ทำตลาดญี่ปุ่นมาครบปีกว่ามีแนวโน้มได้รับความนิยมสำหรับ 6 ล้อเล็กยอดนิยมของค่าย ISUZU อย่าง ISUZU ELF หรือ ISUZU N-Series เจเนอเรชันที่ 7
หลังจากแนะนำรุ่น ELF SPACECAB ห้องโดยสารกว้าง คราวนี้แนะนำ ISUZU ELF MIO สามารถจดทะเบียนแบบรถยนต์นั่งและทำใบขับขี่ทั่วไปได้ และแนะนำขุมพลังจิ๋วแต่แจ๋วยกมาจาก ISUZU D-MAX ขนาด 1.9 ลิตร
ภายนอก Exterior
หล่อทั้งคันตั้งแต่ ชุดไฟหน้าทรงแนวตั้งคล้ายตราโลโก้ ISUZU Twin Tower ยุคเก่า มาพร้อมไฟหน้า Bi-LED หรือไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมไฟ Daytime LED รูปตัว C ในโคมเดียวกัน กระจังหน้าแนวนอนทรงสองชั้นเอกลักษณ์เฉพาะกับโลโก้ตัวอักษร ISUZU ขนาดใหญ่ แบบ World Cross Flow กันชนหน้ารูปตัว U รองรับชุดกระจังหน้าอย่างลงตัว พร้อมไฟตัดหมอก LED ดวงเล็กโค้งมนรับกับตัวรถอย่างดี และกระจกมองข้างกับกระจกส่องมุมบานใหญ่ ด้านข้าง อาจมีความคล้ายกับเจนที่แล้ว ด้วยที่เปิดประตูทั้งแนวนอนดึงก้านในรหัส NHR ใหญ่ทั้งคันในร่างตอนเดียวกระบะท้ายเรียบตั้งแต่
- ความยาว 4,690 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,695 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,960 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,300 กิโลกรัม
- น้ำหนักรถรวม 3,435 กิโลกรัม
- รัศมีวงเลี้ยว 4.4 เมตร
- พื้นที่กระบะท้ายภายใน ความยาว 3,120 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,620 มิลลิเมตร ความสูง 380 มิลลิเมตร
ภายใน Interior
ใหม่ถอดด้ามเน้นการใช้งานที่เป็นมิตรกับคนขับและผู้โดยสารตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าที่ออกแบบเรียบง่ายแนวตรง ใช้งานหยิบจับง่ายที่สุด มาตรวัดขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ที่มีทั้งมาตรวัดความเร็ว รอบเครื่อง และจอกลาง MID รวมการทำงานต่างๆของรถ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้าน ปรับระดับสูงต่ำเข้า-ออกได้ ควบคุมทั้งปุ่มการทำงานเครื่องเสียง มาตรวัด และ Cruise Control
ไฟในห้องโดยสารขนาดใหญ่แบบ LED เพิ่มความสว่างสะดวกสบายพร้อม USB Charger เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold บนหลังคามีช่องเก็บของขนาดใหญ่ เครื่องปรับอากาศ Full Mode Control ปรับระบบหมุนเวียนอากาศได้ 2 แบบ 6 ทิศทาง ทั้งแบบธรรมดาและอัตโนมัติเบาะนั่งออกแบบใหม่นั่งสบายขึ้นหุ้มด้วยเบาะมีทั้งไวนิล หนังกลับ suede และกึ่งหนังแท้ พร้อมระบบอุ่นเบาะและ lumbar support เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ในรุ่น SE Custom
สมรรถนะ Performance
ครั้งแรกกับการยกขุมพลังจิ๋วแต่แจ๋วจาก ISUZU D-MAX และ ISUZU MU-X มาประจำการด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 1.9 รุ่น RZ4E-TC กำลังลดลงจากเดิม 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800–2,600 รอบต่อนาที มาเป็น 120 แรงม้าที่ 3,000-3,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,600–2,000 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมัน 13.6 กิโลเมตรต่อลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รองรับน้ำหนักบรรทุก 1,350 กิโลกรัม หรือ 1.35 ตัน
ความปลอดภัย Safety
เทียบเท่าคู่แข่งด้วยระบบความปลอดภัยช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ผ่านกล้อง stereo camera และครั้งแรกในวงการรถบรรทุก 2-3 ตัน ทั้ง
- ป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดพลาดขณะออกตัว False Start Prevention Function
- เตือนการชนและหยุดรถอัตโนมัติ ขณะขับทางตรง pre-collision braking (when driving straight )
- ส่วนเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา Blind Spot Monitor และ เตือนการชนและหยุดรถอัตโนมัติ ขณะกำลังเลี้ยว pre-collision braking (when turning left or right) เป็นออปชันเสริมเพิ่มเงิน
