ตลาดมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ต้นปีมานี้เรียกได้ว่ามีการเปิดตัวมาแล้วหลากหลายรุ่น ตั้งแต่รถเล็ก ไปจนถึงบิ๊กไบค์ และในงาน Motor Expo 2024 ที่ใกล้จะถึงนี้ จะมีรุ่นไหนบ้างที่คาดว่าจะเปิดตัวมาดูกันได้เลย
1. Honda Forza 750
Honda Forza 750 บิ๊กสกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมียมที่เปิดตัวอัปเดทโฉมกันไปเมื่อไม่นานนี้ และมีกระแสข่าวลือว่าบิ๊กสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้กำลังเตรียมที่จะเปิดตัวขายที่ประเทศไทยในเร็วๆ นี้ สำหรับการออกแบบภายนอกมีการปรับเปลี่ยนที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าเน้นการออกแบบที่ดูเป็นเหลี่ยมสันมากขึ้น โดดเด่นด้วยไฟหน้าคู่รูปแบบใหม่ พร้อม Daytime Running Light กับไฟเลี้ยวในชุดเดียวกัน
ด้านขุมกำลัง Forza 750 ใหม่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 745 ซึ.ซี. SOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 58.6 แรงม้า ที่ 6,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 69 นิวตันเมตร ที่ 4,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ DCT 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยโซ่ พร้อมระบบคันเร่งไฟฟ้า และโหมดการขับขี่ 4 โหมด Standard, Sport, Rain และ User
2. Suzuki GSX-S1000GX
Suzuki GSX-S1000GX บิ๊กไบค์แบบครอสโอเวอร์ที่เชื่อมช่องว่างระหว่างรถสปอร์ตทัวเรอร์และรถมอเตอร์ไซค์แนวผจญภัยว่างระหว่าง GSX-S1000GT และ V-Strom 1050 โดยนำเสนอเครื่องยนต์ระดับซูเปอร์ไบค์พร้อมแชสซี ระบบกันสะเทือน ระยะห่างจากพื้นที่สูงขึ้น และตำแหน่งการขับขี่แบบหลังตรง สำหรับการออกทริปเดินทางไกล
GSX-S1000GX มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี แบบ DOHC 4 สูบ ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด แบบเดียวกับที่มาจาก GSX-R โดยทาง ซูซุกิ เคลมไว้ว่ามีกำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 11,000 รอบต่อนาทีและแรงบิด 106 Nm ที่ 9,250 รอบต่อนาที ระบบ Suzuki Clutch Assist System และควิกชิพเตอร์ เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
3. Zontes 368G
Zontes 368G สกูตเตอร์สายลุยที่คาดว่ามีการเตรียมเปิดตัวในประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้ ที่งาน Motor Expo 2024 ซึ่งตัวรถจะมาพร้อมกับการออกแบบในสไตล์ของแอดเวนเจอร์สกู๊ตเตอร์ที่พร้อมจะลุยกับทุกสภาพถนนไม่ว่าจะเป็นทางเลียบ หรือทางดิน ตัวรถมาพร้อมกับโช้คอัพแบบหัวกลับ และด้านหลังโช้คอัพแบบสปริงคู่พร้อมซับแทงค์ ชุดล้อแบบซี่ลวดทั้งหน้าและหลัง ขนาดล้อหน้าอยู่ที่ 110/70-17 และล้อหลังอยู่ที่ 150/70-14
สำหรับสเปคเครื่องยนต์ใช้เป็น เครื่องยนต์ขนาด 368 ซี.ซี. สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีพละกำลังอยู่ที่ 38 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิด 40 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที ขนาดความจุถังน้ำมันขนาด 17.5 ลิตร และมีน้ำหนักตัวรถ 198 กิโลกรัม
4. Yamaha NMax Turbo
Yamaha NMax สกู๊ตเตอร์รุ่นยอดฮิตของไทยเปิดตัวอัปเดทโฉม และสมรรถนะใหม่ โดยได้รับการปรับเปลี่ยนภายนอกใหม่ส่วนของไฟหน้าและไฟเลี้ยวดีไซน์เหมือนรูปตัว M โดยส่วนของไฟหลักจะเป็นไฟ LED โปรเจคเตอร์สองดวง มีไฟ DRL เป็นเส้นตรง และขนาบข้างด้วยไฟเลี้ยว LED ส่วนของด้านท้ายก็ปรับเปลี่ยนใหม่แยกชัดเจนระหว่างไฟท้ายกับไฟเลี้ยว พร้อมฟังก์ชั่น มาตรวัดความเร็วแบบ Full LCD ดีไซน์ใหม่ และหน้าจอสี TFT แสดงระบบนำทางโดยแอป Garmin Street Cross
