Yamaha NMax Turbo Vs NMax สกู๊ตเตอร์ตัวฮิต เปิดตัวรุ่น Turbo ยังไม่ขายไทยแต่อีกไม่นานเกินรอมาแน่ มาเทียบดูชัดๆ ว่ามีอะไรที่แตกต่างจากรุ่นปัจจุบัน
Yamaha NMax สกู๊ตเตอร์พรีเมียมสไตล์สปอร์ตเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่หลายๆ คนเลือกใช้เป็นอันดับต้นๆ และโฉมล่าสุดมาพร้อมกับ Turbo ที่มาเสริมสมรรถนะความแรง และอัปเดทภายนอกใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะมีอะไรที่แตกต่างจากรุ่นปัจจุบันบ้างมาดูกันได้เลย
-
การออกแบบ
-
มิติขนาดตัวรถ
-
ขุมกำลัง Blue Core 155 ซี.ซี.
-
สมรรถนะช่วงล่าง
-
ฟีเจอร์ใช้งาน
-
เลือกคันไหนดี ?
การออกแบบ
เริ่มต้นที่รูปโฉมภายนอกของ NMax รุ่นที่จำหน่ายในปัจจุบัน เรียกได้อย่างเต็มปากเลยว่าเป็นพรีเมียมสปอร์ตสกู๊ตเตอร์ มีรูปการดีไซน์อันโดดเด่นตั้งแต่ ชุดไฟหน้า-หลัง Full LED เต็มระบบ พร้อมด้วยชิลด์บังลมขนาดใหญ่ พื้นที่วางเท้าที่กว้าง และสามารถปรับเปลี่ยนท่านั่งได้อย่างอิสระไม่ว่าจะเป็นท่านั่งขับขี่ปกติ หรือท่านั่งแบบผ่อนคลายแบบเหยีดขาไปด้านหน้า
ส่วน NMax Turbo จะเห็นได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเลย ตัวรถได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ดูมีความกระชับมากขึ้น โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้า และไฟเลี้ยวดีไซน์เหมือนรูปตัว M โดยส่วนของไฟหลักจะเป็นไฟ LED โปรเจคเตอร์สองดวง มีไฟ DRL เป็นเฉียงขึ้นเป็นเส้นตรง และขนาบข้างด้วยไฟเลี้ยว LED ส่วนของด้านท้ายก็ปรับเปลี่ยนใหม่แยกชัดเจนระหว่างไฟท้ายกับไฟเลี้ยว
มิติขนาดตัวรถ
สำหรับมิติตัวรถ NMax จะมีความสูงมีขนาดตัวอยู่ที่ 740 มม. x 1,935 มม. x 1,160 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ส่วนระยะความสูงจากพื้นถึงเครื่องยนต์จะอยู่ที่ 125 มม. ความสูงของเบาะนั่งจะอยู่ที่ 765 มม. และระยะฐานล้อ 1,340 มม. มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 131 กก.
ด้าน NMax Turbo จะมีความสูงมีขนาดตัวอยู่ที่ 740 มม. x 1,935 มม. x 1,200 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ขณะ ส่วนระยะความสูงจากพื้นถึงเครื่องยนต์จะอยู่ที่ 135 มม. ความสูงของเบาะนั่งจะอยู่ที่ 770 มม. และระยะฐานล้อ 1,340 มม. มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 135 กก.
อย่างไรก็ตามจะเห็นว่ามิติตัวรถของ NMax Turbo มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย และตัวรถจะดูเหมือนมีความเพรียวบางมากกว่าเนื่องจากพาร์ทชิ้นส่วนถูกออกแบบให้มีเส้นสายที่เป็นเหลี่ยมสันมากขึ้นนั่นเอง
ขุมกำลัง Blue Core 155 ซี.ซี.
