หลังจากที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เเปิดตัว Suzuki FRONX ไปแล้วล่าสุดไทยก็พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวและเป็น 1 ใน 2 รุ่นใหม่เข้าขายปีนี้
Suzuki FRONX เอาพื้นฐานของรุ่น BALENO มาปรับใหม่และตกแต่งคล้ายรุ่น Grand Vitara สไตล์เอสยูวียกสูง
หล่อตั้งแต่กระจังหน้าขนาดใหญ่ พร้อมปีกแนวนอนปักโลโก้ S โครเมียม ซ่อนกล้องมองภาพไว้ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED สามดวงข้างบน รองรับชุดกันชนหน้าดีไซน์แปลก พร้อมไฟหน้า LED คิ้วชายล่างกันชนสีเงิน คิ้วโครเมี่ยมขอบประตูหรู พร้อมกระจกมองข้างทรงสปูน ราวหลังคาตามสไตล์รถลุย ไฟท้าย LED เต็มวงครอบคลุมถึงฝาท้ายในชุดกันชนหลังทรงสปอร์ต
ล้ออัลอลยลลายทูโทนขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 195/60R16 จาก Goodyear Assurance TripleMax 2 ตัวรถมีขนาดเล็กกว่ารุ่น Grand Vitara โดยตัวรถยังเป็นแพลตฟอร์ม Heartect ตั้งแต่
- ความยาว 3,995 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,765 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,550 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,520 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,480 กิโลกรัม
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 170 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 37 ลิตร
ภายในได้จอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว ลำโพง 6 จุด มาตรวัดเรืองแสง ในชุดคอนโซลหน้าสีดำน้ำตาลที่มีหนังสัมผัสให้ สีเบาะนั่งโทนสีน้ำตาล/ดำหุ้มหนัง ปรับพับได้แบบ 60:40 มีพื้นที่ด้านหลัง 308 ลิตร มีซันรูฟแบบพาโนรามา จอแสดงผลบนกระจกหน้า Head up Display แท่นชาร์จไร้สาย เครื่องปรับอากาศด้านหลัง พอร์ตชาร์จ USB ด้านหลัง ทันสมัยด้วยระบบสตาร์ทเครื่องยนต์โดยใช้สมาร์ทโฟนหรือสมาร์ตวอทช์ สั่งการด้วยเสียงที่เข้ากันได้กับ Google Assistant และ Siri
ขุมพลังมีให้เลือกทั้งเบนซิน Mild Hybrid SHVS ขนาด 1.5 ลิตร รหัส K15C ให้กำลังสูงสุด 101 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที พ่วงด้วยแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน 12V ครั้งนี้ขยายความจุใหญ่ขึ้นเป็น 10 Ah หรือ 0.12 kWh (เดิมเป็น 6 Ah หรือ 0.072 kWh)
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ISG WA06A ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์ถึง 3 แรงม้าที่ 800-1,500 รอบต่อนาที แรงบิด 60 นิวตันเมตรที่ 100 รอบต่อนาที รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วย เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
และมีรหัส K15B เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม ความปลอดภัย Safety มาแบบจัดเต็ม Suzuki Safety Support ทั้ง
- ป้องกันการชนด้านหน้า Dual Sensor Brake Support II (DSBSII)
- ล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keep Assist (LKA)
- ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน Lane Departure Prevention (LDP)
- ช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Vehicle Swaying Warning
- ช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor (BSM)
- ช่วยเตือนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HBA)
กับความปลอดภัยพื้นฐานทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา เบรก ABS EBD ช่วยกระจายแรงเบรก รวมทั้งระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Hold Control จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX และ Top tether และกุญแจนิรภัย Immobilizer
Suzuki FRONX ประกอบที่อินโดนีเซียคาดเปิดตัวและขายไทยอย่างเป็นทางการ กันยายนนี้ พร้อมกับเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายจะมีเครือข่ายศูนย์บริการมาตรฐาน 95 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศจากปัจจุบันมี 93 แห่งล่าสุด ได้เปิดโชว์รูมมาตรฐานเพิ่มอีก 1 แห่งคือบริษัท ซูซูกิ ออโต้ เชียงใหม่ จำกัด สาขาดอนจั่น จังหวัดเชียงใหม่
ปัจจุบันศูนย์บริการเปิดให้บริการแล้วในจังหวัดพัทลุง มหาสารคาม และปราจีนบุรี รวมถึงจังหวัดแพร่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพร้อมเปิดบริการในเดือนสิงหาคมนี้ ภายใต้เครือข่ายศูนย์บริการมาตรฐาน 2S (Service & Spare Parts) รวมถึงสนับสนุนให้ผู้จำหน่ายรรายเดิมเพิ่มศักยภาพการให้บริการหลังการขายในพื้นที่ที่ยังไม่มีโชว์รูมจำหน่ายเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการของลูกค้าในแต่ละภูมิภาค ให้สามารถเข้าถึงบริการมาตรฐานได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น ภายใต้ 3S (Sales, Service & Spare Parts) เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานและลดความกังวลของลูกค้าในพื้นที่ห่างไกล
จะให้บริการงานซ่อมบำรุงทั่วไปงานบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ ซึ่งจะดำเนินการโดยช่างผู้ชำนาญการที่ผ่านการอบรมจากบริษัทฯ พร้อมด้วยเครื่องมือมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพในการใช้งานรถของลูกค้า นอกเหนือจากนั้น มีการจัดจำหน่ายและติดตั้งอะไหล่แท้ของ Suzuki (Genuine Suzuki Spare Parts Supply) ซึ่งมีคุณภาพและความทนทานสูงผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ มีระบบสำรองอะไหล่และกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการอย่างรวดเร็ว
และมีแผนที่จะเพิ่มศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานซึ่งปัจจุบันมี 44 แห่ง รวมถึงขยายจำนวนศูนย์บริการ 2S เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกเหนือจากนี้ ได้สนับสนุนให้ผู้จำหน่ายขยายบริการ “Mobile Service” ช่วยให้ลูกค้าได้รับการดูแลรถโดยไม่ต้องเดินทางไปยังศูนย์บริการ โดยทีมช่างผู้ชำนาญการพร้อมให้บริการพื้นฐานที่จำเป็นตามรอบระยะ เป็นต้น