พึ่งจะเปิดตัวรุ่นปี 2025 พร้อมปรับขุมพลังใหม่ให้แรงและราคาใหม่ที่เร้าใจกว่าเดิมสำหรับ OMODA C5 EV ในราคาเริ่มต้น 6 แสนปลายๆ
แต่ว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ OMODA C5 EV จะเผยรุ่นไมเนอร์เชนจ์หน้าใหม่ออกขายพร้อมกับเพิ่มทางเลือกด้วยรุ่นฟูลไฮบริดออกขายในไทยโดยเป็น 1 ใน 15 รุ่นของค่าย CHERY OMODA&JAECOO ภายใน 2 ปี
หน้าตาใหม่คาดว่าถอดแบบจากรุ่นปรับโฉมที่เปิดตัวทั่วโลกเมื่อมีนาคมที่ผ่านมาเป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 3 ปี เริ่มที่ด้านหน้าชุดกระจังหน้าใหม่ทรงสีเหลี่ยมลายเกร็ด 3 มิติ กันชนหน้าใหม่ออกแบบช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมให้ใหญ่ขึ้น ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 215/60 R17และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R18 นอกนั้นคงเดิมทั้ง
ฝากระโปรงหน้าล้อมด้วยขอบไฟ DRL LED ซ้าย-ขวาโอบรับกับตัวรถถัดลงมาเป็นไฟหน้าแบบ LED matrix แนวตั้งซ้าย-ขวา หลังคารถออกแบบอย่างเฉียบขาดเทียบชั้นรถยุโรปพร้อมไฟท้าย LED แนวยาวแบบวิ่ง Sequential ไฟส่องสว่างพื้นใต้กระจกมองข้าง หลังคาซันรูฟ ราวหลังคาและขอบประตูสีดำเงา
ภายในยังคงเดิมด้วยจอขนาดใหญ่ 2 จอที่รวมกัน 24.6 นิ้ว มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว และจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบ Dual Screen รองรับ Apple CarPlay กับ Android Auto ประมวลผลเร็วผ่าน Qualcomm 8155 ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจรีโมท Keyless Entry สามารถล็อกและปลดล็อกรถอัตโนมัติเพียงเดินเข้าใกล้หรือเดินออกจากรถในระยะไกล
มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light มากถึง 64 สี เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา กันฝุ่น PM 2.5 เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลังการชาร์จ 50W ลำโพงคุณภาพจาก SONY 8 จุด
เบาะนั่งหุ้มวัสดุกึ่งหนังแท้ด้านคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง คนนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง สามารถพับได้ในส่วนของเบาะหลัง 60:40 โดยความจุด้านท้ายรถมากถึง 380 ลิตรกระจกคู่หน้าแบบลดเสียงรบกวนภายนอก พร้อม Privacy Glass และระบบอุ่นเบาะ ปรับระดับที่เก็บสัมภาระท้ายให้ต่ำลงจากรุ่นเดิมโดยเมื่อปรับระดับพื้นที่ให้ต่ำลงเหลือ 432 ลิตร และมาตรฐาน 380 ลิตร
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนมีการปรับกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ Permanent magnet synchronous reluctance motor ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุแบตเตอรี่ Lithium iron phosphate 61 kWh ที่ให้กำลังมากขึ้นเป็น 211 แรงม้า แรงบิด 288 นิวตันเมตรจากเดิม 204 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตรวิ่งไกลสุด 505 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 172 กิโลเมตรต่อชั่วโมงให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 7.2 วินาที
พร้อมเทคโนโลยี EIC ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของยานพาหนะได้อย่างมาก การใช้พลังงานต่ำมากเพียง 15 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร ชาร์จสองรูปแบบทั้งชาร์จกระแสสลับหรือช้า AC รองรับสูงสุด 9.9 kW ภายในเวลา 6-7 ชั่วโมง และชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 80 Kw ภายใน 28 นาที ได้ 30-80%
พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้ง ECO Normal และ Sport ให้ทุกกิจกรรมสนุกสนานโดยไร้ข้อจํากัดด้วย V2L (Vehicle-to-load) ทำให้มีพลังงานไฟฟ้าพร้อมใช้งาน และอำนวยความสะดวกต่อความต้องการพลังงานไฟฟ้าของผู้ใช้ ขนาด 3.3 kWพร้อมช่วงอิสระ 4 ล้อ ด้านหลังแบบมัลติลิงค์
นอกจากนี้ยังมีรุ่นฟูลไฮบริดคาดนำพื้นฐานของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร รหัส SQRE4T15C 230T ให้กำลัง 147 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 210 นิวตันเมตรที่ 1,750–4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเข้ามาเสริมกำลังให้แรงขึ้นคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ DCT 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง Eco / Normal / Sport
และความปลอดภัย Safety มาพร้อมระบบช่วยผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) มากถึง 17 ระบบ โดย OMODA C5 รุ่นปรับโฉมทั้งรุ่นอีวีล้วนและรุ่นฟูลไฮบริดเตรียมเปิดตัวและขายไทยช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้