS,ES,LM 369 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ในส่วนรุ่น UX, NX, RX, LBX, RZ ทำได้ 211 คัน และถ้าเป็นเดือนมิถุนายนขายได้ 64 คัน รถยนต์นั่ง 38 คัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 26 คัน

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts