More

    RIDDARA RD6 จากโรงงานเมืองจีน กำลังการผลิตแสนคัน มาไทยตุลาคม

    ในที่สุดเมืองไทยต้อนรับแบรนด์รถน้องใหม่จากเมืองจีนอย่าง RIDDARA ในเครือ GEELY ประเดิมส่งกระบะไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายอย่าง RIDDARA RD6 

    RIDDARAก่อนที่จะรู้จักกับกระบะไร้กระดูกพลังอีวีอย่าง RIDDARA RD6 มาทำความรู้จักกับสถานที่ให้กำเนิดของเจ้ากระบะรุ่นนี้ไกลถึงเมืองจีนที่โรงงานอัจฉริยะ Radar Zibo Smart  ตั้งอยู่ที่มณฑลซานตง 

    ข้อมูลโรงงาน Information

    RIDDARA

    ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 595,333 ตารางเมตร มีมูลค่าการลงทุนรวม 15,300 ล้านหยวน หรือ ประมาณ 76,500 ล้านบาท เปิดไลน์การผลิตครั้งแรกเมื่อปลายปี 2022 และเริ่มส่งออกไปยังประเทศพวงมาลัยซ้ายช่วงกลางปี 2023 ด้วยกำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี หรือ 25 คันต่อชั่วโมงหรือ 250 คันต่อหนึ่งวันโดยเทคโนโลยีสายการผลิตของโรงงานอัจฉริยะแห่งนี้ มีการใช้ระบบข้อมูลการผลิตอัจฉริยะขั้นสูงในระดับสากล

    หุ่นยนต์ผลิตสามารถระบุแบบจำลองต่างๆ โดยอัตโนมัติ และประกอบชิ้นส่วนเองโดยอัตโนมัติ อุปกรณ์หลักมีอัตราการควบคุมเชิงตัวเลขสูงถึง 97% อัตราการใช้ประโยชน์ของอุปกรณ์โดยรวมสูงกว่า 90% และอัตราการเก็บข้อมูลของกระบวนการผลิตทั้งหมดอยู่ที่ 100%

    ภายนอกโรงงาน Outside Factory

    RIDDARAมีสนามทดสอบรถยนต์ครบวงจรที่รวมการทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์ การทดสอบการนั่งโดยสาร การทดสอบระบบไฟฟ้าอัจฉริยะและการทดสอบคุณสมบัติการขับขี่แบบออฟโรดโดยมีความยาว 2.5 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยส่วนทดสอบที่แตกต่างกันถึง 21 แบบทดสอบ โดยออกแบบตามสถานการณ์การใช้งานจริง เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของรถยนต์ที่ออกจากโรงงาน และมุ่งเน้นการรักษาความปลอดภัยและประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น

    ทั้งนี้การทดสอบส่วนต่างๆ เช่น สภาพถนนทดสอบการบิดตัวของช่วงล่างและโครงสร้าง, สภาพถนนทดสอบการเสถียรภาพระบบกันสะเทือนและการยึดเกาะและถนนที่มีฝาปิดท่อ ใช้สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพการขับขี่แบบดั้งเดิม นอกจากนี้ ยังมีส่วนทดสอบสมรรถนะอีก 10 แบบ เช่น ถนนลุยน้ำ พื้นที่จอดรถอัตโนมัติ ระบบเซนเซอร์ต่างๆ และอื่นๆ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติทางด้านการขับขี่อัจฉริยะของระบบพลังงานไฟฟ้า 100%

    RIDDARAมีฝ่ายตรวจสอบสภาพรถยนต์ (Inspection Workshop) ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบการทดสอบรถกระบะแบบดั้งเดิม ฝ่ายตรวจสอบแห่งนี้มีการจำลองแบบเต็มรูปแบบของสภาพอากาศ ตั้งแต่ฝนตกเล็กน้อยไปจนถึงฝนตกหนักมาก รวมถึงเซนเซอร์การตรวจจับน้ำฝน เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐาน พร้อมทั้งมีการทดสอบระบบอื่น ๆ อีก เช่น การชาร์จเร็ว การชาร์จช้า และการทดสอบระบบพลังงานใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบระบบ OTA การควบคุมระยะไกล การอัปเกรดซอฟต์แวร์ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานก่อนออกจากโรงงาน

