ในที่สุด KIA เปิดตัวกระบะ KIA TASMAN รุ่นแรกของค่ายท้าชนเจ้าตลาดตัวเอ้ทั้ง ISUZU D-MAX Toyota HILUX และ Ford Ranger อย่างเต็มรูปแบบ
KIA TASMAN ออกแบบมาแนวดุทรงเหลี่ยมคล้าย JEEP Gladiator ในรูปกระบะทั้งแบบตอนเดียวและ 4 ประตู
ภายนอกหล่อตั้งแต่โลโก้ขนาดใหญ่บนขอบกระจังหน้าพร้อมช่องระบายอากาศ 6 ช่องแนวตั้งแบบหน้าเสือ หรือ Digital Tiger Face ฝากระโปรงดีไซน์มีขอบกันชนหน้าทรงบึกบึนพร้อมไฟตตัดหมอกหน้า LED แนวนอนรับกับดีไซน์ไฟหน้า LED แนวตั้งพร้อมไฟ DRL รูปตัวแอลในโคมเดียวกัน
ด้านข้างเสริมหล่อด้วยราวหลังคาดีไซน์เนียนกับหลังคารถ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ที่เปิดประตูดึงก้าน คิ้วขอบล้อทรงเหลี่ยมรับกับบังโคลนหน้า-หลังตีโป่งอย่างหนาออกแบบได้อเฉียบขาด ไฟท้าย LED รูปตัว C ขนาดพอดีรับกับกระบะท้ายแปะตรา KIA ขนาดใหญ่พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ขนาดยาวพาดบนขอบกระบะ
พร้อมที่เปิดกระบะท้ายตรงกลางกับบันไดข้างขึ้น-ลงที่มุมกันชนท้ายซ้าย-ขวาภายในกระบะท้ายมีช่องเสียบปลั๊กแบบ Power Outlet 240V ให้คุณใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างหม้อหุงข้าวหรือเตาอบขนาดเล็กได้ง่ายๆล้อและยางมาแบบล้ออัลลอยและกระทะล้อมีให้เลือกทั้งขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง HT ขนาด 255/65R17 และ AT ขนาด 275/65R17 ในรุ่น X-PRO และขนาดใหญ่ 18 นิ้วรัดด้วยยาง HT ขนาด 265/60 R18
ตัวรถสร้างขึ้นจากพื้นฐาน Ladder Frame หรือ Body On Frame มีมิติที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งตั้งแต่ ความยาว 5,410 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,930 มิลลิเมตร ความสูง 1,870-1,920 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,270 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 224,231,252 มิลลิเมตร ตามลำดับ ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
ภายในจัดเต็มทุกอุปกรณ์เทคโนโลยีฟีเจอร์เริ่มที่แผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายสีดำหุ้มหนังสัมผัสช่องแอร์ดีไซน์รูปตัว U ยาวทั้งแผงแบบรังผึ้ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 4 ก้าน มีก้านเกียร์อยู่ที่คอพวงมาลัยหรือเรียกกันว่าเกียร์คอติดตั้งในตำแหน่งที่ใช้งานมองเห็นและคันเกียร์ดีไซน์ปกติ
จอขนาดใหญ่แบบ Panoramic Wide Display 3 จอประกอบด้วยจอมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว คั่นกลางด้วยจอแสดงการทำงานของระบบปรับอากาศขนาด 5 นิ้วและจอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมเครื่องปรับอากาศแบบ Dual Zone ช่องแอร์ด้านหลัง
คอนโซลกลางพร้อมช่องวางแก้วน้ำ ที่ชาร์จมือถือไร้สาย 2 ฝั่งมีช่องเสียบ USB Type-C หน้า-หลัง พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และโหมดการขับขี่ที่หยิบจับใช้งานง่ายพร้อมที่ท้าวแขนมีปุ่ม Push Start เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ลำโพง Harman Kardon และกุญแจแบบ Digital Key 2.0
ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบายด้วยเบาะนั่งคูหน้าทรงสปอร์ตปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับเลื่อนและเอนได้ถึง 22 ถึง 30 องศา พร้อมที่วางขาพื้นที่เหนือศีรษะพื้นที่วางไหล่สบายสุดในกลุ่มกระบะและเบาะนั่งส่วนรองนั่งยังพับขึ้นได้มีช่องเก็บของความจุถึง 33 ลิตร
วัสดุหุ้มหลังคาแบบขึ้นรูปกำมะหยี่สีดำรวมถึงวัสุดหุ้มเบาะเป็นหนังสังเคราะห์ไบโอพียูและหนังมาผสมกันและพรมปูพื้นทำจากวัสดุ PET เรียกว่าเป็นกระะบะที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมไม่แพ้เพื่อนร่วมค่ายอย่าง KIA EV5 และ EV9
ขุมพลังที่ให้ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้แก่ดีเซลเทอร์โบแปรผัน CRDI SMARTSTREAM รหัส D4HIII FR ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังถึง 210 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด 441 นิวตันเมตรที่ 1,750–2,750 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 10.4 วินาที ประหยัดน้ำมัน 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร
