ช่วงครึ่งปีหลังนี้ ตลาดรถยนต์เมืองไทยมีทีท่าที่จะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งถึงแม้สถานการณ์ชิปและแบตลิเธียมขาดแคลนยังดำเนินต่อไป
นอกจากค่ายรถยนต์ชั้นนำที่จะเปิดตัวรุ่นใหม่ทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาป เครื่องยนต์ลูกผสมทั้ง ไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด มายด์ไฮบริดและไฟฟ้าล้วนแล้ว ค่ายรถยนต์น้องใหม่จากแดนมังกรที่เตรียมจะเข้าทำตลาดนั้นก็พร้อมแล้วที่จะลงมาถล่มคู่แข่งแบบเต็มพิกัดและยิ่งมีช่วงมาตรการส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าจากภาครัฐที่ให้ส่วนลดให้ภาษีที่ถูกกว่าเดิมยิ่งเป็นใบเบิกทางให้ค่ายรถยนต์กระโจนเข้าสู่ตลาดรถไฟฟ้าแข่งกันอย่างดุเดือด มีทางเลือกให้กับผู้ใช้รถชาวไทยมากขึ้นโดยครั้งนี้ Car2Day จึงนำสองรถไฟฟ้าดาวรุ่งจากเมืองจีนที่รุ่นหนึ่งเตรียมจะเปิดราคาจำหน่ายในเดือน กรกฏาคม นั่นคือ NETA V และอีกหนึ่งรุ่นที่ทางบริษัท BYD จากเมืองจีนจับมือกับทางผู้คร่ำหวอดในวงการรถยนต์เมืองไทยทำตลาดจากค่าย BYD นั่นคือ BYD Dolphin มา Face2Face ประกอบการตัดสินใจกัน
สองรุ่นมาในแบบทรงท้ายตัด Hatchback Sub Compact
สองรถยนต์ไฟฟ้าจากเมืองจีนเริ่มที่ NETA V มาในร่างท้ายตัด 5 ประตู แบบยกสูง สร้างจากพื้นฐาน HPC Platform จุดเด่นที่หลังคาทรงสูงทัศนวิสัยมองชัดเจน ล้ออัลลอยลายเท่ 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/65R16 หล่อด้วยไฟหน้าฮาโลเจน และ ไฟ DRL LED ในโคมเดียวกัน แบบ Hawk-eye Laser และมิติตัวรถที่กะทัดรัดตั้งแต่ความยาว 4,070 มม. ความกว้าง 1,690 มม. ความสูง 1,540 มม. ฐานล้อ 2,420 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 130 มม. และน้ำหนักรถ 1,151 กก.
ทางด้าน BYD Dolphin เป็นรุ่นแรก จัดเป็นทรงท้ายตัด 5 ประตูเช่นเดียวกับ NETA V แต่มาในรูปแบบสวยน่ารักภายใต้แนวคิด X Dream Concept สร้างขึ้นจากแพลตฟอร์ม BYD e-platform 3.0 ด้วยหน้าตาที่ทันสมัยด้วยสีทูโทนกับมิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,150 มม. ความกว้าง 1,770 มม. ความสูง 1,570 มม. ฐานล้อ 2,700 มม. น้ำหนักรถ 1,450 กก.
โดยรถทั้งสองรุ่นมีมิติตัวรถที่ต่างกันโดย BYD Dolphin ได้เปรียบทุกด้านในเรื่องมิติตัวรถตั้งแต่ ความยาว BYD Dolphin ยาวกว่า NETA V 80 มม. ความกว้าง Dolphin กว้างกว่า 80 มม. ความสูง Dolphin สูงกว่า 30 มม. ฐานล้อยาวกว่า NETA V 280 มม. และน้ำหนักรถมากกว่า NETA V 299 กก.
