หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ JEEP ในเมืองไทยภายใต้การบริหารของ เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) หลังส่ง JEEP Wrangler ประเดิมตลาดออฟโรด
และล่าสุดกับการเปิดตัว JEEP Gladiator Rubicon ปิกอัพสี่ประตูขนาดกลางที่ทำตลาดทั่วโลกมาสามปีและคนไทยคุ้นเคยโดยยังคงรูปลักษณ์ระดับไอคอนิคด้วยกระจังหน้า 7 ช่อง ไฟหน้าทรงกลมแบบ LED รับกับกันชนหน้าสีดำ กับหลังคาแข็งสีดำ Freedom Top 3 ชิ้น ที่สามารถถอดออกได้พร้อมชุดประตู ล้ออัลลอยเข้มขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 255/75 R17 M/T ชุดไฟ LED ทั้งไฟ DRL, ไฟตัดหมอกหน้าและไฟท้าย นอกจากนั้น พื้นกระบะก็ผ่านการพ่นเคลือบเพื่อให้ทนต่อรอยขีดข่วน มาพร้อมฝาท้ายแบบ soft-opening เพิ่มความนุ่มนวลเมื่อเปิดใช้ แผงกันกระแทกใต้เครื่องและระบบขับเคลื่อนป้องกันความเสียหายจากการลุย และกระจกมองข้างสีดำแนวตั้งพร้อมไฟเลี้ยวปรับไฟฟ้าพร้อมไล่ฝ้า
มิติตัวรถมีตั้งแต่ความยาว 5,591 มม. ความกว้าง 1,909 มม. ความสูง 1,894 มม. ฐานล้อ 3,488 มม. และความจุถังน้ำมัน 83 ลิตร โครงสร้างผลิตจากเหล็กกล้าความแข็งแกร่งสูง แต่น้ำหนักเบา ตัวถังยาวกว่า JEEP Wrangler 4 ประตู 70.9 เซนติเมตร แต่มีน้ำหนักมากกว่า เพียง 133 กก. ขณะที่ห้องโดยสารเน้นโทนดำดูเคร่งขรึม เบาะหนังแท้สีดำ ตัดกันกับตะเข็บแดง พร้อมปักโลโก้ รูบิคอน บริเวณพนักพิง ส่วนเบาะหลังสามารถพับได้ 3 แบบ รองรับการใช้งานอย่างอเนกประสงค์ ขับกล่อมผู้โดยสารด้วยเสียงดนตรีไพเราะ ผ่านลำโพง Alpine 9 ตำแหน่ง พร้อมอุ่นใจในทุกการเดินทาง ด้วยระบบนำทาง Uconnect ผสานทัชสกรีน 8.4 นิ้ว ที่รองรับระบบปฏิบัติการ Android และ iOS เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง 3 ก้าน
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 6 สูบ Pentastar 3.6 ลิตร 280 แรงม้าที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิด 347 นิวตันเมตรที่ 4,100 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ให้สมรรถนะการลากจูงน้ำหนักมากกว่า 2.7 ตัน น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 620 กิโลกรัม ฟันฝ่าอุปสรรคในทุกสภาพเส้นทางอย่างมั่นใจ ด้วยโช้กอัพประสิทธิภาพสูงจาก FOX พร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบไฟฟ์ลิงค์ (5-link) ผสานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4×4 Rock-trac® ที่มีทั้ง 2H,4H Auto, 4H Part Time, N, 4L เฟืองท้ายควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ TRU-Lok, โหมดการขับ Off-road+ และฟังก์ชันการปลด sway bar ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์
พร้อมระบบความปลอดภัยทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง ออกตัวบนทางลาดชัน HSA ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ควบคุมการทรงตัว ESP กล้องแสดงภาพการจอดรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot ปรับสถานะของกันโคลง Sway Bar โดยจำหน่ายในราคา 5,990,000 บาท เป็นราคาที่มาพร้อมกับ Jeep Service Care : 3 ปี หรือ 55,000 ก.ม. Jeep Manufacturer Warranty : 3 ปี หรือ 100,000 ก.ม. Jeep Activated Roadside Assistance : 24ชม. นาน 3 ปี
นอกจากนี้ทาง STELLANTIS ตั้งเป้ายอดขายโดยรวมของปีนี้ 850,000 คัน จึงมีความสนใจที่จะตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในเครือขายในประเทศหรือส่งออก โดยประเทศไทยมีความเป็นไปได้สูงที่จะประกอบรถ JEEP ผสานคุณภาพการประกอบที่มีความประณีต ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่อันเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทย