แอฟริกาใต้เป็นรายล่าสุดที่เปิดตัว ISUZU MU-X ไมเนอร์เชนจ์หน้าตาเดียวกับเวอร์ชันไทยพร้อมรุ่นย่อยใหม่ ONYX XT หรือ RS บ้านเรา
ISUZU MU-X ไมเนอร์เชนจ์ด้วยหน้าตาไม่ต่างกันในร่างรถเอสยูวีขนาดกลาง 3 แถว 7 ทั่นั่ง (พีพีวี)เริ่มที่
รุ่น ONYX XT (RS ไทย) ทรงพลังด้วยกระจังหน้า BLACK DIAMOND GRILLE พร้อมสะท้อนความพีคด้วยสัญลักษณ์ XT ขลิบสีแดง ด้วยวัสดุ Black Chrome สปอร์ตด้วยล้ออัลลอย RS Design ขนาด 20 นิ้ว เพิ่มความสปอร์ตด้วยคิ้วขอบล้อ Fender Garnish สีดำ ช่องระบายอากาศด้านข้าง Side Garnish สีดำ สัญลักษณ์ XT ขลิบสีแดง หลังคาดำ Black Roof พร้อมราวหลังคาบิ้วอินสีดำ โดดเด่นเท่สะดุดตาด้วยสีแดง คิ้วชายล่างตกแต่งสปอร์ตพร้อมบันไดข้าง พร้อมสัญลักษณ์ XT ท้ายรถ
ภายนอกใหม่ทั้งคันเริ่มที่ภายนอกปรับใหม่ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าออกแบบเส้นสายหนาลงตัวพร้อมกระจังหน้าเขี้ยวสองชั้น โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้า Bi-LED แบบ Dynamic Blade มีไฟ Daytime แบบ LED ในตัวโคมไฟหน้า เร้าใจด้วยชุดกันชนหน้าใหม่! แบบ Fighter Jet ดุดันพร้อม Air Curtain เพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED
สอดรับกับเส้นสายด้านข้างอันเป็นเอกลักษณ์เติมอารมณ์สปอร์ตด้วย เสาอากาศแบบเสาสั้นบนหลังคารถส่วนหน้า ราวหลังคาบิ๊วอินดีไซน์กลมกลืนกับหลังคา กระจกมองข้างไฟเลี้ยว LED ปรับ-พับด้วยไฟฟ้า บันไดข้าง สบายยิ่งกว่าด้วยฝาท้าย Smart Tailgate เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าทำงานร่วมกับระบบ Step Sensor และหยุดเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้วยระบบ Jam Protection
พร้อมชุดกันชนหลังทรงเดิมไฟท้าย LED ใหม่!แบบ Dynamic Blade พร้อมผสานดีไซน์สปอร์ตของชุดไฟท้ายด้วยเส้น Embrace Line ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 ในรุ่น LSE กับ LS (Elegant ไทย) ใช้ยางจาก Bridgestone 684II HT
มิติตัวรถมีการปรับเล็กน้อยตั้งแต่ความยาว 4,860 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,870-1,885 มิลลิเมตร ความสูง 1,815-1,875 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,855 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหน้าและล้อหลังเท่ากัน 1,570 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 230-235 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,975-2,175 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
ภายในเหมือนเวอร์ชันไทยทั้ง มาตรวัดเรืองแสง Integrated MID 7 นิ้ว เชื่อมต่อข้อมูลกับจอสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้วรองรับการใช้งานทั้งระบบเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Android Auto Apple CarPlay แสดงผลหลายฟังก์ชันทั้งแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง ทิศทางการเลี้ยวของล้อ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ที่หน้าจอ Integrated MID และ Infotainment Display ลุยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
พร้อมลำโพงรวมทวิตเตอร์หน้า-หลัง 8 จุด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านดีไซน์ใหม่ปรับได้ 4 ทิศทาง เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold ความสะดวกสบายครบครันมี Ambient Light และ Dome Light หรูมีระดับ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์หลัง Charging Station รองรับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลาย ทั้ง USB Fast Charger Type C และช่องต่อ DC 12V
เบาะนั่งปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับและปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง พร้อมเบาะนั่งตอนที่ 2 ปรับเอนได้ถึง 22 องศา พับได้ 60/40 แบบพับม้วนเดียวจบ
เบาะนั่งตอน 3 สบายพับได้แบบ 50/50 พร้อมพื้นที่สัมภาระด้านท้ายมากถึง 311 ลิตร และพับเบาะตอน 3 มีพื้นที่ความจุมากถึง 1,119 ลิตร และเมื่อพับตอน 2 กับตอน 3 ด้วยกันจะมีพื้นที่ความจุมากถึง 2,138 ลิตร มากที่สุดในรถระดับเดียวกันพร้อมเบาะกันความร้อนด้วย Cool MAX มาพร้อมระบบอุ่นเบาะคู่หน้า
ฟังก์ชันเอาใจคนรักความสะดวกสบายด้วยกุญแจรีโมท ISUZU Genius Entry สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วย Remote Engine Start เฉพาะรุ่น RS และ Ultimate และใช้เปิด-ปิดประตูท้ายไฟฟ้า กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut ช่วยกรองรังสีอินฟราเรด ป้องกันรังสี UVA และ UVB ช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสาร
ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ เมื่อเข้าใกล้รถในระยะ 2 เมตร Welcome Light ล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเดินออกห่างจากตัวรถเกินระยะ 3 เมตร Walk Away Auto Lock เปิดไฟส่องสว่างได้นาน 30 วินาที หลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสาร สามารถดักฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM2.5 กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ และตัดแสงธรรมดาในบางรุ่นพร้อมช่องเสียบ USB-A port สำหรับการติดตั้งกล้องบันทึกหน้ารถ
สเปกแอฟริกาใต้คล้ายอสเตรเลียด้วยสีภายในเป็นโทนสีดำล้วนพร้อมการตกแต่งที่แตกต่างในรุ่น ONYX XT คล้ายรุ่น RS ไทยด้วยการตกแต่งด้วย Matte Silver Garnish เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตนั่งสบายโอบรับสรีระโดดเด่นด้วยการเดินด้ายสีแดงเร้าใจด้วยบรรยากาศภายในด้วยไฟสร้างบรรยากาศสีแดง Red Ambient Light และคอนโซลสีดำดีไซน์ใหม่เหนือระดับทุกรายละเอียด ตกแต่งด้วย Matte Silver
ทางด้านรุ่น LSE กับ LS (ULTIMATE ไทย) กับรุ่น LS-U (Elegant ไทย) ยกระดับความหรูหราภายในห้องโดยสารด้วยโทนสี Black ให้ความรู้สึกอบอุ่น High Class เบาะ 7 ที่นั่ง ดีไซน์สีดำเดินด้ายขาวหุ้มกึ่งหนังแท้เฉพาะรุ่น LSE สบายเหนือกว่า โอบรับสรีระ คอนโซลดีไซน์ใหม่! สี Black พรีเมียมด้วยวัสดุ Piano Black–Satin Silver บรรยากาศภายในหรูหราไฟสร้างบรรยากาศสีขาว White Ambient Light เฉพาะรุ่น LSE
ขุมพลังยังคงเดิมยังไม่มีการแนะนำเครื่องใหม่ 2.2 ลิตรออกมาด้วยดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS 3.0 Ddi Blue Power รุ่น 4JJ3-TCX กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที และ ดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS 1.9 รุ่น RZ4E-TC กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800–2,600 รอบต่อนาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic และ Sequential Paddle Shift เลือกได้ทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อและขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time Terrain Command สวิตช์เปลี่ยนการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อเป็น 4 ล้อ
พร้อม Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เบรกให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ ทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L พิเศษสเปกออสเตรเลียมีระบบเฟืองท้ายแบบ Electronic Diff-lock ควบคุมด้วยไฟฟ้า
ลุยน้ำได้สูงสุด 800 มิลลิเมตร พร้อมช่วงล่างคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone และเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลังแบบ 5-Link Suspension พวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Steering) ขับสบายเหนือกว่าคล่องตัวทั้งในเมืองและนอกเมือง
ลากจูงได้สูงสุด 3,000-3,500 กิโลกรัม สามารถลุยได้มั่นใจทุกรูปแบบตั้งแต่มุมไต่หรือมุมเงย Approach Angle 28.6-29.2 องศา มุมจาก Departure Angle 26.4-27.6 องศา และมุมคร่อม Ramp-over angle 22.6-23.1 องศา
พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้ขับรถอย่างปลอดภัย IDAS (ISUZU’s Intelligent Driver Assistance System) เวอร์ชันใหม่ เวอร์ชัน 4 ทำงานด้วยกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera แม่นยำกว่ากล้องเดี่ยวแบบ Mono Camera ทั่วไป ตรวจจับเส้นถนนและวัตถุด้านหน้ารถแบบ Real Time มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน
เพิ่มระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake) ช่วยควบคุมทิศทางของรถตามรถคันหน้า TJA (Traffic Jam Assist) พร้อมกล้องรอบคัน 360O Surround View Camera ให้ภาพคมชัดแบบ 3D พร้อมมุมมองใต้ท้องรถพร้อม กล้องมองหลังกับเส้นกะระยะ Lane Guide ใหม่โดยให้ในรุ่น LSE และ ONYX XT
รวมถึงอัพเกรดระบบที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติอัจฉริยะ IACC (Intelligent Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
นอกนั้นคงเดิมทั้งระบบอ่านป้ายจราจร TSR (Traffic Sign Recognition) ช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control) จำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL (Intelligent Speed Limter) แจ้งเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Assist) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในสภาวะฉุกเฉิน ELK (Emergency Lane Keeping)
ระบบเตือนการชนด้านหน้าและหยุดรถอัตโนมัติ FCW & AEB (Front Forward Collision Warning & Autonomous Emergency Brake) เตือนเมื่อออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) ตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วคราวในกรณีเผลอเหยียบคันเร่งโดยไม่ได้ตั้งใจ MAM (Mis Acceleration Mitigation) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Auto High Beams) ช่วยเบรกฉุกเฉินขณะกำลังเลี้ยว TA (Turn Assist) และออปชันความปลอดภัยพื้นฐานครบครัน
ISUZU MU-X รุ่นไมเนอร์เชนจ์ นำเข้าจากไทยเปิดขายแอฟริกาใต้ทั้งรุ่นใหม่ ONYX XT พร้อมรุ่นเดิมทั้ง LSE และ LS ในราคาเริ่ม R 752,300-R 1,026,800 หรือราว 1,345,000-1,835,000 บาท
มีทั้งหมด 6 รุ่นย่อยแบ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 จะมีเฉพาะขับเคลื่อน 2 ล้อรุ่น LS ด้านรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 จะมีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อในรุ่น LS, รุ่น LSE กับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ในรุ่น LS, รุ่น LSE และรุ่น ONYX XT
มีสีภายนอกทั้งหมด 8 สีได้แก่ สีขาว Mineral White, สีบรอนซ์เงิน Mercury Silver metallic, สีเทา Obsidian Grey mica, สีน้ำเงิน Neptune Blue mica, สีดำ Basalt Black mica และสีแดง Magnetic Red mica
ที่มา ISUZU