เบนซินเทอร์โบ SMARTSTREAM G T-GDI ขนาด 2.5 ลิตร รหัส G4KIII ให้พลังแรงสูงสด 281 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิด 421 นิวตันเมตรที่ 1,650-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที ประหยัดน้ำมัน 8 กิโลเมตรต่อลิตร
ทั้ง 2 ความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดรุ่น A8TR1-1 และเกียร์ธรรมดา 6 สปีดรุ่น M6VR2 ที่สงวนในรุ่นดีเซล 2.2 ลิตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้าเลือกได้ทั้ง 2H/4A/4H/4L
มีโหมดการขับขี่ Driving mode โดยแบ่งเป็น 2 โหมดหลัก Drive Mode ขับปกติแบ่งเป็น 3 โหมดย่อยทั้ง Comfort, ECO และ Sport โหมดลุย Terrain Mode มี 4 โหมดย่อยทั้ง MUD, Sand (Desert), Snow พร้อม X-TREK Mode ด้วยโหมด ROCK ให้เลือกในรุ่น X-PRO
จุดเด่นคันนี้แกร่งในด้านบรรทุกรับน้ำหนักสูงสุด 1,017-1,195 กิโลกรัมประสิทธิภาพการลากจูง 3,500 กิโลกรัมและพื้นที่กระบะภายในจุได้ถึง 1,173 ลิตรลุยน้ำสูงสุด 800 มิลลิเมตรในความเร็ว 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมช่วงล่างหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังแบบแหนบหรือลีฟสปริง พร้อมความปลอดภัยมาเต็มด้วย DRIVE WiSE ทั้ง
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keeping Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LFA (Lane Following Assist)
- เตือนและควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา BCW (Blind Collision Warning)
- เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB (Multi-Collision Braking)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ HBA (High Beam Assist)
- ช่วยเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตากับช่วยเตือนขณะถอยหลัง BCA (Blind Spot Collision Avoidance Assist) with RCCA (Rear Cross Traffic Collision Avoidance)
- กล้องมองภาพจุดอับสายตาเมื่อผู้ขับขี่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายหรือขวา Blind-Spot View Monitor (BVM)
- ช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยกตรวจจับทั้งรถ คนเดินเท้า รถจักรยานและรถมอเตอร์ไซค์ หรือวัตถุเคลื่อนไหวต่างๆ AEB (Autonomous Emergency Braking)–Car, Pedestrian, Cyclist, Junction Turning/Crossing, Direct/Oncoming Lane Change Detection
- ช่วยหลีกเลี่ยงการชนขณะถอยจอดด้านหลัง PCA (Reverse Parking Collision-Avoidance Assist)
- ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAWS (Driver Attention Warning)
- จำกัดความเร็วอัตโนมัติ ISLA (Intelligent Speed Limit Assist)
กล้องมองภาพรอบคัน Surround View Monitor (SVM) พร้อมกล้องส่องใต้ท้องรถ Ground View Monitor ป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง SEA (Safe Exit Assist) สัญญาณกะระยะการจอดทั้งด้านหน้าด้านหลังและด้านข้าง ตรวจจับพร้อมควบคุมความเร็วตามกฎหมายกำหนด Intelligent Speed Limit Assist (ISLA)
ควบคุมเบรกขณะลงทางลาดชัน DBC (Downhill Brake Control) ในรุ่นพื้นฐานและรุ่น X-LINE ควบคุมเบรกขณะลงทางลาดชันที่ความเร็วต่ำแบบ Low Speed Driving Assist ในรุ่น X-PRO ช่วยจอดอัจฉริยะโดยใช้รีโมตจากสมาร์ตคีย์ Remote Smart Parking Assist และควบคุมการเบรกของส่วนพ่วงท้าย Trailer brake controller (TBC)
กระบะแดนกิมจิคันแรกรุ่นแรกค่าย KIA เปิดตัวครั้งแรก 2 ที่ทั้งประเทศซาอุดีอาระเบียเมืองเจดดาห์ และออสเตรเลียที่เมืองเมืองโฮบาร์ตรัฐแทสเมเนีย
เตรียมทำตลาดเกาหลีในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 ก่อนที่จะเปิดตัวในภูมิภาคต่างๆเช่น ออสเตรเลีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง ลุ้นเมืองไทยอยากให้มาขายทั้งรุ่นพื้นฐาน, X-PRO และรุ่น X-LINE
ที่มา CAREXPERT