ส่วนขุมพลังป็นจุดเด่นสำคัญของ All New Yamaha NMax เลยก็ว่าได้เพราะมาพร้อมกับการอัปเดทใหม่เป็นเครื่องยนต์ Blue Core 155 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลังสูงสุด 15.36 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.2 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA ซึ่งมาควบคู่กับเทคโนโลยี Yamaha Electric CVT (YECVT) มาเสริมความเป็นสปอร์ตมากขึ้นด้วยการให้ความรู้สึกการขับขี่แบบเทอร์โบ พร้อมด้วย Turbo Y-Shift ที่จะมอบประสบการณ์การเร่งความเร็วด้วย 3 ระดับ กับโหมดการขับขี่ 2 โหมด คือ T Mode: Town Commuting และ S Mode: Sport Touring
5. Harley-Davidson X440
Harley-Davidson X440 โรดสเตอร์อเมริกันคลาสสิกระดับเริ่มต้นที่จะมาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ Triumph speed 400 และ Royal Enfield Classic 350 โดยการออกแบบมาพร้อมกับแฮนด์บาร์ที่ง่ายต่อการควบคุม โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้า ไฟเลี้ยว ทรงกลม และไฟท้ายเป็นทรงแคปซูล ระบกันสะเทือนใช้เป็นโช้คอัพหน้า Up Side Down จาก KYB ขนาด 43 มม. และด้านหลังเป็นโช้คอัพสปริงคู่แบบมีซับแทงก์ ปรับค่าพรีโหลดได้ 7 ระดับ ระบบเบรกดิสก์เบรกหน้า/หลัง พร้อมด้วยระบบเบรก ABS แบบ Dual Channel อยู่คู่กับวงล้อหน้าขนาด 18 นิ้ว และล้อหลัง 17 นิ้ว
ส่วนสมรรถนะะเป็นเครื่องยนต์สูบเดี่ยว ขนาด 440 ซี.ซี. 4 จังหวะแบบ SOHC 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน ให้พละกำลัง 27 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 38 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ 6 สปีด และตอบสนองอัตราเร่งที่รวดเร็วผ่านระบบคันเร่งไฟฟ้า Ride by Wire
6. Royal Enfield Bear 650
Royal Enfield Bear 650 มอเตอร์ไซค์คลาสสิกรุ่นใหม่ ที่มีสไตล์ออกแบบมาในรูปลักษณ์สแครมเบลอร์อันโดดเด่น จากแรงบันดาลใจของการแข่งขัน Big Bear Run ในปี 1960 ถูกสร้างขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจและการควบคุมให้ผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง
สำหรับขุมพลัง Bear 650 ขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์มเครื่องยนต์ 650-Twin ที่มีความโดดเด่นเรื่องความนุ่มนวล โดยให้กำลังสูงสุด 47 แรงม้า ที่ 7,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 56.5 นิวตันเมตรที่ 5,150 รอบต่อนาที และระบบไอเสียเป็นแบบ 2 ออก 1 ซึ่งเป็นนวัตกรรมช่วยเพิ่มแรงบิดและมอบพาวเวอร์แบนด์ที่กว้างขึ้น ในขณะที่ท่อไอเสียเดี่ยวมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาและเพิ่มความโดดเด่นในแบบของรถสแครมเบลอร์ได้อย่างดี
7. Yamaha TMAX Tech Max
Yamaha TMAX Tech Max สุดยอดแม็กซี่สกู๊ตเตอร์ตัวท็อปเวอร์ชัั่นปี 2025 มาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ให้มีความสปอร์ตมากขึ้น และเสริมด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาตอบโจทย์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม การออกแบบ รุ่นล่าสุดของรถรุ่นนี้มีด้านหน้าที่ออกแบบใหม่ซึ่งเน้นย้ำถึงรูปลักษณ์ที่สวยงาม และมีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชุดไฟแบบคู่ใหม่ ทีมีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ตัวถังด้านหน้าที่ออกแบบใหม่ ทำให้รถรุ่นนี้มีขนาดกะทัดรัดและสปอร์ตมากขึ้น
ด้านเครื่องยนต์ยังคงใช้เป็น เครื่องยนต์ขนาด 562 ซี.ซี. สองสูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวล และทรงพลัง โดยมีพละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 46.9 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงถึง 55 นิวตันเมตร ที่ 5,250 รอบต่อนาที นอกจากนี้การออกแบบระบบไอเสียที่ได้รับการปรับปรุงล่าสุดเป็นไปตามมาตรฐาน EURO5+ และยังได้อัปเดทคลัตช์แรงเหวี่ยงที่ออกแบบใหม่ช่วยให้การเร่งความเร็วทำได้ราบรื่นยิ่งขึ้น และมีการทำงานที่รอบต่ำที่เงียบกว่าเดิม
8. Honda Transalp 750