    ภายในโรงงาน Inside Factory

    เริ่มที่ฝ่ายปั๊มขึ้นรูป (Stamping Workshop) ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 16,000 ตารางเมตรมีพื้นที่เก็บแม่พิมพ์ โดยความแม่นยำในการแปรรูปพื้นผิวแม่พิมพ์สามารถทำได้ถึง 0.03 มิลลิเมตร ซึ่งสามารถตอบสนองต่อความต้องการในการปั๊มที่มีความแม่นยำสูงของพื้นผิวที่ซับซ้อนได้ เครื่องปั๊มอัตโนมัติ สั่งการโดยระบบอัจฉริยะ มีขนาดใหญ่ที่ 8 ลิงก์ มีกำลังการผลิต 6,400 ตัน ซึ่งถืออยู่ในระดับชั้นนำของโลก เช่นเดียวกับโรงงาน GEELY Polar Krypton และโรงงาน LYNK&CO

    ต่างก็ใช้หุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำสูงในการถ่ายโอนกระบวนการ สามารถทำการเปลี่ยนแม่พิมพ์อัตโนมัติแบบคลิกเดียวได้ภายในเวลา 3 นาทีซึ่งชิ้นส่วนที่ปั๊มแล้วจะถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบในคลังชิ้นส่วน และจะพร้อมถูกส่งไปยังสายการเชื่อมต่อเข้าสู่โซนเชื่อม (Welding Workshop) ซึ่งมีพื้นที่ราว 45,000 ตารางเมตร โดยในรถหนึ่งคันจะมีจุดเชื่อม ถึง 5,899 จุด โดยในจำนวนนี้กว่า 3,574 จุด ถูกเชื่อมโดยระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ทั้งหมดนี้ใช้ความถี่กลางควบคุมคุณภาพของการเชื่อม

    RIDDARA

    RIDDARAมากันที่สายการประกอบ (Assembly Line) ซึ่งเป็นจุดที่ทำการยืนยันความแม่นยำขั้นสุดท้ายและปรับแต่งตัวถัง ทางด้านซ้ายของท่านคือสายการเชื่อมหลัก ซึ่งสามารถทำการเชื่อมอัตโนมัติพร้อมตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์รถกระบะพลังงานไฟฟ้าจำเป็นต้องมีโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีน้ำหนักเบา เราใช้เหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงแต่มีน้ำหนักเบาสูงถึง 30%

    สายการผลิตที่เกี่ยวข้องยังมีการใช้การเชื่อมต่อแบบผสมผสานระหว่างเหล็กและอลูมิเนียมโดยใช้อุปกรณ์ชื่อ FDS แบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยรับประกันคุณภาพการเชื่อมต่อตัวถังได้อย่างมีประสิทธิภาพสายการผลิตมีการใช้หุ่นยนต์ KUKA ซึ่งมีความแม่นยำสูงสามารถยกน้ำหนักได้ถึง 600 กิโลกรัม ทำงานได้นานถึง 10,000 ชั่วโมง

    มีค่าความคลาดเคลื่อนน้อยกว่า 0.05 มิลลิเมตรนอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การทดสอบที่ไม่ทำลายโดยคลื่นอัลตราโซนิก การตรวจสอบด้วยภาพ การแกะสลักแบบพิกัดแบบคานคู่ และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อตรวจสอบคุณภาพอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างความมั่นใจในการคุ้มกันตัวถังที่มีคุณภาพสูง

    RIDDARA

    ฝ่ายสี (Painting Workshop) ซึ่งมีพื้นที่  43,000 ตารางเมตร เพื่อให้มั่นใจในความสะอาดของโรงงาน โรงงานทั้งหมดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันบวก มีการใช้ฟิล์ม pretreatment ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดในเรื่องของสีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและปริมาณของเสีย

