นับตั้งแต่ DENZA D9 เอ็มพีวีหรูพลังไฟฟ้าเปิดตัวและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเร้าใจด้วยราคาเริ่ม 1.9999 ล้านบาท
ล่าสุดทาง Rêver Automotive ผู้จำหน่ายรถยนต์ BYD และ DENZA อย่างเป็นทางการแจ้งว่าหลังจากเปิดตัวและขาย 3 วัน มียอดจองมากถึง 823 คัน สำหรับ DENZA D9 โดยแบ่งเป็น
- รุ่น Premium FWD 542 คัน
- รุ่น Performance AWD 281 คัน
ภายนอกมาพร้อมหน้าตาเน้นหรูหราด้วยชุดกระจังหน้าทรงทึบสีเงินแนวตั้ง 12 ซี่ คล้าย Alphard ปะตราโลโก้เด่น พร้อมขอบสีเงินล้อมรอบด้านหน้ารถแบบเต็มๆไฟหน้า LED ดีไซน์หรู ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime พร้อมชุดตกแต่งสีเงินที่ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง
ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED และไฟเลี้ยววิ่ง Sequential หลังคา Dual Panoramic Sunroof ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า
ล้ออัลลอยลายสุดล้ำขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 ติดตั้งออปชันเสริมความสบายด้วยประตูดูดไฟฟ้าทั้งในส่วนประตูคู่หน้าและประตูสไลด์สองฝั่งพื้นฐานคันนี้จาก e-Platform 3.0 ที่พัฒนาเฉพาะสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าที่เป็นเอกสิทธิ์ของ BYD มิติตัวรถมีดังนี้
- ความยาว 5,250 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,920 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร
- ความสูงจากใต้ท้องรถ 155 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,764-2,865 กิโลกรัม
ภายในหรูหราสง่างามเทียบเท่าคู่แข่งตั้งแต่เบาะนั่งหนังแท้ 7 ที่นั่งแบบ NAPPA โดยเบาะนั่งแถวที่สองมาแบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่น ระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์
โต๊ะพับและที่วางแก้ว ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ทุกที่นั่งมีระบบอุ่นเบาะ มีพื้นที่ด้านหลังขนของได้ 410-570 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ และถ้าพับเบาะ 2,310 ลิตร ระบายอากาศ และนวดเพื่อผ่อนคลาย
แผงคอนโซลหน้ามีจอสัมผัสขนาดใหญ่ลากเป็นแนวยาวประกอบด้วย จอสัมผัส 15.6 นิ้วรองรับ Apple Car Play และ Android Auto จอหลังเบาะคนขับคู่หน้า 2 จอขนา พร้อมลำโพง DYNAUDIO 14 จุด มีช่องเชื่อมต่อ USB ช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V มาตรวัด LCD 10.25 นิ้ว
พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Head Up Display ขนาด 12 นิ้ว มีไฟสร้างบรรยากาศภายใน ambient light มากถึง 128 สี กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 3 โซน แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 กุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบ Push Start และที่ชาร์จมือถือไร้สาย
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันอัพเกรดในส่วนปุ่มการทำงานซ้าย-ขวาให้ไวขึ้นพร้อมระบบอุ่นที่พวงมาลัย จอสัมผัสยังเพิ่มฟังก์ชันความบันเทิงกับแอป Game Center เข้ามาด้วย ปรับในเรื่องระบบสั่งงานด้วยเสียง คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ปรับให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมสีภายในใหม่แบบ Broad-minded Rice
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนมีด้วยกันถึง 2 ทางเลือกจากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 103.36 kWh เริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตรวิ่งไกลสุด 600 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 9.5 วินาที
รุ่นท็อปมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อโดยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง 61 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 374 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.9 วินาที
มีชาร์จ 2 รูปแบบทั้งชาร์จช้ากระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30-80% รองรับกำลังไฟสูงสุด 166 kW ชาร์จเร็ว 10 นาที เพิ่มระยะทาง 150 กิโลเมตรรองรับ V2L
มาพร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ โดยด้านหน้ามาในช่วงล่างแมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังมาแบบมัลติลิงค์ พร้อม DiSus-C ช่วงล่างอัจฉริยะช่วยปรับระดับการกระแทก ประมวลผลควบคุมด้วยโซลินอยด์วาลว์เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกถึงความสบายในการเดินทางมากขึ้นในรุ่น Performance AWD พร้อมความปลอดภัยรอบคันด้วย ADAS ประกอบด้วย
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTB)
- ช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
- ช่วยช่วยกระจายแรงเบรกอัจฉริยะ (HBA)
- ช่วยควบคุมและช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ (ICC)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)
- ช่วยแจ้งเตือนอันตรายจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ (DMS)
- ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
- ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
- จดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)
- ช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
- ช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution) เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว ป้องกันล้อหมุนฟรี ESC ควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3 เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างหน้า-หลัง ม่านถุงลมนิรภัย หัวเข่ารวม 9 จุด กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติสัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
DENZA D9 มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Whale Sea Blue, สีดำ Quantum Black, สีขาว Arctic White และสีเทา Habour Grey ส่วนภายในห้องโดยสาร มีให้เลือก 2 สี สีเบจ Beige และ สีน้ำตาล Brown ในราคาจำหน่ายดังนี้
- รุ่น Premium ราคา 1,999,900 บาท*
- รุ่น Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท
เฉพาะผู้ที่จองรุ่น Premium ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน- 31 ธันวาคม 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้นมาพร้อมราคาพิเศษ* และสำหรับผู้ที่จองรุ่น Performance AWD ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 จะได้รับโฮมชาร์จเจอร์ ABB พร้อมบริการติดตั้งเพิ่มอีกด้วย