Honda Transalp 750 แม้ว่าจะเปิดตัวในประเทศไทยไปได้ไม่นาน แต่สำหรับเวอร์ชั่นปี 2025 ได้มีการอัปเดทโฉมใหม่ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้ โดยในจุดที่เปลี่ยนแปลงไปคือในส่วงของไฟหน้าที่ปรับใหม่ให้เป็นรูปแบบของไฟหน้าคู่ ที่รวมทั้งไฟสูงและไฟต่ำเอาไว้ในชุดเดียวกัน อีกทั้งยังมีการปรับชิลด์บังลมหน้าใหม่ที่มาจัดการกับอากาศพลศาสตร์ หรือ แอโรไดนามิกได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ในส่วนของขุมพลังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก และยังคงใช้เป็นเครื่องยนต์ขนาด 755 ซี.ซี. 2 สูบเรียง เกียร์ 6 สปีด พละกำลังสูงสุด 91.8 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด แรงบิดสูงสุด 75 นิวตันเมตรที่ 7,250 รอบต่อนาที พร้อมด้วยคันเร่งไฟฟ้า Throttle By Wire (TBW) ที่ช่วยให้ควบคุมได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนตัวแคตาไลติค เพิ่มอ็อกซิเจนเซนเซอร์ รองรับมาตรฐานไอเสีย Euro5+
9. Honda CB1000 Hornet
Honda CB1000 Hornet เน็กเก็ตสายสตรีท ขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบ ส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ปี 2025 ซึ่งจะมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูดุดัน และน่าเกรงขาม โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ปีกข้างบนถังน้ำมันเชื้อเพลิง และไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED คู่ขนาดกะทัดรัด ตัวถังถูกออกแบบให้มีความเฉียบคมแบบสปอร์ต
ด้านขุมพลัง CB1000 Hornet ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่ที่ได้รับการอัปเดทมาจาก CBR1000RR Fireblade ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงขนาด 1,000 ซี.ซี. DOHC ระบายความร้อนด้วยของเหลว ซึ่งให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 11,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 104 นิวตันเมตรที่ 9,000 รอบต่อนาที ส่วนช่วงล่างใช้เป็นโช้คอัพหน้าหัวกลับ SHOWA SFF-BP ขนาด 41มม. และโช้คอัพหลัง SHOWA แบบ Prolink ส่วนระบบเบรก เบรกหน้าแบบมาตรฐานใช้เบรก Nissin 4 พอต ดิสก์เบรกคู่ 310 มม. และด้านหลังเป็น ดิสก์เบรก ขนาด 240มม. คาลิเปอร์ 2 พอต
10. Triumph Speed Twin 900
Triumph Speed Twin 900 เวอร์ชั่นปี 2025 มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้น โดยเริ่มจากการออกแบบถังน้ำมันแบบใหม่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น มีไฟหน้า LED ใหม่พร้อมไฟ DRL ฝังในตัว มีบังโคลน และท่อไอเสียที่สั้นลงกว่าเดิม นอกจากนี้ในด้านมิติตัวรถ ความสูงของเบาะนั่งยังเพิ่มขึ้นจาก 765 มม. เป็น 780 มม. และทางแบรนด์ยังได้นำเสนอความสูงเบาะนั่ง 760 มม. เป็นตัวเลือกเสริมอีกด้วย
ขุมพลังใช้เป็นเครื่องยนต์ Bonneville ขนาด 900 ซี.ซี. ระบายความร้อนด้วยของเหลว 2 สูบเรียง ให้กำลัง 65 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิด 80 นิวตันเมตร ที่ 3,800 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์ 5 สปีด ส่วนช่วงล่างใช้โช้คอัพหน้าหัวกลับ Marzocchi แบบใหม่ ซึ่งมาแทนที่โช้คแบบเทเลสโคปิกของรุ่นเก่า ส่วนด้านหลังก็มีโช้คอัพคู่ Marzocchi แบบใหม่เช่นกัน นอกจากนี้ ระบบเบรกยังได้รับการปรับปรุงด้วยการเพิ่มดิสก์เบรกขนาด 320 มม. ใหม่พร้อมคาลิปเปอร์แบบเรเดียลที่ด้านหน้า ส่วนวงล้อใช้ล้อหน้าขนาด 18 นิ้วและล้อหลังขนาด 17 นิ้ว
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียง 10 รุ่นมอเตอร์ไซค์น่าสนใจที่คาดว่าจะเปิดตัวในประเทศไทยที่งาน Motor Expo 2024 และจะเข้ามาตามทำตลาดครบทุกรุ่นหรือไม่นั้นคงต้องติดตามอัปเดทกันอีกครั้งในปลายเดือนนี้ !
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook :Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day