    สิ่งอันตรายจากโลหะหนักในการบำบัด ส่งผลให้มีการประหยัดพลังงานพร้อมปกป้องสิ่งแวดล้อม สร้างประสิทธิภาพในการป้องกันการกัดกร่อนของตัวถังได้มาตรฐานสากลที่สูงที่สุด โดยมีแบบไม่ขึ้นสนิม 6 ปี และไม่ขึ้นสนิม 12 ปี

    สายการผลิตทั้งหมดของโรงงานใช้ระบบขนส่งอัตโนมัติและการพ่นสีแบบไร้คนขับโดยใช้กระบวนการเคลือบผิวแบบปลอดน้ำ ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานลง 60% เมื่อเทียบกับกระบวนการแบบดั้งเดิม และอัตราการกำจัด VOC ในก๊าซไอเสียจากการเผาไหม้คือ 99% ถือเป็นโรงงานประหยัดพลังงานสีเขียวชั้นนำเลยทีเดียว เข้าสู่บริเวณหลักในการทาสี ตัวถังที่ถูกพ่นสีแล้วจะถูกส่งไปยังฝ่ายประกอบ (Assembly Workshop)โดยอัตโนมัติ โดยตัวถังทั้งหมดจะไม่ไหลออกจากสายหรือไม่ออกจากโรงงานเพื่อทำการแปลงส่วน

    RIDDARAและมาถึงฝ่ายประกอบขั้นสุดท้าย (Final Assembly Workshop) ซึ่งมีพื้นที่ 43,000 ตารางเมตร หากเทียบกับการผลิตจำนวนมากของบริษัทรถยนต์แบบดั้งเดิม โรงงานเราได้มียึดบนพื้นฐานของระบบการผลิตที่ปรับแต่งเองขั้นสูง เช่น โรงงานของ GEELY Polar Krypton, Lotus, Polar Star

    เราได้อัพเกรดและสร้างโรงงานประกอบขั้นสุดท้ายที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ปรับแต่งเองได้ตามหลากหลายของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ผ่านแพลตฟอร์มเก็บอากาศ จะเข้าสู่สายพานการประกอบภายในก่อน การประกอบสายไฟ สายรัดหลังคา เพดาน แผงหน้าปัด และโมดูลอื่นๆ

    RIDDARA

    จากนั้นจะถูกส่งไปยังสายพานช่วงล่าง ประกอบระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลัง และโมดูลแบตเตอรี่ และสุดท้ายใส่เบาะประตูและน้ำมัน การวางแผนโดยรวมใช้การประกอบย่อยแบบยืดหยุ่น แบบออฟไลน์ และการประกอบแบบแยกส่วนแบบสายหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการการผลิตที่หลากหลายและสามารถกำหนดเองได้ หลังจากผ่านการประกอบสายขั้นสุดท้ายเสร็จสมบูรณ์ จะเข้าสู่สายพานการตรวจจับฟังก์ชัน เพื่อทดสอบเทียบประสิทธิภาพของรถยนต์ ซึ่งสามารถตอบสนองฟังก์ชันการตรวจจับของการจัดตำแหน่งทั้งสี่ล้อ การปรับเทียบอุปกรณ์ต่าง ๆ แบบครอบคลุม การทดสอบแรงเบรก การปรับเทียบ ADAS และอื่น ๆ

    RIDDARAจากการตั้งแบรนด์เมื่อปี 2021 มุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนารถกระบะพลังงานไฟฟ้า100% บริษัทได้เปิดตัวรถกระบะอัจฉริยะที่มีระบบเชื่อมต่อเครือข่ายอย่าง Radar Horizon ซึ่งโดดเด่นด้วยจุดเด่น 4 ประการคือ ความสามารถในการปีนเขา การลากจูง การบรรทุก และการลุย นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า บริษัทยังได้พัฒนารถกระบะที่มีจุดเด่น 7 ประการ ภายใต้ อัตตราการเร่ง การจ่ายกระแสไฟฟ้าสู่ภายนอก และประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน

    สำหรับ RIDDARA RD6 กระบะอีวีวิ่งไกล 437 กิโลเมตร (NEDC) มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อเตรียมเข้าสู่ตลาดเมืองไทยช่วงเดือนตุลาคมนี้ โดยลอตแรกมาไทย 300 คัน ส่งมอบสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts