Honda กำลังเดินหน้าสู่อนาคตเพียงลำพัง หลังจากการควบรวมกิจการที่ล้มเหลวกับนิสสัน โดยกำลังประเมินแผนงานใหม่สำหรับปีต่อ ๆ ไป ซึ่งปรับเปลี่ยนจากการตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ 30% ภายในปี 2030 เป็นตั้งเป้าที่จะเลิกใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2040
ในขณะเดียวกัน รถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ๆ จำนวนมากก็กำลังจะเปิดตัว เริ่มตั้งแต่ปี 2027 จนถึงสิ้นปี 2030 ฮอนด้าตั้งใจที่จะเปิดตัวรถยนต์ไม่น้อยกว่า 13 รุ่นที่มีเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่ทั่วโลก โดยถือว่าอเมริกาเหนือเป็น “สนามรบหลัก” สำหรับรถยนต์ไฮบริด และวางแผนที่จะตอบสนองความต้องการในท้องถิ่นโดยการพัฒนาระบบไฮบริดใหม่สำหรับยานยนต์ขนาดใหญ่ เป้าหมายคือการเปิดตัวรุ่นใหม่ในช่วงปลายทศวรรษ เพื่อตอบสนองต่อ “ความต้องการที่มั่นคงสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีห้องโดยสารกว้างขวางและความจุสัมภาระสูง”
ก่อนหน้านี้ Honda สัญญาว่าจะมี “สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง” และ “ประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมสูง” เมื่อปลายปี 2024 บริษัทได้หารือเกี่ยวกับการพัฒนาเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 และ 2.0 ลิตรใหม่สำหรับรถยนต์ไฮบริดขนาดเล็กและขนาดกลาง และตอนนี้ ฮอนด้าก็จะมีการพัฒนาระบบไฮบริดอื่น ๆ สำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งให้ “ความสามารถในการลากจูงสูง” รถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่เหล่านี้จะใช้การออกแบบโลโก้ที่แบนราบลงซึ่งละทิ้งรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบเดิม ซึ่งคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาจากจีน
ฮอนด้ายังไม่ได้ยืนยันว่ารุ่นใดที่จะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา แต่มีการคาดเดาว่าน่าจะเป็น Pilot รถยนต์ SUV รุ่นปัจจุบันที่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2022 และคาดว่าจะเปลี่ยนเป็นเจนฯ 5 ก่อนสิ้นทศวรรษนี้ เนื่องจากรถยนต์สำหรับครอบครัว 3 แถวที่มีอยู่เดิมไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า จึงสมเหตุสมผลที่ฮอนด้าจะแก้ไขปัญหานี้ด้วยระบบส่งกำลังไฮบริดสำหรับรุ่นถัดไป แน่นอนว่าเว้นแต่ว่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นสำหรับการปรับโฉมกลางรอบของรุ่นปัจจุบัน
โทชิฮิโระ มิเบะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฮอนด้า กล่าวว่า ฮอนด้าจะนำเสนอรถยนต์ไฮบริดหลากหลายรุ่นในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นใหญ่ รายงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ระบุว่าฮอนด้าพยายามโน้มน้าวให้นิสสันยกเลิกเทคโนโลยีขยายระยะทาง e-Power โดยมุ่งหวังให้รถยนต์นิสสันรุ่นต่อไปใช้ระบบไฮบริดของฮอนด้าแทน
ฮอนด้าคาดการณ์ว่ารถยนต์ไฮบริดจะมียอดขายจำนวน 2.2 ล้านคันต่อปี ภายในสิ้นทศวรรษนี้ คาดว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะผลักดันให้ยอดขายเกินจำนวนปัจจุบันที่ 3.6 ล้านคันต่อปี นอกจากนี้ ฮอนด้าเชื่อว่าสามารถลดต้นทุนของระบบไฮบริดรุ่นต่อไปได้ครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับระดับในปี 2018 และคาดว่าระบบส่งกำลังไฟฟ้ารุ่นปรับปรุงใหม่จะมีต้นทุนการผลิตถูกกว่ารุ่นปี 2023 มากกว่า 30%
ฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นกับรถยนต์ไฟฟ้าต่อไป แม้ว่าจะมีความกระตือรือร้นน้อยลงมาก โดยลดการลงทุนลง 30% เมื่อเทียบกับแผนที่ประกาศเมื่อปีที่แล้ว เป้าหมายใหม่คือใช้เงิน 7 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.595 ล้านล้านบาท จนถึงเดือนมีนาคม 2031 ในระยะยาว บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050
Source: Motor1
