More

    GWM TANK 500 Hi4-T ปลั๊กอินวิ่งไกล 950 กม. ขายออสซี่เริ่ม 1.7 ล้าน

    GWM เสริมทางเลือกแนะนำ GWM TANK 500 Hi4-T ปลั๊กอินไฮบริดครั้งแรกในตลาดรถพวงมาลัยขวาที่ออสเตรเลียและเป็นรุ่นท็อปในตระกูล TANK 500

    GWMหน้าตาเหมือนรุ่น HEV ทุกประการ

    • กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรงไฟหน้า
    • กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ
    • ไฟหน้า Intelligent LED
    • กรอบไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์แนวตั้ง
    • ฝาครอบล้ออะไหล่ ประตูท้าย และดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังที่จับประตูสีเดียวกับตัวรถ
    • ราวหลังคาสีเงิน
    • ขอบกระจกสีดำเงา
    • ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60R18
    • แผ่นกันรอยประตูสีดำ

    ออปชันเดิมมาครบทั้ง  ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติและฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) ในชุดไฟหน้าพร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกหน้า LED บันไดข้างระบบไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เสาอากาศแบบ shark fin

    ดีไซน์ด้านหลังมาพร้อมประตูท้ายเปิดบานเดียวใหญ่แบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED ให้ความสว่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัยและสปอยเลอร์ท้าย ซึ่งช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิค

    • ความยาว 5,078 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,934 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,905 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
    • ระยะต่ำสุดจากพื้น 213 มิลลิเมตร
    • ความจุถังน้ำมัน 70 ลิตร

    GWM

    ภายในหรูหรากว้างสะดวกสบายใส่ใจในทุกรายละเอียด

    • หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ
    • มาตรวัดดิจิทัลพร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว
    • หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า HUD
    • ลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ
    • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับไฟฟ้าปรับแบบ 4 ทิศทาง
    • ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัย
    • ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และเป็นจังหวะ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลิน
    • นาฬิกาแบบคลาสสิก เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัว
    • เปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ
    • กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ
    • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 3 โซน แยกอิสระซ้าย-ขวา และด้านหลัง พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5
    • ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว
    • จอสัมผัสแสดงข้อมูลในที่ท้าวแขนเบาะหลังตอนที่ 2 ขนาด 7 นิ้ว จัดการการตั้งค่าระบบความบันเทิง  สภาพภูมิอากาศ และไฟส่องสว่างโดยรอบได้อีกด้วย

    จัดเต็มไปด้วยฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions)ทั้งอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) และ การควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ผ่าน GWM Application แม้ในขณะผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ

    GWM

    มีโทนสีภายในสีดำเป็นมาตรฐาน เบาะนั่งทั้ง 5 ที่นั่งหุ้มหนัง NAPPA ปรับไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมระบบเบาะนวดและดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่  เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และ Welcome Seat เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ

    เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศอีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

    เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ โดยมีพื้นที่ด้านท้ายตอนที่ 2  795 ลิตร และพับตอนที่ 2 มีพื้นที่มากถึง 1,459 ลิตร

    GWM

    ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด Hi4-T PHEV

    ด้วยเบนซินเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร รหัส E20NB ตอบโจทย์การผจญภัยอย่างลงตัวพร้อมมอบประสบการณ์การผจญภัยที่มีสีสันให้ผู้ขับขี่ให้กำลัง 245 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์

    จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว P2 กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 37.11 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 120 กิโลเมตร (NEDC) และวิ่งไกลสุดทั้งระบบ 950 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.9 วินาที

    สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 24 นาที สูงสุด 50 kW และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ สูงสุด 6.6kW ได้ 6.5 ชั่วโมง คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter ประหยัด 47.61 กิโลเมตรต่อลิตร

