นับตั้งแต่ ISUZU ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าต่อสำนักงานทรัพยสินทางปัญญาออสเตรเลียในชื่อ ISUZU D-MAX Blade ท้าชนคู่แข่งโมดิฟลายด์จากโรงงาน
ISUZU D-MAX Blade ออลนิวลุยเวอร์ชันโหดกว่าจาก ISUZU UTE และ Walkinshaw Automotive พร้อมแล้วที่จะพัฒนาออกขายโดยนำพื้นฐานจาก ISUZU D-MAX X-Terrain 4 ประตู
ผ่านภาพเรนเดอร์วาดฝันให้สมกับเป็นราชาสายลุยน้องใหม่ที่พร้อมจะถล่มคู่แข่งอยู่หมัดไม่ว่าจะเป็น Toyota Hilux GR Sport Ford Ranger Raptor และ Nissan Navara Pro-4X Warrior ตามข้อมูลมีการปรับช่วงล่างตั้งแต่โช้คอัพยันสปริง รวมถึงล้อและยางใหม่ที่ยังไม่ได้ระบุขนาดแต่ความสูงของตัวรถเพิ่มขึ้นเป็น 26.5 มิลลิเมตรในส่วนด้านหน้าและ 29 มิลลิเมตรในส่วนด้านหลัง
นอกจากนี้ยังพัฒนาซุ้มล้อใหม่ให้ใหญ่ขึ้นรวมถึง ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ติดตั้งตำแหน่งกลางกระจกหลังใหม่ให้สูงขึ้นเสริมการ์ดหม้อน้ำและสปอร์ตบาร์ทรงใบพัดดีไซ์เข้ม ซึ่งก่อนหน้านั้น ISUZU UTE ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับ IP Australia ตั้งแต่พฤษภาคมปีที่แล้วเข้าข่ายกลุ่มรถ Class 12 (all-terrain vehicles)
บนพื้นฐานหน้าตาเดิมทั้งดีไซน์ใหม่ฝากระโปรงจดกันชนหน้า กระจังหน้าแนวนอนแบบเขี้ยวซ่อนรูป 2 ชั้น ดีไซน์เอกลักษณ์พร้อมตรา ISUZU ขนาดใหญ่ รับกับไฟหน้า Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยวที่ย้ายมาอยู่ในโคมเดียวกัน
ลงตัวกับชุดกันชนหน้าดีไซน์ใหม่เป็นหนึ่งเดียวกับกระจังหน้ามีช่องระบายอากาศทรงหกเหลี่ยมลายรังผึ้งพร้อม Air Curtain นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ แบบฉบับ รถสปอร์ตหรู ไฟตัดหมอกหน้า LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ฝาท้ายใหม่ดีไซน์รูปตัว H พร้อมสปอยเลอร์ในตัวกระบะท้าย ไฟท้ายแบบ Triple-Armour LED และกุญแจล็อกที่ฝาท้าย
ภายในถึงข้อมูลยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องภายในคาดว่ามีการปรับบุคลิกในแบบ Blade พร้อมยกออปชันมาจากรุ่นปกติทั้งชุดมาตรวัดเรืองแสงใหม่พร้อมจอขนาดใหญ่ 7 นิ้ว Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอที่มาตรวัด Integrated MID
แสดงผลได้หลายฟังก์ชันพร้อมระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง ทิศทางการเลี้ยวของล้อและจอแสดงการทำงานของระบบวัดลมยาง TPMS ทำงานผ่านทั้งจอมาตรวัดและจอสัมผัส Infotainment Display 9 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay รวมถึงระบบนำทางในตัวจอ
มี Charging Socket แบบ USB-C และ USB-A ชาร์จได้รวดเร็วทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง เบาะไฟฟ้าคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง มีปุ่มดันหลังด้วยไฟฟ้าและเบาะคนนั่งด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศปุ่มหมุนแบบ Full Mode Control พร้อมทิศทางลม 5 ตำแหน่งรวมตำแหน่งไล่ฝ้ากระจกหน้า อัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา
ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพง Dynamic Surround Sound ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจแบบ Keyless Entry พร้อมฟังก์ชัน Remote Engine Start สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมทในระยะ 20 เมตร
แน่นอนว่า ISUZU D-MAX Blade ยังคงใช้ขุมพลังเดิมด้วยดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS Turbo มีกันถึงสองทางเลือกเริ่มที่รุ่น 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูง 450 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาทีพร้อมเทคโนโลยีตัวกรองเขม่าไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล DPD (Diesel Particulate Diffuser) ลดเขม่าและฝุ่นขนาดเล็กจากการเผาไหม้
จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม RevTronic และ แป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift ขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time Terrain Command พร้อม Diff-Lock ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
ใหม่ Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เบรกให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ ทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าและความปลอดภัย ADAS
โดยสำนัก Walkinshaw Automotive เคยฝากผลงานเด็ดทั้ง HSV Colorado Sports Cat, Mitsubishi Triton Xtreme และ Volkswagen Amarok W-Series เตรียมเปิดตัวช่วงกลางปี 2025 ส่วนเมืองไทยจะมีรถกลุ่มนี้มาด้วยหรือไม่โปรดติดตาม
ที่มา DRIVE