ภายในดีเลิศทั้งคู่
โดย NETA V สบายแบบ 5 ที่นั่ง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง จอสัมผัสขนาดใหญ่แนวตั้ง 14.6 นิ้ว รองรับคำสั่งภาษาไทย ที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็กว้างจุใจ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 2 ก้าน มาตรวัดดิจิทัลขนาดเล็กแต่มองชัดเจน ทางด้าน BYD Dolphin ก็ 5 ที่นั่งเช่นกันแต่ด้วยมิติตัวรถที่ใหญ่กว่า NETA V ดูเหมือนว่าจะให้ความสบายกว่าพร้อมออปชั่นประจำรถครบครันทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสามก้าน จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.8 นิ้ว หมุนจอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เชื่อมต่อ Apple Car Play Android Auto และ DAB digital radio พร้อมลำโพงมาตรฐาน 8 จุด ที่ชาร์จมือถือไร้สาย มาตรวัดดิจิทัล 5 นิ้ว คาดว่ายกชุดมาจากเพื่อนในค่ายอย่าง BYD Atto 3 EV
ขุมพลังไฟฟ้าเด่นคนละแบบ
NETA V มาพร้อมไฟฟ้าล้วนด้วยความจุแบตเตอรี่คงเดิม Ternary Lithium Battery 38.54 kWh ให้กำลังมากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 160 นิวตันเมตร โดยวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 380 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 100-130 กม./ชม.ขึ้นกับโหมดการใช้งาน (ความเร็วสูงสุดตามข้อมูลโรงงาน 101 กม./ชม.) พร้อมการชาร์จปกติแบบ AC 0-100% ได้ 8 ชั่วโมงและชาร์จเร็ว DC 30-80% ได้ประมาณ 30 นาที และอัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ทำได้ 3.9 วินาที ขับเคลื่อนล้อหน้า เด่นด้วยฟังก์ชั่นการปล่อยไฟฟ้าภายนอก V2L (Vehicle to Load) ที่สามารถจ่ายไฟจากตัวรถได้ 3.3 kW เพื่อให้คุณสนุกทุกกิจกรรม Smart EV ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่อัตราเร่งดี ระยะการขับขี่ได้ไกล และมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครัน
ทางด้าน BYD Dolphin มีขุมพลังไฟฟ้าล้วนประจำรถที่หลากหลายความแรง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ permanent magnet synchronous motor ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นที่มีพลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ขนาด 30.7 kWh แบบ BYD Blade Battery(LFP) วิ่งไกลสุด 301 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า
ส่วนอีกรุ่นเพิ่มความจุแบตเป็น 44.9 kWh พลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 405 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้าและรุ่นท็อปสุดความจุแบตเท่ากัน (44.9 kWh) แต่ให้พลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากสุด 177 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 401 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า ทั้งสามรุ่นสามารถชาร์จได้ทั้งชาร์จช้า AC AC charging (on-board) รองรับสูงสุด7 kW ส่วนชาร์จเร็ว DC fast charging ใช้เวลา 30 นาที ในการชาร์จจาก 30-80% รองรับสูงสุด 60 kW แต่รุ่นเริ่มต้นนั้น รองรับสูงสุด 40 kW แต่ชาร์จเร็วได้ 30 นาทีในการชาร์จจาก 30-80%
สำหรับ NETA V เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 กรกฎาคม โดยมาทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวไวท์สตรอม, สีเทา, สีฟ้าเซรามิก, สีฟ้าคราม, สีชมพูซากุระ แถมมีการปรับเซตช่วงล่าง ปรับปรุง Software ภายในรถให้ลงตัวขึ้น โดยตั้งเป้าขายไว้ที่ 2,000 คัน โดยถ้า NETA ได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าจากทางภาครัฐอาจได้เห็นค่าตัวราวๆ 5-6 แสนบาท ส่วน BYD Dolphin เข้าไทยปลายปีนี้ โดยรายละเอียดอาจเผยในช่วงนั้น ใครจอง NETA V ไปแล้วก็ขอแสดงความยินดีที่ได้รุ่นใหม่มาใช้โดย NETA มีรถพร้อมส่งทันที 2,000 คันภายในปีนี้ แต่ถ้าไม่ยังไม่รีบและรอดู BYD Dolphin ก็สามารถรอได้เพราะช่วงนั้นอาจมีรุ่นใหม่กว่ามาเทียบกันให้สนุกสนานกันทีเดียว