    GWM

    รองรับ V2L (Vehicle-to-load) ถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของรถไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ รองรับการจ่ายโหลดสูงสุดเป็น 6 kW สามารถตอบสนองการทำงานพร้อมกันของเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด เช่น เตาแม่เหล็กไฟฟ้า เตาอบไฟฟ้า โปรเจคเตอร์ ฯลฯ และสามารถปล่อยพลังงานได้อย่างต่อเนื่องที่โหลดเต็มนานกว่า 7 ชั่วโมง (พลังงานจากปลั๊กที่ติดมากับรถ 3.3 kW)

    ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ สามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) โดยมีการปรับอัตราทดเกียร์ 4L เพิ่มขึ้นเป็น 2.64 จากเดิม 2.48

    รองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายพร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดอัตโนมัติ และโหมดออฟโรด ได้แก่ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย โหมดพื้นหิน โหมด 4L โหมด 4H โหมดพื้นหิมะ และโหมดเชี่ยวชาญ

    สามารถลุยทางลาดชันได้ทันใจขึ้น เส้นทางออฟโรดให้ความมั่นใจปีนป่ายเกาะถนนดีด้วยปีนป่ายแบบชิวๆเพราะคันนี้มีมุมเงยปะทะ หรือ Approach Angle 30 องศา มุมจากหรือ Departure Angle 24 องศา มุมคร่อมหรือ Breakover angle 22.5 องศา

    GWM

    ระบบสะเทือนหน้าแบบอิสระดับเบิ้ลครอสอาร์มและระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง และยังสามารถลุยน้ำที่ระดับความลึก 800 มิลลิเมตร สามารถในการลากจูงอยู่ที่ 3,000 กิโลกรัม เพรียบพร้อมไปด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการขับขี่ไม่ว่าจะเป็น

    • ล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front & Rear Electric Differential Locks) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม
    • ช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Offroad Cruise Control) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่เสียสมาธิและเพิ่มความปลอดภัยจากการควบคุมรถบนสภาพถนนที่ซับซ้อน
    • ตรวจจับความลึกของน้ำ (Wading Depth Detection) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะประเมินความลึกของระดับน้ำและแสดงผลของระดับน้ำประกอบภาพรถบนหน้าจอกลาง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เมื่อขับผ่านสภาพถนนที่มีน้ำท่วมขัง
    • แสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะจดจำข้อมูลของพื้นที่รอบเส้นทางการขับขี่ของกล้องรอบตัวรถและสร้างภาพเสมือนแบบ 360 องศา จากมุมมองด้านบนของตัวรถ ในลักษณะแบบโปร่งใสเห็นพื้นผิวถนนด้านล่าง และแสดงภาพด้านหน้าของรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบถึงสภาพถนนใต้ท้องรถ เพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น

    GWM

    ระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัย

    ให้ทุกการเดินทางปลอดภัยไร้กังวล ได้แก่ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB)

    ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA/ RCTB) ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) ช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ตรวจความดันลมยาง (TPMS)

    มีสีภายนอกทั้งสีดำ Crystal Black สีบรอนซ์เงิน Onyx Silver สีทอง Dune Gold และสีขาว Marble White เปิดราคาขายแล้วที่ออสตรเลียในราคารวมค่า Drive-Away หรือราคารถรวมรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการนำรถออกไปใช้งาน (ค่าภาษี, ค่าจดทะเบียน, และค่าประกันภัย) $79,990 หรือราว 1,719,000 บาท

    และมีราคาพิเศษ ‘early bird’ สำหรับลูกค้าทั่วไปในราคารวมค่า Drive-Away $79,990 หรือราว 1,669,000 บาท และ $76,990 หรือราว 1,649,000 บาท สำหรับ ABN (Australian Business Number) หรือลูกค้านิติบุคคล แคมเปญนี้ต้องจองและส่งมอบรถภายใน 31 ธันวาคมนี้ ส่วน GWM TANK 500 Diesel 2.4 184 แรงม้าจะไม่มีการขายในออสเตรเลียและอนาคตในปี 2027 จะมีเครื่องยนต์ดีเซลใหญ่ 3.0 ลิตรมาจุติแน่นอน

    ที่มา Carexpert

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts