นับตั้งแต่ MAZDA ส่งเอสยูวี MAZDA CX-5 เจนแรกเปิดขายในไทยตั้งแต่ปลายปี 2556 มาเจนที่สองจนปัจจุบันลูกค้าให้การตอบรับอย่างดีถึง 33,132 คันและยังเดินหน้าสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้งในฐานะรุ่นแรกของค่ายที่นำเสนอเทคโนโลยี SKYACTIV
ผนวกกับทางมาเลเซียได้ประกอบรุ่นปรับโฉมตั้งแต่ปีกลายและขายเมื่อต้นปี มีหรือที่ทางไทยจะพลาดพร้อมที่จะส่งมายังไทยเพื่อจำหน่ายสำหรับ MAZDA CX-5 ไมเนอร์เชนจ์
แม้จะปรับโฉมช้ากว่าตลาดโลกไป 3 ปีแต่ยังไงมาช้าดีไม่กว่าไม่มาหล่อใหม่เริ่มที่ตัวรถมาแบบ Color Key สีเดียวกับตัวรถทั้งคัน กระจังหน้าทรง Signature Wing ปีกซ้าย-ขวาของกรอบสั้นลงโดยตัวกรอบกระจังหน้าแบบโครเมียมออกแบบไส้ในของชุดกระจังหน้าใหม่ให้หลากหลายทั้งลายรังผึ้งสีดำตาข่ายแนวนอนและตาข่ายแนวตั้งไฟหน้าแบบ Dual-Beam LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED รูปตัวแอลแนวนอนตัดไฟตัดหมอกหน้า LED ออกไปกับกันชนหน้าออกแบบหรูหราภูมิฐาน
ด้านข้างหรูด้วยกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูนคิ้วโครเมียมที่กรอบกระจกพร้อมหลังคาซันรูฟเสริมคิ้วชายล่างของชุดกันชนตกแต่งสีดำด้านท้ายคงเดิมเปลี่ยนดีไซน์ไฟท้าย LED รูปตัวแอลแนวนอนโคมใหม่
กันชนหลังออกแบบแผงทับทิมให้อยู่ในตำแหน่งสูงขึ้นท่อไอเสียคู่เอกลักษณ์เด่นกันชนหลังออกแบบภูมิฐานมีเอกลักษณ์ล้ออัลลอยทั้งสองลายสองแบบตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/65R17 และขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R19
ภายในปรับออปชันเล็กน้อยทั้งช่องเสียบ USB แบบ Type-C เชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android แบบไร้สายได้ในชุดจอสัมผัสขนาดใหญ่แบบ Mazda Connect ขนาด 8.8 นิ้วลายไม้หลายแบบดีไซน์เท่ แผงควบคุมแอร์ ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ปุ่มปรับกระจกมองข้างพรีเมียมขึ้น
กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบ ระบบชาร์จมือถือไร้สาย ลำโพงคุณภาพ Bose รอบทิศทาง 10 จุด และลำโพงมาตรฐาน 6 จุด หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟส่องสว่างออกแบบใหม่ในหลายตำแหน่ง มาตรวัดแบบความเร็วแบบดิจิตอล TFT LCD ขนาด 4.6 กับ 7 นิ้ว
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า Head Up Display แบบ Windshield Active Driving Display ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนและเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
เบาะนั่งออกแบบโอบกระชับทุกการขับขี่พร้อมระบบระบายอากาศตำแหน่งเบาะนั่งคู่หน้า Seat Ventilation หุ้มหนังแท้เกรดคุณภาพแบบ NAPPA ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางด้านคนขับและ 6 ทิศทางด้านคนนั่ง บันทึกตำแหน่งเบาะฝั่งคนขับ เบาะนั่งหลังตอนที่สองปรับเอนได้และพับได้แบบ 40:20:40
เมืองไทยยังจำหน่าย 3 ขุมพลังจากตระกูล SKYACTIV ทั้งเบนซิน SKYACTIV-G Turbo 2.5 ลิตร รหัส PY-VPTS โดยให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที
ดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D มีระบบเทอร์โบแปรผันแบบ 2 ชั้นในรหัส SH-VPTS ขนาด 2.2 ลิตร 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาทีเบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร รหัส PE-VPS 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 210 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
พัฒนาให้การตอบสนองที่รวดเร็วกว่าทุกรอบความเร็วประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นโดยทุกขนาดความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด ให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าในรุ่น 2.0 กับ 2.2 ลิตร ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ i-Activ all-wheel drive มีเฉพาะรุ่น 2.2 ดีเซลและรุ่น 2.5 Turbo
พร้อมระบบโหมดการขับขี่ Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive) เพิ่มโหมด OFFROAD เข้าไปเพิ่มความเร้าใจลุยได้มั่นใจพร้อมพัฒนาเทคโนโลยี SKYACTIVปรับปรุงโครงสร้างตัวถังระบบกันสะเทือนและการเก็บเสียงให้เงียบยิ่งขึ้นและความปลอดภัยมาครบครันด้วยเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE
- ช่วยควบคุมความเร็ว พวงมาลัย เพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสม Cruising & Traffic Support (CTS)
- ปรับมุมลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติตามการเลี้ยวของรถ AFS (Adaptive front-lighting system)
- ปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ HBC (High Beam Control)
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring)
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System)
- ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS (Advanced Smart Brake Support)
- เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)
- ควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control) ปรับลดความเร็วลงตามความเร็วของรถคันหน้าและรักษาระยะห่างกับรถคันหน้าให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติแบบ Stop & Go
- ควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (CRUISING & TRAFFIC SUPPORT)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้งระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทางพร้อมมุมกล้องแบบ Top View กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลังควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC (Dynamic Stability Control) กระจกมองหลังระบบตัดแสงอัตโนมัติ ช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist) สัญญาณไฟกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกรถในภาวะฉุกเฉิน ESS (Emergency Signal System) ระบบเบรก ABS พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ มีระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD และถุงลมนิรภัยรอบคันรวม 6 จุด
จากยอดขายทั่วโลกมากถึง 4.6 ล้านคันเตรียมขายเมืองไทยช่วงปลายปีนี้คาดทันเข้างาน Motor Expo 2024 พฤศจิกายนนี้โดยประกอบที่โรงงาน INOKOM Plant เมือง Kulim รัฐ Kedah ประเทศมาเลเซีย