ถ้าจะกล่าวถึงค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่มีคุณภาพเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในจีนและทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรปนั้นก็คงหนีไม่พ้น NIO
ล่าสุดกับยานยนต์ไฟฟ้าลำดับที่สามในร่างรถเอสยูวีนั่นก็คือ NIO ES7 มาคั่นกลางระหว่างรุ่น NIO ES6 และ NIO ES8 โดยได้รับอิทธิพลการออกแบบในสไตล์ Design for AD ด้านหน้าหล่อคล้ายๆกับเก๋ง NIO ET5 กับ NIO ET7 เริ่มจากชุดกันชนหน้าทรงทึบไร้กระจังหน้าพร้อมชุดไฟหน้า LED ทรงตั้ง โดยส่วนล่างเป็นช่องระบายอากาศสีดำติดคิ้วเสริมกันชนหน้าสีเงิน โดยส่วนบนนั้นดีไซน์ฝากระโปรงลงตัวพร้อมโลโก้ NIO ประกบด้วยไฟส่องสว่าง Daytime LED แบบคู่ double-dash กระจกหน้ารถแบบลามิเนตกันเสียงรบกวน ด้านข้างโดดเด่นด้วยที่เปิดประตูดีไซน์ฝังเรียบพร้อมดีไซน์หลังคารถแบบสปอร์ต ด้านท้ายเท่เด่นด้วยดีไซน์แบบ “air wing”พร้อมไฟท้าย LED แนวยาวพาดขวางทับทั้งฝาประกอบด้วยโมดูล LED ตัดด้วยคริสตัล 202 โมดูล และล้ออัลลอยให้เลือกทั้งขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 255/55R19, ขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 255/50R20,และ 21 นิ้วพร้อมยาง 265/45R21
ตัวรถมาในแบบเอสยูวีขนาดกลางมีความยาว 4,912 มม. ความกว้าง 1,987 มม. ความสูง 1,720 มม. ฐานล้อ 2,960 มม.
ภายในหรูหราสไตล์ second living room เปรียบเสมือนห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่ มาพร้อมระบบ Pano Cinema โดยใช้แว่นตา Augmented Reality พัฒนาพิเศษไว้สำหรับฉายหน้าจอขนาด 201 นิ้ว ระยะห่าง 6 เมตร พร้อมออพชั่นเด่นด้วยมาตรวัดดิจิตอลขนาดเล็ก ระบบความบันเทิงแบบจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.8 นิ้วแบบ AMOLED จอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้า Head Up Display พร้อมน้อง NOMI ผู้ช่วยที่แสนดีอยู่บนแผงคอนโซลหน้าโดยมีดวงตาดดิจิตอลไว้สำหรับมองและสั่งการระหว่างคนขับและตัวน้อง NOMI คอนโซลกลางรายล้อมด้วยที่ท้าวแขน ที่วางแก้วและที่ชาร์จมือถือไร้สาย มาพร้อมลพโพงคุณภาพ Dolby Atmos ไฟสร้างบรรยากาศ Ambience Light 256 สี เบาะนั่งหนัง Nappa สามารถสั่งโทนสีแทน Coffee Shell เบาะคู่หน้า-หลังคู่ปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบอุ่นเบาะ ระบายอากาศ นวดได้ และปรับความร้อนในส่วนเบาะหลังโดยเบาะหลังที่ปรับไฟฟ้าปรับเอนได้ตั้งแต่ 23 ถึง 31 องศา ลายไม้ Karunn
ขุมพลังไฟฟ้ามาพร้อมมอเตอร์คู่ขับหน้าและหลัง AWD โดยให้กำลังมากถึง 644 แรงม้า หรือ 653 แรงม้าในหมวด PS แรงบิด 850 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. สุดต่ำ 4 วิ เพียง 3.9 วินาทีเมื่อขับขี่ในโหมด Sport+ ด้านความจุแบตเตอรี่นั้นแบ่งเป็นสามรูปแบบเริ่มที่รุ่นเริ่มต้น 75 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่ง 485 กม. รุ่นกลาง 100 kWh ไกลสุด 620 กม. และท็อปสุด 150 kWh ไกลสุด 850 กม. ช่วงล่างโดดเด่นด้วยระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ดิสก์เบรก 4 ล้อ ล้อหน้ามาแบบคาลิปเปอร์สี่ลูกสูบจาก Brembo แถมกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 เพื่อความสมดุลในการขับขี่ที่สามารถเลือกโหมดได้ถึง 10 โหมดได้แก่ Sport+, Sport, Comfort, Eco, Custom, Snow, Sand, Wet, Easy Pass Through และ Trailer
แถมยังเป็น V2L สามารถชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าสูงถึง 3.3 kW ในการใช้งานทั้ง เครื่องชงกาแฟ ลำโพงพกพา หรือตู้เย็นขนาดเล็ก พร้อมโหมด Camping ควบคุมสภาพอากาศ เพื่อให้นอนหลับสบายทั้งคืนแม้นอนอยู่ในรถแถมลากจูงได้ถึง 2,000 กก.และระบบความปลอดภัยทั้งคันแบบตรวจจับ 33 จุด รวมถึงระบบ Liadr ระยะไกลพิเศษประกอบด้วยกล้องชัดละเอียดสูง 8 ล้านพิกเซล 7ตัว กล้องไวต่อแสง 3 ล้านพิกเซล 4 ตัว เรดาห์จับสัญญาณคลื่น 5 ตัว และเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ทั้งหมดเป็นส่วนประกอบของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่หรือ ADAS
NIO ES7 ขายจริงที่เมืองจีน โดยมีราคาเริ่มต้น ¥468,000- ¥526,000 หรือราว 2,457,000- 2,761,000 บาท สามารถรับจองล่วงหน้าผ่านทางแอพและส่งมอบที่เมืองจีนตั้งแต่ 28 สิงหาคมเป็นต้นไป
ที่มา Carscoops และ Topelectricsuv