ออสเตรเลียคือรายล่าสุด เปิดตัว Volvo XC60 ไมเนอร์เชนจ์รอบที่ 2 หลังเผยโฉมครั้งแรกเมื่อต้นปี 2021
Volvo XC60 ไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่ 2 ในรอบ 8 ปี ของร่างเจเนอเรชันที่ 2 ปรับครั้งนี้ ในร่างเอสยูวีคอมแพ็คตัวหรู
หน้าตามีดีเทลที่เปลี่ยนไป
- กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมใหม่ติดตราโลโก้ Iron Mark ไส้ในทรงทแยงมุมใหม่
- ไฟหน้า Thor’s Hammer แบบ LED พร้อมไฟ DRL หรือ Daytime Running Light ฝังไว้ในโคมเป็นรูปตัว T
- ลงตัวด้วยกันชนหน้าปรับลุคสีทูโทน
- หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ
- ราวหลังคาแบบบิ๊วอินน์
- กระจกมองข้างทรงสปูน
- ที่เปิดประตูดึงก้าน
- ปรับในส่วนคิ้วชายล่างสีเดียวกับตัวรถ
- ไฟท้าย LED แบบ L Shaped ใหม่แบบรมดำ
- กันชนหลังซ่อนรูปท่อไอเสียอย่างลงตัวและเรียบเนียนโดยออกแบบลิ้นสปอยเลอร์หลังใหม่ซ้ายขวาทรงตัวยูเชื่อมตรงกลางทรงสามเหลี่ยม
- ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60 R18 กับขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55 R19
จากพื้นฐาน SPA 1 Platform
- ความยาว 4,708 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,902 มิลลิเมตร (รวมกระจกมองข้าง 2,117 มิลลิเมตร)
- ความสูง 1,651 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,865 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 216 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,931- 2,183 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 71 ลิตร
ภายในปรับในส่วนจอสัมผัส
- จอสัมผัสขนาดใหญ่แบบลอยตัวขนาด 11.2 นิ้ว with Google Built in ที่ให้คุณใช้แอปอย่าง Google Maps, Google Assistant ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่านคำว่า “Hey Google” เพื่อควบคุมแอป อย่าง Sportify รวมทั้ง Google Play
- ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Volvo Cars App บนสมาร์ทโฟนของผู้ขับขี่ก็สามารถทำได้พร้อมระบบปฏิบัติการ Android สามารถอัปเดตผ่านทาง OTA (over-the-air) และ Apple Car Play
- พวงมาลัยทรงสปอร์ต 3 ก้านมาพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชันขนาดใหญ่
- มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว
- จอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า HUD 9 นิ้ว
- เครื่องเสียงติดรถยนต์มีให้เลือกทั้งแบบปกติ High Performance audio 11 จุด แอมปลิไฟเออร์ 225 วัตต์
- แบรนด์พรีเมียม Premium Sound by Bowers & Wilkins สเตอริโอรอบทิศทางที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดเป็นมิติฟังนุ่มหูที่สุดของโลก ระบบเสียงชั้นนำชุดนี้มาพร้อมกับแอมพลิฟายเออร์ 1,410 วัตต์ และลำโพง 15 จุด รอบห้องโดยสารรวมซับวูฟเฟอร์ Dirac Dimensions เลือกฟังได้ 4 โหมด ได้แก่ Jazz Club, Studio, Individual Stage และ Gothenburg Concert Hall ที่สร้างสรรค์ประสบการณ์การได้ยินเหมือนนั่งอยู่ใน Gothenburg Concert Hall
- ระบบฟอกอากาศอัจฉริยะพร้อมเซนเซอร์วัดค่า PM2.5 และ Clean Zone ดักละอองฝุ่น เกสรดอกไม้ อันเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ในชุดเครื่องปรับอากาศแบบแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาและด้านหลัง
- wireless charger ไร้สายออกแบบช่องใหม่
- ที่วางแก้วใหม่
- งานออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนอันโด่งดังทั้งหัวเกียร์คริสตัลเจียระไนตกแต่งด้วยไม้แอชรมดำจากบริษัทผลิตแก้วชื่อดัง ORREFORS
- หรูหรา 5 ที่นั่ง มีพื้นที่สัมภาระด้านท้ายมากถึง 468 ลิตรกรณีไม่พับเบาะแบบ 60/40
ขุมพลังให้เลือกหลากหลาย
คงเดิมทั้งเบนซิน Drive-E AWD Plug-In Hybrid T8 ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ (Turbocharger) ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 18.8 kWh ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบ่งเป็นล้อหน้าขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ล้อหลังขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ชาร์จได้เฉพาะกระแสสลับ AC ชาร์จสูงสุด 3 ชั่วโมง
รหัส B4204T53 ให้กำลังสูงสุด 317 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 3,000-5,400 รอบต่อนาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 145 แรงม้าที่ 15,900 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 309 นิวตันเมตรที่ 0-3,280 รอบต่อนาที และเมื่อรวมกับกำลังเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า จึงได้เครื่องยนต์ที่มีพละกำลังแรงถึง 462 แรงม้า เรียกพลังจากแรงบิดสูงถึง 709 นิวตันเมตร
ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.8 วินาที การชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งได้ไกลสุดในโหมด Pure mode โหมดไฟฟ้าอย่างเดียววิ่งได้ไกลสุด 88.7 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC หรือ 89 กิโลเมตร (WLTP) มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบ่งเป็นล้อหน้าขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ล้อหลังขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้า
ขุมพลัง Mild Hybrid จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 48 V ให้กำลัง 14 แรงม้า แรงบิด 40 นิวตันเมตร พร้อมระบบนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่และเบรกแบบ Brake-by-Wire เพิ่มประสิทธิภาพความแรงและประหยัด ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD กับ เบนซินเทอร์โบ B5 รหัส B420T11 ให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า ที่ 5,400-5,700 รอบต่อนาที แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 3,300-7,500 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.9 วินาที ทำได้ 6.7 วินาที
ทุกรุ่นยังได้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบทรอนิค (GEARTRONIC) พร้อมโหมดการขับขี่ 6 โหมดดังนี้ทั้ง Pure Electric เฉพาะรุ่น PHEV, Hybrid Mode เฉพาะรุ่น PHEV, Individual mode ,Power Mode ,OFF Road และ Constant AWD
พร้อมระบบความปลอดภัยรอบคันด้วยระบบเซนเซอร์ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบหลีกเลี่ยงการชน ตลอดจนระบบ Pilot Assist เพื่อให้ทุกการขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งกว่าที่เคย
Volvo XC60 ไมเนอร์เชนจ์ขายออสเตรเลีย 4 รุ่นย่อย 2 เกรดหรูทั้งรุ่น PLUS และ ULTRA เริ่มต้น $74,990-$101,990 เป็นราคาไม่รวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road ของออสเตรเลีย หรือราว 1,585,000-2,149,000 บาท
ที่มา Volvo