โดยเตรียมเปิดตัวที่ญี่ปุ่นในวันที่ 30 กรกฎาคม ในราคาเริ่มต้น 3,655,000 yen ไม่รวมภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นหรือราว 865,000 บาท ตั้งเป้ายอดขาย 5,000 คัน โดยมีสีภายนอกดังนี้ สีขาว Arc White สีฟ้าอ่อน Pale Blue สีน้ำเงิน Dark Khaki Metallic (มีในรุ่น SE Custom) ซึ่งเป็นสีเฉพาะของ Elf Mio เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ขับขี่
และความร่วมมือของในการพัฒนาระบบส่งกำลังของ ISUZU และ Cummins สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่พฤษภาคมปี 2019 เพื่อให้บรรลุการพัฒนาระบบส่งกำลังรุ่นต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง 2 บริษัทตกลงที่จะร่วมมือกันทั่วโลกในกลุ่มระบบส่งกำลังดีเซลขนาดกลาง ก่อเกิดเป็นขุมพลังใหม่กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 6 สูบ น้ำหนักเบาในรหัส DB6A ขนาด 6.7 ลิตร โดยมี 2 ทางเลือกตั้งแต่ DB6A-TCC ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้าที่ 1,950 รอบต่อนาที แรงบิด 1,081 นิวตันเมตรที่ 1,100 รอบต่อนาที และรหัส DB6A-TCN ให้กำลังสูงสุด 260 แรงม้าที่ 2,100 รอบต่อนาที แรงบิด 883 นิวตันเมตรที่ 1,100 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์กึ่งอัตโนมัติ Smoother-Fx (9-speed AMT)
ในร่างสิบล้อสองเพลา 6X4 ISUZU Forward หรือ ISUZU F-Series รหัสตัวรถ FVZ ซึ่งมีน้ำหนักบรรทุกรวม (GVW- Gross Vehicle Weight) เกิน 15 ตัน (16 ตัน 20 ตัน และ 22 ตัน) พร้อมการออกแบบใหม่ทั้งโครงสร้างตัวถัง แพลตฟอร์มรวมถึงฐานล้อที่ได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายน้ำหนักบนเพลาหน้าและเพลาหลังเพื่อให้รับน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพกับตัวรถใหญ่ตั้งแต่
- ความยาว 9,980 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 2,480 มิลลิเมตร
- ความสูง 2,880 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 11,900 กิโลกรัม
- น้ำหนักรถรวม 19,905 กิโลกรัม
- รัศมีวงเลี้ยว 8.7 เมตร
- พื้นที่กระบะท้ายภายใน ความยาว 7,400 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,350 มิลลิเมตร ความสูง 400 มิลลิเมตร
ด้านหน้าใหม่ออกแบบไฟหน้า LED พร้อมไฟ Daytime LED รูปตัว C ในโคมเดียวกัน ไฟตัดหมอกหน้า LED ทรงกลมอยู่ในชุดกันชนหน้ารูปตัว U รองรับชุดกระจังหน้า แนวนอนทรงสองชั้นเอกลักษณ์เฉพาะกับโลโก้ตัวอักษร ISUZU ขนาดใหญ่ แบบ World Cross Flow และภายในใหม่ ตั้งเป้าขายญี่ปุ่น 16,000 คันต่อปี เปิดขายแล้วในราคารวมภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น 15,799,300 YEN หรือราว 3,715,000 บาท สำหรับรุ่น 2DG-FVZ26U4
ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมบริการโซลูชันเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน PREISM ที่ ISUZU พัฒนาเอง รองรับการทำงานให้กับเจ้าของรถบรรทุกทั้งการตรวจสอบสถานะของรถ แจ้งวันนัดเอารถเข้าศูนย์บริการล่วงหน้าเพื่อให้พร้อมทุกการใช้งาน
และจากที่ ISUZU ได้เข้าซื้อกิจการของ UD Trucks ไปตั้งแต่เมษายน 2021 จนเกิดเป็นความร่วมมือกันทางด้านเทคนิคและเทคโนโลยีก่อเกิดการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์กันล่าสุด ISUZU S&E Series 10 ล้อสองเพลาและหัวลากแบบ HD จากพื้นฐานของ UD Quester มีน้ำหนักรวมของรถ (GVW) อยู่ที่ 25 ถึง 41 ตัน และน้ำหนักรวมรวม (GCW) อยู่ที่ 36 ถึง 80 ตัน อยู่ในกลุ่มรถใหญ่ที่ประกอบด้วยรถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักลากจูง (GCW) มากกว่า 60 ตัน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า ISUZU C&E Series
มีระบบเพลาท้ายแบบทดกำลังดุมล้อ (Hub reduction) เพิ่มความแข็งแกร่งทำให้ปฏิบัติภารกิจได้ง่ายขึ้น มีระยะใต้ท้องรถสูงขึ้นและทำให้ชิ้นส่วนในระบบขับเคลื่อนมีอายุใช้งานยาวนานขึ้น ปรับปรุงความสามารถในการขับขี่บนนเส้นทางที่กันดารหรือทางลาดชัน เพิ่มความแข็งแกร่งทำให้ปฏิบัติภารกิจได้ง่ายขึ้น มีระยะใต้ท้องรถสูงขึ้นและทำให้ชิ้นส่วนในระบบขับเคลื่อนมีอายุใช้งานยาวนานขึ้น ติดตั้งระบบเกียร์กึ่งอัตโนมัติ (AMT) เริ่มทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกา ประกอบที่โรงงานในไทยประเทศไทย ถนนบางนาตราด กม.25 บนพื้นที่ 77 ไร่