More

    เปิดตัว “The City Hatchback e:HEV” ครั้งแรกในโลก พร้อมเติมเต็ม “The City Series” ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

    บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำตำแหน่งผู้บุกเบิกและผู้นำเซกเมนต์ซิตี้คาร์ในประเทศไทย เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV (ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี) ใหม่ ครั้งแรกในโลก ยนตรกรรมซิตี้คาร์แฮทช์แบ็กฟูลไฮบริด ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งของไลน์อัปไฮบริดของฮอนด้าไปอีกขั้น และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของ “เดอะ ซิตี้ ซีรีส์” (The City Series) มาพร้อมจุดเด่นเทคโนโลยี Full Hybrid อันทรงพลัง กับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda SENSING) พร้อมด้วยเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์กับเบาะนั่ง อัลตราซีท (ULTR) ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม ดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ด้วยดีไซน์สไตล์ RS รอบคัน เสริมเอกลักษณ์ยนตรกรรมไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และโลโก้ e:HEV พร้อมแนะนำสีใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟกับสีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) เสริมความมั่นใจในการใช้งานด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง* อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) คุ้มค่าเกินคลาส ด้วยราคาจำหน่ายรุ่น e:HEV RS 849,000 บาท

    มีให้เลือก 6 สี คือ  สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) เฉพาะซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี เท่านั้น สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)

     

    *ข้อเสนอพิเศษเพื่อลูกค้า กับ ดอกเบี้ย 2.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2564 – 31 กรกฎาคม 2564 รับฟรีหูฟัง Skullcandy True Wireless Earbuds รุ่น Sesh Evo สี Deep Red มูลค่า 3,590 บาทสัมผัส ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป 

     

    ขุมพลังสมรรถนะเครื่องยนต์และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

    • ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD)
    • ระบบ Full Hybrid ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว
    • ระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT)
    • แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก แรงเกินคลาส โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาดเพื่อตอบรับกับทุกการใช้งาน ตอบสนองทันใจด้วย
    • แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 86 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20

    เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ 

    • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
    • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
      ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
    • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
    • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และ ระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
    • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)
    • เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT)

    ดีไซน์ภายนอก

    ตกแต่งสปอร์ตรอบคัน โดดเด่นด้วยยนตรกรรมไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้าและสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย เสริมความสปอร์ตยิ่งขึ้นกับดีไซน์สไตล์ RS รอบคัน ด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS กันชนหน้าและหลังสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED และ ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต

     

    ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร

    กว้างขวาง ผสานฟังก์ชันการใช้งานและเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์ไว้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งแถบสีแดง รองรับการใช้งานในทุกมูฟเมนต์ด้วยเบาะนั่ง อัลตรา ซีท (ULTR) ที่สามารถแยกพับแบบ 60:40 และปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด พร้อมด้วยห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ได้แก่

    • Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
    • Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
    • Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
    • Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด

     

    เสริมความสปอร์ตพรีเมียมในทุกมูฟเมนต์ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ที่มาพร้อมแนวคิด “Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก อาทิ ชุดป้องกันรอยบริเวณที่เปิดประตู ราคา 1,100 บาท ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง ราคา 5,500 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท คิ้วบันไดสแตนเลส LED ราคา 4,400 บาท แผงครอบกันรอยขอบห้องสัมภาระ ราคา 900 บาท กล้องวิดีโอติดรถยนต์ ราคา 3,850 บาท
    หรือเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ทั้งหมด 2 แพ็กเกจ

    • Modulo Aero Sport Package ราคา 21,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น และ ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง
    • Modulo Aero Package ราคา 16,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และ สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น

     

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับเซลทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th ติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/cityhatchbackehev

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts