LYNK&CO ค่ายรถลูกครึ่งสวีเดนจีนภายใต้ GEELY และ ZEEKR Group เปิดตัวและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับ LYNK&CO 900
LYNK&CO 900 มาในฐานะเอสยูวีไซซยักษ์ 3 แถว 6 ที่นั่งทรงกล่องท้าชนทั้ง HYPTEC HL DEEPAL S09 และ NIO ES8
ภายนอกมีความคล้ายกับ LYNK&CO Z10 พร้อมงานดีไซน์หรูตั้งแต่ชุดไฟ DRL แบบ LED รูปตัวเอช 2 เส้นแนวตั้ง พร้อมชุดไฟหน้า LED ประกบกับแถบแนวนอนสีเงิน ชุดกระจังหน้าทรงทึบติดตราโลโก้พร้อมแถบไฟวิ่ง LED แสดงข้อความประกอบด้วยหลอดไฟทั้งหมด 10,192 ดวง พร้อมชุดกันชนหน้ามีช่องระบายอากาศแบบแอคทีฟ
พร้อมหลังคารถแบบพาโนรามิกพร้อมที่ยื่นบนหลังคาเป็นระบบ LiDAR หรือ เลเซอรเลดาร์ ที่สิงสถิตย์ของระบบระบบขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง ราวหลังคาแบบบิ๊วอินรับน้ำหนักได้ถึง 300 กิโลกรัม และน้ำหนักตอนเคลื่อนตัวรับได้ 100 กิโลกรัม กระจกมองข้างดีไซน์เอกลักษณ์แบบไร้กรอบยื่นออกมาจากประตู มือเปิดประตูแบบซ่อนเรียบเนียนกับตัวรถกรอบหน้าต่างสีดำ
ไฟท้าย LED ดีไซน์เพรียวแนวยาวประกอบด้วยหลอดไฟ 2,400 ดวง 8แถว พร้อมสปอยเลอร์ในตัวและไฟตัดหมอกหลัง ฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้าเปิดได้ 2 ส่วน ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้วพร้อมยาง 255/50 R20 และขนาด 21 นิ้วพร้อมยาง 265/45R21 สร้างจากพื้นฐาน SPA Evo สำหรับรถยนต์ไฮบริดขนาดใหญ่ พัฒนามาจาก LYNK & CO L946 พร้อมมิติตัวรถดังนี้
- ความยาว 5,240 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,999 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,810 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,160 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 194 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 2,660-2,820 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 60-65 ลิตร
ภายในแน่นอนว่ามีออปชันมาตรฐานทั้งจอสัมผัสขนาดใหญ่ความชัดระดับ 6K ขนาด 30 นิ้ว เป็นจอคู่ลอยตัวคาดจอตั้งงแต่ตรงกลางมาถึงฝั่งคนนั่งในชุดคอนโซลหน้าทำเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์และหน้าจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารดีไซน์เรียบง่ายแต่หรู
มาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล LCD ขนาด 12.66 นิ้ว จอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือแผงคอนโซลหน้า HUD พร้อมจอบนแนวนอนหลังคารถพับเก็บได้ขนาด 30 นิ้ว ชัดระดับ 6K ประมวลผลการทำงานรวดเร็วด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8295 ถึง 2 ตัว
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านท้ายตัด แผ่นชาร์จไร้สาย 2 แผ่นกำลังชาร์จ 50W คอนโซลกลางช่องเก็บของขนาดใหญ่หนึ่งในช่องเก็บของทั้งหมด 42 จุด พร้อมช่อง USB Type-A และ Type-C และช่องเสียบจ่ายไฟ 12V ลำโพงคุณภาพ หลังคาหุ้มด้วยหนัง ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light
เบาะนั่งทั้งหมดหุ้มด้วยหนังคุณภาพสูงแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง 2+2+2 ผู้โดยสารด้านหน้าสามารถพับลงให้แบนและปรับให้เข้ากับพื้นที่ที่ช่วยให้ผู้โดยสารด้านหลังยืดออกได้ เบาะนวดสำหรับที่นั่งด้านหน้าเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกความสะดวกสบายตามความต้องการ
เบาะนั่งตอนที่ 2 แบบระดับเฟิร์สคลาส (First Class Seats) ปรับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า นวดได้ทั่วทั้งตัวเบาะเพิ่มความสะดวกสบายหรูหราในทุกสัมผัสเพิ่มที่วางเท้าเล็กๆ จากด้านหลังของเบาะหน้าได้ สามารถเลื่อนได้ 550 มิลลิเมตรและพับเบาะผู้โดยสารด้านหน้าไปข้างหน้าได้ ทำให้เกิดพื้นที่ว่างสูงสุดสำหรับเบาะแถว 2 มีปุ่มการทำงานทั้งปรับเสียง รวมถึงหมุนเบาะได้ 180 องศา สร้างบรรยากาศการนอนหลับที่สบายแบบ Zero Gravity
ตู้เย็นแบบเปิด-ปิดด้วยระบบเลื่อนพร้อมจอแสดงการทำงานของเบาะนั่ง ตู้เย็น และปรับระดับเสียง เบาะนั่งตอนที่ 3 พับเก็บได้และเลื่อนได้ 125 มิลลิเมตร พร้อมพื้นที่ด้านท้าย 281-300 ลิตร พับเบาะแล้วจะมีพื้นที่ถึง 1,050-1,070 ลิตร
และมีพื้นที่เก็บของใต้พื้นที่ด้านท้ายอีก 20 ลิตร พร้อมวัสดุหุ้มหนังให้เลือกทั้งแบบหนังกลับเทียม หนังเทียม และหนัง NAPPA ใช้เทคโนโลยี PVD ในการตกแต่งภายในเพื่อปกป้องสุขภาพของผู้ใช้ในขณะที่หลีกเลี่ยงมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และมีช่องเก็บของของถึง 42 ช่องพื้นที่เก็บของใต้ห้องเก็บสัมภาระที่ซ่อนอยู่ 20 ลิตร
ขุมพลังเป็นปลั๊กอินไฮบริดถึง 3 รูปแบบเริ่มที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร TD 190 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 2,000-3,000 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ Permanent magnet synchronous โดยมอเตอร์หน้าให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร และมอเตอร์หลัง 313 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน NMC ขนาด 44.85 kWh ให้กำลังร่วมกันถึง 721 แรงม้า แรงบิดรวม 1,000 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 220 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 212 กิโลเมตร (NEDC) วิ่งไกลทั้งระบบ 1,355 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 1,307 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ด้านรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 TD ลิตร 254 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,800 รอบต่อนาที โดยมีให้เลือกถึง 2 รุ่นเริ่มที่รุ่น มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ Permanent magnet synchronous โดยมอเตอร์หน้าให้กำลัง 167 แรงม้า แรงบิด 338 นิวตันเมตร และมอเตอร์หลัง 313 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน NMC ขนาด 52.38 kWh ให้กำลังร่วมกันถึง 734 แรงม้า แรงบิดรวม 1,038 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 280 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 270 กิโลเมตร (NEDC) วิ่งไกลทั้งระบบ 1,350 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 1,302 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และอีกรุ่นกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมอเตอร์หน้าให้กำลัง 167 แรงม้า แรงบิด 338 นิวตันเมตร และมอเตอร์หลังถึง 2 ตัวฝั่งละ 231 แรงม้า รวมกัน 462 แรงม้า แรงบิดฝั่งละ 280 นิวตันเมตรรวมกัน 560 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 52.38 kWh ให้กำลังร่วมกันถึง 884 แรงม้า แรงบิดรวม 1,248 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 268 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 259 กิโลเมตร (NEDC) วิ่งไกลทั้งระบบ 1,443 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 1,392 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทุกขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DHT Evo Electric ชาร์จทั้ง AC 6.6 kWและ DC 20-80% ภายใน 17 และ 26 นาทีพร้อมโหมดการับขี่ทั้ง Intelligent Hybrid, Pure Electric, Performance, Snow, Off-Road
ระบบช่วงล่างมาแบบถุงลม มาพร้อมระบบขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงจากระบบ G-Pilot H5 พร้อมชิป Nvidia Drive Orin-X คู่ในรุ่นเริ่มต้น ส่วนรุ่นท็อปใช้ระบบ G-Pilot H7 พร้อมโปรเซสเซอร์ Nvidia Drive Thor ตัวเดียว สามารถนำทางด้วยระบบอัตโนมัติ (NOA) บนทางหลวงและถนนในเมืองได้
ชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้ในขณะชะลอตัว Braking Energy Regeneration สามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของรถยนต์ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆได้หรือ Vehicle to load (V2L) พร้อมความปลอดภัยด้วย ADAS
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ช่วยเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- จดจำป้ายจราจร TSI (Traffic Sign recognition)
- เตือนผู้ขับขี่เมื่อรถเบี่ยงออกจากเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ช่วยเตือนรถเคลือนผ่านด้านหน้า FCTA (Front Cross Traffic Assist)
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- แจ้งเตือนการสตาร์ทรถ SGW (Front Car Start Reminder)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)
- แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหลัง CMSR (Collision Mitigation Support Rear)
- เตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมตรวจจับคนเดินถนน AEB (Autonomous Emergency Braking)
พร้อมออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้งเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ IBA (Intelligent Brake Assist)
ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist System) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) ป้องกันการพลิกคว่ำ ARP (Anti-Rolling Protection) ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ควบคุมการทรงตัว ESP (Electric Stability Program System)
ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยางแบบดิจิทัล D-TPMS (Digital Tire Pressure Monitor System) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
เสียงเตือนตรวจจับคนเดินถนนในความเร็วต่ำ LSPWS (low speed pedestrian warning sound) กล้องมองภาพรอบคันแบบ 3 มิติ 3D Digital Surround View Monitoring 360 องศาและ 540 องศาส่องใต้พื้นรถ กล้องบันทึกการขับขี่ Digital Video Record ถุงลมนิรภัยรอบคัน เตือนการคาดเข็มขัดหน้าหลัง ล็อคกันเด็กแบบไฟฟ้า กระจกไฟฟ้ากันหนีบทั้ง 4 บาน ปลดล็อคประตูฉุกเฉิน และปลดล็อคเมื่อเกิดการชน และถุงลมนิรภัย รอบคัน
เบื่องต้น LYNK & CO 900 เปิดขายจีนเริ่มต้น 289,900 YUAN 4 รุ่นย่อยหรือราว 1,335,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำ สีเงิน สีเทา สีน้ำเงิน และสีขาว
ที่มา CarNewsChina