NMax มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Blue Core สูบเดี่ยว ขนาด 155cc. SOHC 4 จังหวะ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุถังน้ำมันขนาด 7.1 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 15.4 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.9 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที นอกจากนี้ตัวรถยังมีระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VVA ทำให้รถมีแรงบิดและพละกำลังที่ดีทั้งช่วงความเร็วรอบต่ำ กลางและสูง
NMax Turbo มาพร้อมกับการอัปเดทใหม่เป็นเครื่องยนต์ Blue Core 155 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลังสูงสุด 15.36 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.2 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA ซึ่งมาควบคู่กับเทคโนโลยี Yamaha Electric CVT (YECVT) มาเสริมความเป็นสปอร์ตมากขึ้นด้วยการให้ความรู้สึกการขับขี่แบบเทอร์โบ และจะมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 2 โหมด คือ T Mode: Town Commuting (สำหรับใช้งานเมื่อขับขี่ในเขตเมือง) และ S Mode: Sport Touring (สำหรับใช้งานเมื่อขับขี่ที่ต้องการอัตราเร่งมากขึ้น เช่น เมื่อเดินทางออกนอกเมือง) พร้อมด้วย Turbo Y-Shift ที่จะมอบประสบการณ์การเร่งความเร็วด้วย 3 ระดับ: 1: ต่ำ, 2: ปานกลาง, 3: สูง ซึ่งควบคุมได้โดยการกดปุ่ม Y-Shift
ในจุดนี้จะเห็นได้ว่า NMax โฉมใหม่จะมีพละกำลังแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้น และมาพร้อมกับระบบเทคโนโลยี Yamaha Electric CVT มาเสริมความเป็นสปอร์ตมากขึ้นด้วยการให้ความรู้สึกการขับขี่แบบเทอร์โบ และที่สำคัญยังได้เพิ่มเติ่มโหมดการขับขี่มาให้ 2 โหมด และได้ติดตั้ง Turbo Y-Shift มาเพื่อควบคุมอัตราเร่งได้ 3 ระดับ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะให้การขับขี่ที่สนุก และครอบคลุมจากรุ่นก่อนหน้า
สมรรถนะช่วงล่าง
ด้านสมรรถนะช่วงล่างทั้งสองรุ่นยังคงใช้เป็นโช้คอัพหน้าเทเลสโคปิก และโช้คอัพหลังแบบมีซับแทงก์ ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรก หน้า/หลัง พร้อมด้วยระบบเบรก ABS แบบ Dual Channel มีวงล้อ หน้า/หลัง ขนาด 13 นิ้ว สวมด้วยยางหน้าขนาด 110/70 – 13 M/C 48P หลังขนาด 130/70 – 13 M/C 63P
ฟีเจอร์ใช้งาน
NMax 155 ใช้เรือนไมล์ดิจิตอล Full LCD สไตล์สปอร์ต บอกครบทุกฟังก์ชัน รองรับการเชื่อมต่อกับ Y-connect เสริมความสะดวกสบายด้วยช่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ และเสริมความปลอดภัยด้วยระบบ Traction Control (สามารถ เปิด/ปิด การทำได้)เทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานตอบสนองได้ฉับไว
สำหรับ NMax Turbo มาพร้อมกับมาตรวัดความเร็วแบบ Full LCD ดีไซน์ใหม่ และหน้าจอสี TFT แสดงระบบนำทางโดยแอป Garmin Street Cross นอกจากนี้ยังมาพร้อมการเชื่อมต่อกับ Y-connect และช่องเก็บสัมภาระใต้เบาะขนาด 25 ลิตร และยังเสริมความปลอดภัยด้วยระบบ Traction Control
สำหรับฟีเจอร์ใช้งานเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เห็นความแตกต่างชัดเจนของทั้งสองรุ่น โดยใน NMax Turbo จะมาพร้อมกับหน้าจอ แบบ Full LCD และหน้าจอสี TFT กับระบบนำทางโดยแอป Garmin Street Cross ซึ่งแน่นอนว่าในจุดนี้จะช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
เลือกคันไหนดี ?
หากเทียบกันให้เห็นชัดๆ แบบนี่้แล้วจะเห็นได้ว่า NMax Turbo นั้นจะมาพร้อมกับสมรรถนะที่หลากหลาย และเทคโลยีฟีเจอร์ใช้งานที่เหนือกว่าไปอีกขั้น แต่อย่างไรก็ตามจากกระแสบนโลกโซเชียลก็มีประเด็นในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ ซึ่งก็ไม่ผิดที่แต่ละคนจะมุมมองที่แตกต่างออกไป ถ้าต้องการสมรรถนะ ฟีเจอร์ ที่ทันสมัยขึ้นก็รอ NMax Turbo ซึ่งอาจจะมีราคาที่ปรับขึ้นมาจากเดิมไม่มากนัก แต่ถ้าคุณชอบดีไซน์ของรุ่นที่จำหน่ายอยู่ในบ้านเรา ณ ปัจจุบัน และยอมรับได้กับสมรรถนะ และฟีเจอร์ที่ให้มา NMax ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานอยู่เช่นกัน
สุดท้ายนี้เราก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้หลายๆ คนที่กำลังเลอยู่ว่าจะรอ NMax Turbo ดี หรือไม่ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศไทยคาดว่าทาง ยามาฮ่า จะเปิดตัวในงาน Motor Expo 2025
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook : Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day